ในวันประกาศผลสอบระดับเมืองหลวง บรรดาบัณฑิตที่ลู่อู๋โยวกับหลินจางสานสัมพันธ์ในช่วงหลายวันนี้จัดงานเลี้ยงฉลองที่หอจุ้ยเซียนตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว บัดนี้ทั้งคนที่สอบผ่านและสอบไม่ผ่านล้วนมาดื่มฉลองกันอย่างเมามายที่หอสุรา บ้างส่งเสียงโวยวาย บ้างขับขานบทกวี บ้างก็เคาะตะเกียบร้องรำทำเพลง
ครั้นได้ยินว่าบัณฑิตฮุ่ยหยวนอยู่ที่นี่ก็มีคนมาแสดงความยินดีไม่ขาดสาย
“ได้ยินชื่อเสียงของลู่ฮุ่ยหยวนมานาน วันนี้ได้มาคารวะเสียที!”
“ไม่นึกว่าลู่ฮุ่ยหยวนจะยังอ่อนวัยเพียงนี้ วันหน้าข้าคงต้องขอคำชี้แนะเรื่องการเขียนบทความ…”
เสียงอวยพรสรรเสริญดังต่อเนื่องจนถึงยามโฉ่ว ค่อยหยุดลง
หลินจางดื่มสุราไม่เก่ง ถูกกรอกสุราไปพักหนึ่งก็เริ่มวิงเวียน ยามนี้กวาดตามองไปรอบด้าน มีเพียงลู่อู๋โยวที่ยังตื่นตัว
ทั้งที่ลู่อู๋โยวดื่มเข้าไปมากแล้ว แต่สีหน้ากลับยังคงแจ่มใส ดวงตาเป็นประกาย เขาหมุนถ้วยกระเบื้องขาวระหว่างนิ้วเบาๆ พอแลเห็นหลินจางมองมา เขาจึงยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น
“คืนนี้เซ่าเยี่ยนอารมณ์ดีน่าดู นึกว่าเจ้าจะหาข้ออ้างว่าต้องเตรียมสอบหน้าพระที่นั่งขอตัวกลับไปก่อนเสียอีก…”
หลินจางกดขมับ เมื่อครู่เขาเกือบหลับไปแล้ว แต่อารมณ์ตื่นเต้นในวันนี้ยังคงไม่จางไป
“คืนนี้ข้าดีใจมากจริงๆ…” ขณะที่พูดในหัวเขาก็ปรากฏภาพดวงหน้างามหมดจดของสาวน้อยขึ้นมา สองข้างแก้มย้อมสีแดงระเรื่อ
ลู่อู๋โยวหัวเราะ ยกขอบถ้วยเฉียดผ่านข้างริมฝีปากเบาๆ “เป็นเพราะทั้งได้จุดเทียนมงคลเข้าหอ ทั้งสอบผ่านขุนนางใช่หรือไม่”
หลินจางตะลึงไป “เหตุใดเจ้าถึงรู้…” พอพูดออกมาก็รู้ตัวว่าพลั้งปากแล้ว
หากเป็นในยามปกติหลินจางคงจะเงียบเอาไว้ แต่บัดนี้สุรากำลังสำแดงฤทธิ์ สติเขาพร่าเลือนเล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังมีขนมยัดไส้ก้อนใหญ่ตกใส่หัว* เช่นนั้น ไม่มีทางที่ผู้ใดจะไม่รู้สึกล่องลอยราวกับฝันได้
“ไม่ปิดบังจี้อัน เป็นเช่นนั้นจริง” เขาพูดพลางยิ้มโดยไม่รู้ตัว
ถ้อยคำที่ใต้เท้าเฮ่อหลันพูดกับเขาเมื่อตอนกลางวันในห้องหนังสือยังคงก้องอยู่ในหู ไม่ว่าอย่างไรหลินจางก็คาดไม่ถึงว่าตนจะโชคดีถึงเพียงนี้
เขาย่อมรู้ว่ามีคุณชายมากมายเพียงใดที่หมายปองคุณหนูเฮ่อหลันอยู่ ตัวเขาผลการสอบไม่โดดเด่น นิสัยใจคอซื่อๆ น่าเบื่อ คุณหนูเฮ่อหลันก็ไม่เคยแสดงท่าทีต่อเขาเป็นพิเศษ ฉะนั้นเขาจึงเจียมเนื้อเจียมตัวอยู่ตลอด ไม่กล้าคิดเพ้อฝันไปมากกว่านี้ แต่ยามนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่ความคิดเพ้อฝันอีกแล้ว
หลินจางเอ่ยปากพูด เสียงเบาหวิวราวกับยุง “ข้าอาจจะ…ได้แต่งงานกับคุณหนูเฮ่อหลันแล้ว…”
