ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน อุบายรักลิขิตเสน่หา บทที่ 20
หลังออกมาจากจวนอันติ้งป๋อแล้วเฮ่อหลันฉือยังรู้สึกกลัดกลุ้มเล็กน้อย
ประเด็นหลักคือนางคิดว่าคุณหนูจวนอันติ้งป๋อผู้นี้ทำเพื่อเซียวหนานสวินเช่นนี้ไม่คุ้มค่าเลย
ครั้นกลับมาถึงจวน รออยู่ครู่หนึ่งไม่เห็นลู่อู๋โยว เฮ่อหลันฉือจึงรู้ว่าแปดส่วนคือเขาไปร่วมดื่มสังสรรค์กับสหายร่วมงาน ปกตินางก็ไม่รีบร้อน แต่เวลานี้จู่ๆ กลับอยากพูดคุยกับเขามากเหลือเกิน
เฮ่อหลันฉือเดินไปเดินมาอยู่ในห้องนอนครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินไปที่ห้องหนังสือของลู่อู๋โยว สุดท้ายก็ย้อนกลับมาที่ห้องนอนแล้วคิดถึงเรื่องที่นางกับเขามีสัมพันธ์ลึกซึ้ง ใบหน้าจึงแดงขึ้นมาโดยพลัน โคนขายังรู้สึกปวดเมื่อยอยู่เล็กน้อย
นางนั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งแล้วคำนวณเวลา รู้สึกเพียงว่าเวลาดูเหมือนจะผ่านไปช้ามากเป็นพิเศษ นางจึงหยิบสะดึงที่วางอยู่ด้านข้างขึ้นมา แต่จู่ๆ ก็ไม่อยากปักมันเสียแล้ว จากนั้นไม่นานก็รู้สึกสะลึมสะลือเล็กน้อยจึงฟุบหลับอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง
ครั้นตื่นขึ้นมาข้างหูก็มีเสียงของลู่อู๋โยวดังขึ้น “เหตุใดจึงมานอนหลับที่นี่”
เขาแตะไหล่ของนางทีหนึ่ง เฮ่อหลันฉือจึงยืดตัวหันหน้าไปเอ่ยถามอย่างงัวเงียเล็กน้อย “ยามใดแล้ว”
ลู่อู๋โยวยังคงมีสภาพดังเดิม สวมชุดกิเลน ท่าทางสุภาพงามสง่า ดวงตาดอกท้อคู่นั้นแฝงความรักใคร่ไว้หลายส่วน หล่อเหลาจนเหมือนเพิ่งกลับจากการเดินแสดงตัวตามถนนตอนรับตำแหน่ง
เฮ่อหลันฉือเห็นหน้าเขาก็รู้สึกสบายใจในทันใด
หลังจากประมาณเวลาคร่าวๆ แล้วลู่อู๋โยวจึงเอ่ยว่า “เพิ่งผ่านยามไฮ่กระมัง มีอะไรหรือ”
“ดึกมากแล้ว” เฮ่อหลันฉือพูดตามความจริง “ข้าอยากคุยเรื่องหนึ่งกับเจ้า แต่เจ้าไม่กลับมาเสียที ข้ารออยู่นานแล้ว”
ลู่อู๋โยวถามอย่างตกใจว่า “เรื่องใดกัน สำคัญถึงเพียงนี้เลยหรือ”
“ไม่สำคัญมากนัก ก็แค่…”
ครั้นได้ฟังเฮ่อหลันฉือพูดจบ ลู่อู๋โยวคิดว่านางให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า “ถ้าเจ้าสงสารคุณหนูจวนอันติ้งป๋อคนนั้นด้วยใจจริง ข้ามีวิธีหนึ่งที่สามารถทำให้นางหลุดพ้นเร็วขึ้นและยังสร้างความยุ่งยากแก่เซียวหนานสวินได้บ้าง”
เฮ่อหลันฉือถามอย่างตกใจ “วิธีใด”
“เจ้าแค่พูดว่าเจ้าอยากทำหรือไม่”
เฮ่อหลันฉือดึงสติกลับมา “เจ้าสร้างความยุ่งยากให้เซียวหนานสวินได้ เหตุใดจึงไม่รีบสร้าง!”
ลู่อู๋โยวพูดอย่างมีเหตุผล “ซ่อนความสามารถเอาไว้ ระยะนี้เขายังพออยู่อย่างสงบ ไม่มีเรื่องใดจะไปหาเรื่องเขา แต่ถ้าเจ้าอยากก็ใช่ว่าจะไม่ได้”
เฮ่อหลันฉือรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา “อาจจะนำอันตรายมาให้เจ้ากระมัง…เช่นนั้นก็ช่างเถอะ!”
