ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน อุบายรักลิขิตเสน่หา บทที่ 21
ลู่อู๋โยวเพิ่งกลับมาพักผ่อนที่สำนักราชบัณฑิตได้ครู่หนึ่ง ขณะกำลังชงชาให้ตนเองก็มองเห็นหลินจางที่ดูไม่สดชื่น
ลู่อู๋โยวตื่นตัวขึ้นมาทันที เอ่ยถามว่า “เซ่าเยี่ยน เป็นอะไรไปอีกเล่า”
หลินจางเห็นว่าเป็นลู่อู๋โยวก็เผยรอยยิ้มเศร้า “ยังคงเป็นเรื่องนั้น”
การแต่งงานที่ไม่ลงรอยกันสร้างปัญหาให้ผู้คนได้จริงๆ
ลู่อู๋โยวพูดอย่างหวังดีว่า “ก่อนหน้านี้ข้าแนะนำให้เจ้าพูดเอาใจฮูหยินของเจ้า เจ้าเคยลองหรือยัง”
หลินจางพยักหน้า จากนั้นก็ส่ายหน้าแล้วเอ่ยว่า “เอาใจน่ะเอาใจแล้ว แต่ดูเหมือนไม่มีประโยชน์อะไร”
เขาพยายามจะเข้ากับเว่ยอวิ้นอย่างดีแล้ว ด้วยเรื่องนี้เขายังถามสหายร่วมงานอีกหลายคน สหายร่วมงานกระตือรือร้นอย่างยิ่ง
‘อยากเรียนวิธีพูดจาหวานหูกับสตรีเช่นไร เรื่องนี้มิง่ายหรือ หลังเลิกงานเจ้าตามพวกเราไปได้เลย’
หลินจางตามพวกเขาไป ใครจะรู้ว่าที่พวกเขาพาไปกลับเป็นสถานที่หาความสำราญ
หญิงคณิกามากมายเกาะแขนเสื้อของหลินจางจะดึงตัวเขาเข้าไป หลินจางสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก ดึงรั้งตรงประตูอยู่นาน ปฏิเสธซ้ำหลายคราจึงหลุดมาได้
ตอนกลับไปหลินจางยังรู้สึกในใจเหนื่อยล้า ใครจะคาดคิดว่าเรื่องนี้กลับถูกบ่าวที่เว่ยอวิ้นส่งมาติดตามเขาเห็นเข้า กลับไปพูดเสริมเติมรสยกใหญ่ เว่ยอวิ้นโมโหโกรธาทันที
หลินจางยังไม่ทันเหยียบเข้าไปในจวนก็เกือบถูกแท่นฝนหมึกขว้างใส่
‘หลินเซ่าเยี่ยน เจ้าเก่งมากนะ! แม้แต่หอคณิกายังกล้าไป!’
หลินจางหลบสิ่งของนานาชนิดที่ถูกขว้างปามาพลางพูดอธิบายอย่างร้อนรนว่า ‘สหายร่วมงานบังคับลากตัวข้าไป ข้าไม่รู้เรื่องเลย และข้าก็ไม่ได้เข้าไปด้วย’
‘เจ้าหลอกผีหรือ!?’ เว่ยอวิ้นเท้าเอว เห็นชัดว่าไม่เชื่อ ‘ข้ายังคิดว่าเจ้าเป็นคนบริสุทธิ์แข็งกล้า ที่แท้ก็มีความเจ้าชู้อยู่เต็มท้อง…’
หลินจางเดิมทีเหนื่อยล้ามากแล้ว ยังถูกใส่ความเช่นนี้อีก ความอดทนของเขามาถึงขีดสุดแล้วจริงๆ เขาตัดสินใจไม่หลบเลี่ยงอีกต่อไป
แท่นวางพู่กันที่เว่ยอวิ้นขว้างมากระแทกเข้าขมับของหลินจาง เลือดสายหนึ่งไหลลงมาตามขมับของเขา เว่ยอวิ้นเองก็ตกตะลึงในทันที
‘เหตุใดเจ้าจึงไม่หลบเล่า!’
หลินจางพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ‘ในเมื่อเจ้าโกรธ เช่นนั้นเจ้าก็ระบายอารมณ์เถอะ’
‘นั่นข้าไม่ได้…’ เว่ยอวิ้นพูดไม่ออกเช่นกัน
‘เจ้ายังโกรธหรือไม่’ เลือดไหลมาถึงหางตาของหลินจางแล้ว
เว่ยอวิ้นขยับริมฝีปาก ‘เช่นนั้นเจ้าห้ามไปหอคณิกาอีกนะ’
‘เดิมทีข้าก็ไม่ได้ไปสถานที่เช่นนั้น บอกเจ้าแล้วว่าสหายร่วมงาน…’ หลินจางถอนใจเฮือกหนึ่ง ทันใดนั้นก็นึกถึงคำที่ลู่อู๋โยวพูดกับเขาขึ้นมาได้ น้ำเสียงจึงอ่อนลงในทันที ‘ได้ ข้าจะไม่ไปอีกแล้ว เจ้า…อย่าโกรธเลย’
เขาถึงขั้นไม่รู้ว่าเหตุใดนางต้องโกรธถึงเพียงนี้ นางไม่มีใจต่อเขา เดิมทีควรจะไม่สนใจอะไรเลยมิใช่หรือ…หรือนางอาจจะทำเพื่อศักดิ์ศรี?
‘อ้อ’ หลังจากเว่ยอวิ้นรับคำแล้วก็เดินเข้ามาใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดรอยเลือดบนใบหน้าของเขา
ตอนที่หลินจางคิดว่าจะจบเรื่อง ปลอดภัยไร้ปัญหาใดแล้ว เว่ยอวิ้นกลับเริ่มหาเรื่องเขาอีกทั้งยังบ่อยครั้งขึ้น แม้แต่ตอนที่เขาเลิกงานกลับจวนมาเก็บตัวอยู่ในห้องหนังสือ…ไม่ว่าเขาจะยอมอ่อนข้อหรือพูดจาอ่อนโยนด้วยอย่างไร เว่ยอวิ้นก็จะดึงดันหาเรื่องเขาให้ได้ทุกที
สุดท้ายเขาถึงขั้นได้ยินนางสบประมาทเขาให้คนอื่นฟัง บอกว่าเขาไร้สมรรถภาพ
ลู่อู๋โยวยังรู้สึกตกใจหลายส่วน “ฮูหยินของเจ้าไม่ชอบวิธีนี้หรือ”
“ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน…” หลินจางกดขมับ จุดที่ถูกขว้างของใส่แม้แผลจะสมานเร็วมาก แต่ยังคงรู้สึกเจ็บเล็กน้อย “อาจเป็นเพราะนางไม่ชอบข้าคนนี้กระมัง”
“เช่นนั้นคงทำได้เพียง…ดูว่าจะทำให้นางชอบเจ้าได้อย่างไร” ลู่อู๋โยวพูดอย่างไร้มโนธรรมว่า “ฮูหยินให้ข้ากลับไปอยู่กับนางเร็วหน่อย ข้าไม่อาจอยู่นานแล้ว ขอตัวก่อน”
หลังจากนั้นไม่นานลู่อู๋โยวกลับถึงบ้านก็เห็นเฮ่อหลันฉือนอนซมอยู่บนเตียง…นางกำลังมีระดู
ระดูของเฮ่อหลันฉือมักจะมาไม่ตรงเวลาอย่างยิ่ง สิ่งเดียวที่โชคดีคือหลังกลับจากไปพักฟื้นที่ชิงโจวก็ไม่ได้ปวดท้องเป็นพิเศษ ยามปกตินางจะไม่พูดเรื่องนี้กับลู่อู๋โยว จะทำความสะอาดตนเองจนสะอาด ลู่อู๋โยวก็ไม่เคยมาสอบถามนางเช่นกัน
คิดไม่ถึงว่าตอนนี้เขากลับมาถามนั่นถามนี่ และยังมีท่าทางศึกษาอย่างจริงจังมากอีกด้วย
เฮ่อหลันฉือเขินอายจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ “หุบปากเถอะ ขอร้องล่ะใต้เท้าลู่”