ลู่อู๋โยวไม่ตอบอะไร หลินจางเข้าใจว่าเขาไม่ได้ยิน
ลมราตรีนอกหน้าต่างพัดมาปะทะใบหน้า หลินจางตัวสั่นเล็กน้อย สติแจ่มชัดขึ้นหลายส่วน แล้วตระหนักได้ว่าเขาไม่ควรพูดเรื่องนี้ออกไป ยังไม่ทันที่เขาจะโล่งใจ กลับได้ยินเสียงกระทบดังเปรื่อง
ลู่อู๋โยววางถ้วยกระเบื้องลงบนโต๊ะ เอ่ยเสียงเบา “เจ้าคิดจะแต่งกับนางจริงๆ หรือ”
หลินจางชะงัก มองไปทางสหายรักของตน ใจหายขึ้นมาชั่วขณะ
ลู่อู๋โยวคล้ายมองความคิดของหลินจางออก ส่งยิ้มละมุนละไมให้เขา “เซ่าเยี่ยน เจ้าอย่าเข้าใจผิด ข้าไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับคุณหนูเฮ่อหลันสักนิด เจ้าอยากแต่งงาน ข้าก็ดีใจไปกับเจ้าด้วย เพียงแต่…”
หลินจางไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะตนกำลังเมาอยู่หรือไม่ จึงรู้สึกว่าเสียงของลู่อู๋โยวยิ่งฟังยิ่งเนิบช้า
“เพราะเจ้าเป็นสหายรักของข้า ข้าจึงขอพูดจาไม่น่าฟังสักหน่อย คุณหนูเฮ่อหลันมีบุรุษหมายปองอยู่มาก ทั้งยังมีคนประเภทซื่อจื่อของเฉากั๋วกงนั่นอีก เจ้าแต่งงานกับนางเกรงว่าวันหน้าคงยากจะสงบ หรือไม่ก็อาจมีปัญหายุ่งยากมากมายที่เจ้าไม่เคยคาดคิดถึง ครอบครัวจะสุขสงบหรือไม่ยากบอกได้”
“ขอบคุณจี้อันที่ชี้แนะ”
หลินจางระบายลมหายใจในทีแรก เพราะหากต้องแข่งกับลู่อู๋โยวล่ะก็ เขาไม่มีหนทางจะสู้ได้จริงๆ แต่จากนั้นลมในอกก็อัดแน่นขึ้นมาอีก…เขามัวแต่ดีใจจนสติล่องลอยไปหมด ไม่ทันได้ขบคิดมากมายถึงเพียงนั้นเลย
แต่ต่อให้รู้เหตุผลมากเพียงใด เมื่อเขาคิดถึงว่าจะได้ตระกองกอดคนงามเข้ามาในอ้อมอกแล้ว ศีรษะก็เริ่มอุ่นร้อนขึ้นมาทุกที
หลินจางส่ายศีรษะ พยายามทำให้ตนเองใจเย็นลง
“ข้าอยากแต่งงานกับคุณหนูเฮ่อหลันจริงๆ เจ้า…คิดว่าข้าไม่ควรแต่งกับนางหรือ”
ลู่อู๋โยวหยิบกาสุราขึ้นมาแล้วรินใส่ถ้วยจนเต็ม ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงยานคางกว่าเดิมจนแทบแสดงถึงความไม่ใส่ใจ
“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร” เขาเลิกหางคิ้ว ยิ้มพูดจนน้ำเสียงเหมือนเยาะ “ขัดขวางวาสนาคนอาจถูกคนคิดแค้นเอาได้ ข้าแค่คิดว่าเรื่องนี้เจ้าควรใคร่ครวญให้ดีค่อยตัดสินใจ อย่าบุ่มบ่ามชั่ววูบแล้วมาเสียใจภายหลัง เพราะหากแต่งงานแล้ว…ก็ต้องรับผิดชอบจนถึงที่สุด”
หลินจางฟังถึงตรงนี้ก็พยักหน้า “คนเป็นสามีย่อมทำเช่นนั้น”
ลู่อู๋โยวดื่มสุราหมดรวดเดียวแล้วกล่าวว่า “เช่นนั้นก็พักผ่อนเร็วหน่อยเถิด พรุ่งนี้ยังต้องไปคารวะผู้คุมสอบกับผู้ตรวจข้อสอบอีก” เขาดูเหมือนไม่เมาเลยแม้แต่น้อย หิ้วตัวหลินจางขึ้นมา “ไปได้แล้ว”
หลินจางสองเท้าลอยจากพื้น
“อ้า เจ้าดื่มมากไปแล้ว” ลู่อู๋โยววางคนลง เหวี่ยงมือทีหนึ่ง หลินจางก็หมดสติไป