ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน อุบายรักลิขิตเสน่หา บทที่ 2
ลู่อู๋โยวเดินผ่านเหล่าบัณฑิตที่นอนเมามายเกลื่อนกลาดไปที่หน้าต่างด้วยฝีเท้ามั่นคง ครั้นดูให้แน่ใจว่าไม่มีผู้ใดอยู่รอบๆ แล้วเขาก็คว้าขอบหน้าต่างด้วยมือเดียวก่อนจะกระโจนขึ้นยอดหลังคาอย่างแผ่วเบา ปลายเท้าแตะแผ่นกระเบื้อง ชายเสื้อกว้างทิ้งตัวพลิ้วลงมาดูประหนึ่งเทพเซียน แทบไม่ส่งเสียงใดๆ จากนั้นเขาก็นั่งบนสันหลังคา ถือกาสุราคอแคบทำจากกระเบื้องขาวอยู่ในมือ
ขณะดื่มไปพลางเป่าลมระบายไอสุราไปพลาง ลู่อู๋โยวก็ยื่นมือไปหักกิ่งไม้กิ่งหนึ่ง คิดอยากรำกระบี่ขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ แต่สุดท้ายก็ระงับความอยากไว้ได้
ลมราตรีพัดโชยมา เขาหลับตาลงอย่างสบาย เริ่มเกิดความรู้สึกง่วงงุน
เวลาเดียวกันนั้นด้านล่างมีคนกลุ่มหนึ่งกำลังถือไม้กระบองและถุงกระสอบลอบเข้ามาในหอจุ้ยเซียนอย่างลับๆ ล่อๆ
จนกระทั่งลู่อู๋โยวตื่นขึ้นมาอีกทีก็เริ่มมีแสงจับขอบฟ้า เขาหยิบกาสุราพลิกกายลงไปแล้วกระโดดเข้าทางหน้าต่าง ผู้คนข้างในนั้นยังคงนอนสลบไสลไม่เป็นท่า เขาเดินไปไม่กี่ก้าว ฉับพลันนั้นก็สังเกตเห็นความผิดปกติ
หลินจางหายไปได้อย่างไร
เป็นอย่างที่เฮ่อหลันฉือบอกไว้ เรื่องของซื่อจื่อของเฉากั๋วกงยังไม่จบสิ้นแค่นั้นจริงๆ
เหยาเชียนเสวี่ยมาที่จวนอีกแล้ว นางเล่าข่าวลือที่ได้ยินมาจากที่อื่นให้เฮ่อหลันฉือฟังอย่างออกรสออกชาติ
“ซื่อจื่อของเฉากั๋วกงทำร้ายเจ้า คราวนี้ทำให้คนโกรธไปทั่วหน้า ทางอวิ๋นหยางจวิ้นจู่จะฆ่าตัวตายให้ได้ จวนท่านอ๋องก็โวยวายจนไม่สามารถเจรจา เฉากั๋วกงไปขอพระราชทานอภัยโทษกับฝ่าบาททุกวันก็ไม่เป็นผล…ตำแหน่งซื่อจื่อนี้คงรักษาไว้ไม่ได้แล้วจริงๆ”
เฮ่อหลันฉือนึกถึงเหตุการณ์วันนั้นขึ้นมา ยังคงหวั่นกลัวอยู่ในใจ
นางเท้าคางแล้วพูดเบาๆ “อวิ๋นหยางจวิ้นจู่ไม่ได้แต่งงานกับเขาถือว่าโชคดีแล้ว”
สามเณรของวัดเจวี๋ยเยวี่ยที่ถูกซื่อจื่อของเฉากั๋วกงซื้อตัวไปนั้น บิดานางสั่งให้คนไปตรวจสอบตามหลังแล้ว เพียงแต่เรื่องนี้เกี่ยวพันกับชื่อเสียงของนางจึงไม่ได้เผยต่อคนภายนอก ไม่เช่นนั้นหลี่ถิงคงจะแย่ยิ่งกว่านี้
เหยาเชียนเสวี่ยอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วก็กลืนถ้อยคำกลับลงไป
แม้เฮ่อหลันฉือไม่ยี่หระ แต่บรรดาสตรีชั้นสูงที่คบหากับอวิ๋นหยางจวิ้นจู่มองเห็นนางเป็นปีศาจร้ายทำลายแผ่นดินไปนานแล้ว บอกว่านางเจตนายั่วยวนสามีของอวิ๋นหยางจวิ้นจู่ ถึงทำให้ซื่อจื่อของเฉากั๋วกงคลุ้มคลั่งได้ถึงเพียงนั้น