“ไม่เป็นไร” ลู่อู๋โยวพูดทันที รู้สึกว่าท่าทางตื่นเต้นของนางน่ารักเป็นพิเศษ จึงก้มหน้าลงอยากจะจุมพิตนางทีหนึ่ง ทันใดนั้นก็นึกอะไรขึ้นได้อีกจึงพูดเสียงเบาว่า “เจ้ายังเจ็บหรือไม่ ยังไม่สบายตัวอยู่หรือ”
เฮ่อหลันฉือส่งเสียง “หืม?” ยังคงคิดตามไม่ทัน
ลู่อู๋โยวขยับเข้าใกล้ใบหูนาง พูดด้วยเสียงแผ่วเบาระคนเสียงหัวเราะเล็กน้อย “ข้ารู้สึกว่าเจ้ายังติดค้างข้าอีกหนึ่งครั้งใช่หรือไม่ พักผ่อนพอหรือยัง”
เฮ่อหลันฉือรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย
อารมณ์ของนางคงจะเขียนไว้บนใบหน้า ลู่อู๋โยวตัวเกร็งไปครู่หนึ่งก่อนจะขยับออกห่างนางแล้วพูดด้วยเสียงแผ่วเบา
“ถ้ายังเจ็บก็ช่างเถอะ”
เฮ่อหลันฉือยั้งคำที่อยากจะพูดเอาไว้ ไม่เพียงเป็นปัญหาว่านางรับไหวหรือไม่ หากทรมานกันทั้งคืน เขาจะไปบรรยายตำราช่วงเช้าที่สำนักราชบัณฑิตได้หรือ จะขอลาบ่อยครั้งก็ไม่ได้ แต่หากทำแค่เพียงหนึ่งครั้ง ดูเหมือนว่า…
ขณะที่นางกำลังคิด ลู่อู๋โยวก็ใช้นิ้วยาวจับปอยผมข้างจอนหูของนางเล่นแล้วเอ่ยถามขึ้นทันใด “เจ้าฝึกฝนร่างกายเป็นเช่นไรบ้าง”
เฮ่อหลันฉือตกใจ “พอใช้ได้กระมัง”
ท่าทางพื้นฐานและการปรับลมหายใจเข้าออกลู่อู๋โยวเคยสอนนานแล้ว และสอนวิชากระบี่แบบง่ายอีกสองชุด หลังจากเฮ่อหลันฉือจดจำได้ก็ลองฝึกเองกลางลาน พี่ชายน้องสาวเห็นเข้าก็มาชี้แนะนางบ้าง แต่โดยมากนางจะยืนหยัดฝึกฝนเอง
เฮ่อหลันฉือรู้สึกว่าพอผ่านไประยะหนึ่งหูตานางเฉียบคมขึ้นมาก ร่างกายก็เบาลงไม่น้อย ไม่เดินเพียงระยะสั้นๆ ก็รู้สึกเหนื่อยอีกต่อไป พละกำลังก็เพิ่มขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มาก
…แม้ผลลัพธ์ยังคงถูกลู่อู๋โยวทรมานจนแทบตายก็ตาม
“เช่นนั้นข้าสอนอย่างอื่นให้เจ้าอีกสักนิดดีกว่า วิชากระบี่แม้จะดี แต่ไม่ค่อยใช้ได้จริง อย่างไรเสียเจ้าก็พกกระบี่ออกจากบ้านตลอดไม่ได้”
เฮ่อหลันฉืออดรนทนไม่ได้ “เจ้าก็รู้ด้วยหรือ!”
ลู่อู๋โยวอมยิ้มแล้วเอ่ยว่า “แต่ว่าน่ามองนะ”
“…”
มีช่วงเวลาหนึ่งเฮ่อหลันฉือรู้สึกว่าลู่อู๋โยวดูไปแล้วเหมือนนกยูงตัวหนึ่งจริงๆ
“เรียนวิชาหมัดตอนนี้เจ้าน่าจะลำบากพอดู เรียนกระบวนท่าป้องกันตัวที่ง่ายสักนิดก็ไม่เลว” ระหว่างที่ลู่อู๋โยวพูดก็สั่งคนให้ปูผ้านวมสองผืนบนพื้น เขายังใช้มือทดสอบอีกด้วย หลังจากมั่นใจว่าอ่อนนุ่มจึงเงยหน้าขึ้นเรียกชิงเยี่ยมา “เจ้ามานี่ที”
ชิงเยี่ยพอจะเดาได้ถึงจุดจบของตนเองแต่ไม่กล้าปฏิเสธ
ลู่อู๋โยวจับแขนและข้อมือของชิงเยี่ยไว้อย่างไม่ลังเลใจ ออกแรงที่ไหล่เล็กน้อยก็ทำให้ชิงเยี่ยถูกทุ่มล้มหลังกระทบผ้านวมได้อย่างง่ายดาย จากนั้นลู่อู๋โยวก็ดึงแขนของอีกฝ่ายขึ้นมา ดันข้อศอกกดข้อมือ เอี้ยวตัวดัดแขนของอีกฝ่ายกดลงบนผ้านวม การเคลื่อนไหวตั้งแต่ต้นจนจบล้วนคล่องแคล่ว
ชิงเยี่ยร้องอย่างเจ็บปวด “เจ็บๆๆ นายน้อยท่านเบาสักนิดขอรับ!”
ลู่อู๋โยวมองเฮ่อหลันฉือที่มองมาตาไม่กะพริบแล้วถามว่า “ดูเข้าใจหรือไม่ ถ้าดูไม่ชัดเจนข้าจะทำอีกครั้ง”
ชิงเยี่ยสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “นายน้อย นี่คงไม่ต้องแล้ว…”
ลู่อู๋โยวเหล่ตาดุเขา ชิงเยี่ยจึงปิดปากทันที
Comments
