ทดลองอ่าน อุบายรักลิขิตเสน่หา บทที่ 3 – หน้า 5 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน อุบายรักลิขิตเสน่หา บทที่ 3

ส่วนพี่ชายนางเฮ่อหลันเจี่ยนก็ไปติดหนี้ก้อนใหญ่เข้าเพราะเหตุอันใดไม่ทราบได้

สถานการณ์ในจวนเฮ่อหลันปั่นป่วนในชั่วข้ามคืน

แล้วตัวนางในฝันนั้นก็รับรู้ถึงความไม่ชอบมาพากลได้ จึงไปขอไหว้วานลูกศิษย์ลูกหาเก่าๆ ของบิดาให้ช่วยหาทางหนี จากนั้นก็เก็บข้าวของเดินทางออกจากเมืองหลวงกลับบ้านเกิดในช่วงกลางคืน แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่ตงฉ่าง ขวางไว้ระหว่างทางและขังนางอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งในชานเมือง

ตกกลางคืนมีใครคนหนึ่งเข้ามาในบ้าน

หลังจากนั้นก็เป็นฉากสุดท้ายที่เห็น แต่น่าเจ็บใจนักที่นางดันตื่นขึ้นมาจังหวะนี้พอดี! ยังไม่ทันเห็นหน้าตาของอีกฝ่ายชัดเจนด้วยซ้ำ จำได้แต่เสียงเหมือนกับอสรพิษขู่ฟ่อที่พูดประโยคสุดท้ายนั้น

ความฝันนี้สมจริงอย่างยิ่ง ทุกรายละเอียดยังคงแจ่มชัดอยู่ในสมอง รวมไปถึงความรู้สึกตอนที่นางส่งบิดาออกจากเมือง ตอนที่นางได้รับข่าวว่าบิดาถูกปลดจากตำแหน่งและติดคุก และตอนที่ได้เผชิญกับความเปลี่ยนผันของผู้คนและสังคมแวดล้อมภายในบ้านที่เปล่าเปลี่ยว ยังมีตอนที่แม่สื่อใช้เรื่องของบิดานางมาบีบคั้นข่มขู่อย่างเปิดเผย ให้นางไปเป็นภรรยาคนที่สองหรืออนุภรรยาของชนชั้นสูงเพื่อช่วยบิดา ในฝันแม้แต่สีหน้าไม่ประสงค์ดีบนใบหน้าของหญิงมีอายุคนนั้นนางยังมองเห็นชัดเต็มตา แต่ละสิ่งแต่ละอย่างเรียกได้ว่าน่าเหลือเชื่อจริงๆ

และตอนสุดท้ายที่นางเร่งเดินทางยามค่ำคืนแต่ถูกจับและกักตัวไว้ ความรู้สึกอันรุนแรงที่ได้แต่ปล่อยให้ผู้อื่นกระทำตามใจชอบ ประหนึ่ง ‘คนอื่นคือมีด เราคือปลาบนเขียง’ เช่นนั้นทำให้นางหนาวสะท้านไปถึงกระดูก

เมื่อสติสัมปชัญญะชัดเจนขึ้น ภาพทุกอย่างที่เกิดขึ้นในห้วงฝันก็เริ่มเลือนรางไป

เฮ่อหลันฉือไม่สนใจอาการปวดศีรษะ ลงจากเตียงแล้วไปคว้าพู่กันจดบันทึกรายละเอียดที่ยังพอจำได้

“คุณหนู ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่…”

เฮ่อหลันฉือวางพู่กันเมื่อเขียนเสร็จ นางระบายลมหายใจแล้วกล่าวกับซวงจือว่า “ไม่มีอะไร ไม่ต้องเป็นห่วง” นางนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยสั่ง “ซวงจือ เจ้าออกไปก่อน ข้าอยากอยู่คนเดียวสักครู่”