กล่าวตามตรง น้องสาวนางมีหน้าตาเช่นนี้ ยังจำเป็นต้องยั่วยวนผู้ใดด้วยหรือ
เหยาเชียนเสวี่ยลอบทอดถอนใจ แล้วก็ได้ยินเฮ่อหลันฉือเป็นฝ่ายพูดขึ้นมา “พี่หญิง เรื่องที่คราวก่อนท่านบอกว่าคุณหนูรองจวนคังหนิงโหวจะจับบัณฑิตแต่งงานน่ะ ไปถึงไหนแล้วเจ้าคะ”
เหยาเชียนเสวี่ยนึกไม่ถึงว่าเฮ่อหลันฉือจะถามเรื่องนี้ นางอึ้งไปพักหนึ่งกว่าจะนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ “เจ้าพูดถึงเรื่องนี้เองหรือ คุณหนูรองผู้นั้นสายตาใช้ได้ทีเดียวนะ บัณฑิตที่นางหมายตาสอบได้ระดับฮุ่ยหยวนในคราวนี้ เขาไปฉลองกันที่หอจุ้ยเซียน แต่เพราะมีคนมาคารวะมากเกินไป นางเลยหาโอกาสลงมือไม่ได้ จึงอาศัยช่วงดึกลมแรงลอบเข้าไปในหอจุ้ยเซียน…”
เฮ่อหลันฉือตื่นตกใจเล็กน้อย “ลอบเข้าไปตอนกลางคืนหรือ”
เหยาเชียนเสวี่ยผงกศีรษะ “ได้ยินว่าเดิมทีตั้งใจจะจับคนเข้ากระสอบแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว เจ้าลองคิดดู บัณฑิตพวกนั้นต่างก็เรี่ยวแรงน้อยแทบมัดไก่ไม่ได้ คนงานของจวนคังหนิงโหวมีแต่สูงใหญ่กำยำ ถ้าถูกจับเข้าจวนไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็อธิบายยากแล้ว วันหน้าต่อให้บัณฑิตผู้นั้นสอบได้จ้วงหยวนก็ไร้ประโยชน์”
“…ถ้าเผอิญเรื่องถูกเปิดเผยขึ้นมาเล่า”
“มีองค์หญิงใหญ่สวินหยางช่วยขอร้องให้ ต่อให้ทำเรื่องเหลวไหลเพียงใด ฝ่าบาทก็คงไม่ลงโทษนางจริงๆ”
เฮ่อหลันฉือ “…”
สมกับเป็นพวกชนชั้นสูง
เหยาเชียนเสวี่ยพูดอย่างอึดอัด “เจ้าไม่ถามข้าหรือว่าผลลัพธ์เป็นอย่างไร”
เฮ่อหลันฉือบอกไม่ได้ว่านางเชื่อเรื่องนี้สนิทใจ ลู่อู๋โยวคงไม่ติดกับง่ายดายปานนั้น
“…นางทำสำเร็จหรือ”
เหยาเชียนเสวี่ยอดหัวเราะไม่ได้ “นี่ล่ะที่สนุกที่สุด! มีคนยืนยันชัดเจนว่าบัณฑิตฮุ่ยหยวนผู้นั้นอยู่ที่หอจุ้ยเซียนแน่ แต่ผลสุดท้ายคนงานของจวนคังหนิงโหวเข้าไปพลิกหาทั้งหอก็หาไม่เจอ เลยช่วยไม่ได้ พวกเขาได้แต่จับตัวเด็กหนุ่มที่ดูหล่อเหลาที่สุดเพื่อกลับไปรายงาน กลางคืนมองเห็นไม่ชัด คุณหนูรองผู้นั้นไม่เห็นความแตกต่าง พอเช้าวันรุ่งขึ้นเห็นว่าไม่ใช่คนที่นางต้องการก็โมโหยกใหญ่ ส่วนเด็กหนุ่มผู้นั้นพอตื่นมาพบว่าตนเองอยู่บนเตียงลูกไม้ของคุณหนูก็ตกใจจนหน้าซีดอย่างกับเถ้ากระดูก ทั้งคู่อยู่ในห้องทั้งคืนโดยไม่มีผู้ใดรู้เห็น เป็นการยากที่จะหลีกเลี่ยงความสงสัย ยิ่งไปกว่านั้นคังหนิงโหวก็ดูเหมือนจะพอใจเด็กหนุ่มที่เป็นบัณฑิตหลวงคนใหม่ผู้นั้นโดยไม่คาดคิด ต้องการให้คุณหนูรองแต่งงานไปเลยตามเลย ทำเอาคุณหนูรองร้องไห้โวยวายใหญ่ จะตายเสียให้ได้”