“นี่ข้าก็ช่วยเจ้าแบ่งเบาความกังวล แก้ปัญหาให้เจ้ามิใช่หรือ ข้าไม่มีปัญหาเช่นนี้ เห็นเจ้ามีก็รู้สึกสงสารมาก จะให้ข้าเขียนใบสั่งยาบำรุงจัดยาให้เจ้าสักนิดหรือไม่ จะว่าไปทำให้เวลาสั้นลงได้หรือไม่ เจ้าจะไม่สบายตัวนานเช่นนี้จริงหรือ”
เฮ่อหลันฉือกุมท้องแล้วพูดว่า “เจ้าทำเป็นไม่รู้ไม่ได้หรือ”
“เหตุใดจึงไม่ให้คนเป็นห่วงอีก หรือว่าข้าถ่ายกำลังภายในให้เจ้าอีกสักนิดดีหรือไม่ เมื่อก่อนเจ้า…” ลู่อู๋โยวหยุดเล็กน้อย “หลบข้าตลอดอย่างนั้นหรือ”
เมื่อก่อนมีอยู่หลายวันที่เฮ่อหลันฉือจะไม่นอนในห้อง ลู่อู๋โยวคิดไปว่าทุกคนล้วนมีเวลาที่อยากอยู่ลำพังจึงไม่ค่อยใส่ใจนัก
นางส่ายหน้า ไม่ค่อยอยากสนใจเขา
ลู่อู๋โยวจึงถามเสียงเบาอีกว่า “ปวดมากหรือ”
เฮ่อหลันฉือส่ายหน้า “พอทนได้”
“มีวิธีผ่อนคลายหรือไม่”
“อดทนสักพักก็พอ”
“หรือให้ข้ากอดเจ้า จะดีขึ้นบ้างหรือไม่” ลู่อู๋โยวกางแขนพูดอย่างใจกว้างมาก “ข้าไม่ถือสาถ้าเจ้าจะมานั่งในอ้อมกอดข้า ข้าช่วยนวดให้เจ้าได้…เจ้าปวดตรงท้องน้อยหรือตรงสะดือ ข้าไม่เคยอ่านตำราการแพทย์ทางด้านนี้ เอาไว้จะลองอ่านดู”
“อย่าเสนอความคิดไร้สาระเลยใต้เท้าลู่!”
ลู่อู๋โยวถอนใจอย่างจนปัญญาเล็กน้อย “ก็ได้”
เขาเดินมองวนรอบตัวนางอยู่ครู่ใหญ่ วนไปมาอยู่ข้างกายนาง เฮ่อหลันฉือถูกเขาเดินวนจนรู้สึกปวดศีรษะเล็กน้อย แต่ดูเหมือนไม่ปวดท้องมากนักแล้ว
“เช่นนั้นข้าพูดคุยกับเจ้าเรื่องอื่นก็แล้วกัน ไม่แน่ว่าเจ้าอาจจะสนใจ เบี่ยงเบนความสนใจได้บ้าง” ลู่อู๋โยวพลิกเอาเอกสารจำนวนหนึ่งออกมา “เรื่องของอี้โจวข้าตรวจสอบบ้างแล้ว รวมถึงพวกคดีฆาตกรรมในอดีตด้วย พูดตามตรงมองผิวเผินตรวจสอบได้ยากมาก เอกสารที่ข้าเข้าถึงได้ไม่นับว่ามากนัก แต่ข้าคิดว่ามีคดีหนึ่งที่ผิดปกติเล็กน้อย ไม่นานก่อนหน้านี้ผู้ตรวจการท้องถิ่นอี้โจวออกตรวจการในพื้นที่อี้โจว ปรากฏว่าเจอโจรพเนจรทำร้ายจึงตายในหน้าที่ ปิดคดีได้อย่างค่อนข้างหยาบและเร่งรีบ”
เฮ่อหลันฉือจับประเด็นสำคัญได้เช่นกัน “โจรพเนจร ผู้ดูแลครั้งก่อนนั้น…”
“ถูกต้อง ใครให้โจรพเนจรไร้หลักฐานยืนยันการตรวจสอบเล่า ข้าเคยถามสหายที่กรมอาญา คดีนี้ไม่ถือเป็นความลับสุดยอด แต่ข้อมูลน้อยเกินไปไม่อาจวิเคราะห์ต่อได้ ได้ยินว่าผู้ตรวจการท้องถิ่นผู้นั้นเคยมาแจ้งที่สำนักตรวจการ แต่ข้าไม่รู้เรื่องเลย สืบข่าวนั้นไม่ยาก แต่ถ้าคิดจะตรวจสอบร่องรอยบางอย่าง เกรงว่าข้าคงต้องไปอี้โจวด้วยตนเองสักครั้ง โชคดีที่ตอนนี้สำนักราชบัณฑิตต้องอัญเชิญราชโองการไปที่อี้โจว นี่เป็นงานที่ลำบากชิ้นหนึ่ง ไม่มีคนยินดีจะไป ข้ากำลังคิดว่า…”
Comments