นางใคร่ครวญถึงความฝันนี้อย่างละเอียดตั้งแต่ต้นจนถึงตอนท้าย

แม้ว่าความฝันโดยมากจะเป็นเรื่องไม่จริง แต่หากมันมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นเรื่องจริงสักหนึ่งในหมื่นส่วนเล่า ยิ่งไปกว่านั้นความฝันของนางยังละเอียดถึงเพียงนี้

หลังจากคิดซ้ำไปซ้ำมานางก็ตัดสินใจว่าวันรุ่งขึ้นจะออกไปดูที่นอกเมืองเสียหน่อย

เฮ่อหลันฉือจำได้ว่าบ้านที่ขังนางหลังนั้นมีป่าท้ออยู่ด้านนอก บนป้ายหน้าประตูเขียนไว้ว่า ‘สวนจั้ง’ ทั้งยังแปะบทกลอนเหนือประตูแผ่นหนึ่งซึ่งดูเหมือนจะเลียนแบบอักษรของหวังไคว่จี แต่ในฝันนั้นนางเพียงแค่ชำเลืองมอง นึกย้อนกลับไปตอนนี้ก็ไม่ค่อยแน่ใจแล้ว

 

ทว่าเช้าวันต่อมา ยังไม่ทันที่เฮ่อหลันฉือจะออกจากจวนซวงจือก็วิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น

“คุณหนู! คุณหนู! ข้างนอก…ข้างนอกมีคนจากในวังมา แจ้งว่าให้คุณหนูเข้าวังเจ้าค่ะ”

เฮ่อหลันฉือนั่งบนเกี้ยวที่เดินทางเข้าวังด้วยความรู้สึกฉงน

แม้บิดานางจะเป็นขุนนางขั้นสองระดับเอก มีสิทธิ์พาสตรีในครอบครัวไปร่วมงานเลี้ยงในวังได้ แต่เฮ่อหลันฉือไม่เคยไปเลยสักครั้งเดียว อีกอย่างนางก็มิใช่สตรีมีบรรดาศักดิ์ ไม่มีญาติอยู่ในตำหนักใน จู่ๆ ถูกเรียกเข้าเฝ้าก็ออกจะน่าแปลกอย่างยิ่ง

ขันทีด้านนอกเกี้ยวพูดเสียงเล็ก “คุณหนูเฮ่อหลันไม่ต้องกังวล นี่เป็นเรื่องมงคล”

เฮ่อหลันฉือฝืนหัวเราะ ไม่ตอบอะไร

เป็นเพราะความฝันเมื่อคืนนี้ นางจึงรู้สึกสังหรณ์ใจราวกับพายุใหญ่กำลังจะมาเยือน

 

เมื่อเกี้ยวเคลื่อนมาถึงหน้าวังหลวงก็จำต้องเปลี่ยนเป็นลงเดิน

ดวงตะวันโผล่ขึ้นทางบูรพาทิศ แสงอรุโณทัยส่องสว่าง ฟ้ายังไม่เปิดเต็มที่ ทางเข้าวังก็จุดโคมไฟสว่างไสวอยู่แล้ว

โคมสีแดงแขวนอยู่บนหอประตูเมือง มองเห็นโคมไฟที่ส่ายไหวได้ทุกหนแห่งตามเส้นทาง เสียงขึ้นลงรถม้าและเกี้ยวดังไม่หยุดหย่อน ความชื้นจากน้ำค้างยามเช้าในอากาศดูเหมือนว่าจะยังไม่สลายไป

เฮ่อหลันฉือลงจากเกี้ยว แลเห็นบัณฑิตกลุ่มใหญ่สวมชุดสำหรับจิ้นซื่อยืนออกันอยู่หน้าประตูวัง พวกเขาสวมหมวกแพรโปร่ง* ประดับด้วยดอกผ้าสักหลาดและใบเขียว มีปีกหมวกยื่นออกไปสองข้างผูกแถบผ้าปลิวไสว แขนยาวของเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มพลิ้วไปตามลม แต่ละคนสวมชุดสำหรับจิ้นซื่อก่อนเข้ารับตำแหน่ง ดุจต้นหยกสง่างามกลางสายลม