เฮ่อหลันฉือถอนใจอย่างพิศวง ทั้งยังเกิดความรู้สึกเห็นใจขึ้นมา “เด็กหนุ่มบ้านใดโชคร้ายถึงเพียงนี้”
เหยาเชียนเสวี่ยพูดอย่างทอดถอนใจ “จะว่าไปเจ้าก็รู้จักคนผู้นี้นะ เป็นคุณชายของบ้านรองเสนาบดีหลินจากกองพิธีบวงสรวง ข้าจำได้ว่าชื่อหลินจาง”
“…!” เฮ่อหลันฉือตื่นตกใจอย่างหนัก “…ท่านแน่ใจหรือ”
“ข้าก็เพิ่งได้ยินข่าวมา จวนคังหนิงโหวปรามไม่ให้แพร่ออกไปภายนอก แต่ไหนเลยจะปิดข้าได้…” สีหน้าเหยาเชียนเสวี่ยค่อนข้างภาคภูมิใจ
นางยังไม่ได้แต่งงาน คุณชายที่เป็นคู่หมั้นคู่หมายกับนางนั้นดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพร ปกติไม่เพียงส่งคนมาคุ้มครองนางเท่านั้น ยังทำหน้าที่ช่วยสืบข่าวซุบซิบนินทาทั้งหลายให้นางด้วย
เฮ่อหลันฉือสีหน้าเรียบนิ่ง คิดในใจว่าเรื่องนี้ยังพิลึกยิ่งกว่าที่ซื่อจื่อของเฉากั๋วกงอาละวาดในงานแต่งเพราะนางเสียอีก
“ท่านแน่ใจนะว่าไม่ได้ฟังมาผิดคน”
“ไม่ผิดอยู่แล้ว! เรื่องที่เขากับบัณฑิตฮุ่ยหยวนผู้นั้นฉลองกันที่หอจุ้ยเซียนใครๆ ก็รู้ เช้าวันต่อมาพวกเขาต้องไปคารวะสวีเก๋อเหล่า มีเขาคนเดียวไม่ได้ไป ต้องเป็นเขาแน่นอน”
ในหัวของเฮ่อหลันฉือว่างเปล่าไปชั่วขณะ
นางอุตส่าห์ค่อยๆ ยอมรับเรื่องที่ต้องแต่งงานกับหลินจางได้แล้ว ผู้ใดจะไปรู้ว่างานแต่งงานของนางที่มีความแน่นอนเกินเก้าในสิบส่วนจะเกิดปัญหาซับซ้อนขึ้นเช่นนี้
“เสี่ยวฉือ” เหยาเชียนเสวี่ยเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าสีหน้าของเฮ่อหลันฉือแปลกไป “เหตุใดทำหน้าตาดูไม่ได้เช่นนั้นเล่า ไม่สบายตรงที่ใดหรือ ให้ข้าเรียกหมอมาตรวจดูสักหน่อยหรือไม่”
“ข้าไม่เป็นไร” เฮ่อหลันฉือตอบเสียงเบา
นางพยายามใช้ความคิด แล้วก็รู้สึกว่าแปลกประหลาดชอบกล คำพูดที่ลู่อู๋โยวพูดกับนางวันนั้นแวบขึ้นมากะทันหัน คิดดูว่าเรื่องในครั้งนี้เป้าหมายคือเขาแท้ๆ แต่แล้วหลินจางกลับถูกจับตัวไป จากที่นางรู้จักนิสัยลู่อู๋โยวมา จึงอดไม่ได้ที่จะเกิดความเคลือบแคลงใจ…
ต่อให้เขาไม่อยากให้หลินจางแต่งงานกับนาง ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องผลักไสหลินจางลงไปในหลุมนรกอื่นเช่นนี้เลย!
ในเมื่อตัวลู่อู๋โยวเองสามารถหลบภัย แล้วเหตุใดถึงไม่ยื่นมือช่วยหลินจางสักหน่อยเล่า
หากเป็นคนอื่น เฮ่อหลันฉือคงคิดว่าอีกฝ่ายมีเจตนาแอบแฝงกับนางแล้ว แต่นี่เป็นลู่อู๋โยว นางมีเพียงความคิดเดียวเท่านั้น…หรือว่าคนผู้นี้คิดว่าข้ายังน่ากลัวยิ่งกว่าคุณหนูรองจวนคังหนิงโหวเสียอีก
Comments