นางเพิ่งนึกได้ว่าการสอบหน้าพระที่นั่งจบลงไปแล้ว วันนี้เหมือนจะเป็นพิธีประกาศรายชื่อหน้าพระที่นั่ง ดังนั้นบิดานางจึงเข้าวังมาตั้งแต่เช้ามืด

เฮ่อหลันฉือเหลือบมองไปโดยไม่ตั้งใจ คนที่ยืนอยู่หน้าสุดนั้นก็คล้ายจะสังเกตเห็นได้ เขาเงยหน้าขึ้นมา สบประสานสายตากันพอดิบพอดี

เมื่อก่อนยามเฮ่อหลันฉือเจอเขามักจะรู้สึกรำคาญใจเสมอ แต่คราวนี้ได้เห็นหน้าคนคุ้นเคยกัน นางกลับบังเกิดความรู้สึกสนิทชิดเชื้อขึ้นมาหลายส่วน เหมือนฝ่าเท้าที่เหยียบบนความว่างเปล่าไปครึ่งเท้าได้กลับมายืนบนพื้นมั่นคงในที่สุด…อีกอย่างในฝันนั้นลู่อู๋โยวก็ไม่ได้มาซ้ำเติมนางด้วย

คิดๆ ไปเฮ่อหลันฉือก็แย้มยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว

รอยยิ้มนี้ช่างเหมือนดั่งสายลมยามวสันต์ที่อุ่นขึ้น น้ำแข็งหิมะละลาย ม่านหมอกสลัวราง แสงโคมที่ส่องสว่างในยามอรุณรุ่งสะท้อนอยู่ในดวงตากระจ่างใสของนาง ช่างงดงามพร่างพราวดั่งหมอกเมฆ เป็นเอกเหนือสรรพสิ่งทั้งปวง

หมู่บัณฑิตต่างตะลึงงัน จนกระทั่งเฮ่อหลันฉือเดินจากไป

แทบจะในเวลาเดียวกับที่พวกเขาได้สติ สายตาร้อนแรงหลายสิบคู่ที่เพิ่งจับบนตัวเฮ่อหลันฉือเมื่อครู่ก็หันกลับมาที่ลู่อู๋โยวโดยพลัน

ลู่อู๋โยว “…”

“เมื่อครู่นี้คุณหนูเฮ่อหลันยิ้มให้พี่จี้อันใช่หรือไม่”

“ทั้งยังยิ้มเช่นนั้นด้วย…”

ใครบางคนพูดอย่างอิจฉาทันที “ไม่นึกเลยว่าลู่ฮุ่ยหยวนจะโด่งดังไปทั่วเมืองหลวงเช่นนี้ ขนาดคุณหนูเฮ่อหลันก็ยังหวั่นไหวกับเจ้า…”

“จี้อัน เจ้าคงไม่ได้มีบางอย่างกับคุณหนูเฮ่อหลันจริงๆ กระมัง…”

“ตั้งแต่เมื่อไร! หรือว่าเจ้าปิดบังพวกข้า?”

แม้แต่หลินจางก็ยังมองมาที่เขาด้วยสายตาสงสัยและเต็มไปด้วยคำถาม

ลู่อู๋โยวมองดูแผ่นหลังเย็นชาไร้เยื่อใยของดรุณีที่ส่งยิ้มแล้วจากไป รู้สึกโมโหจนเกือบจะหัวเราะ

เขานึกถึงความทรงจำที่ไม่ค่อยดีบางอย่าง หัวคิ้วขมวดเข้าหากันทันใด แต่เพียงไม่กี่อึดใจก็คลายออก ใบหน้าเผยความสงสัยอย่างเหมาะสม พูดด้วยน้ำเสียงใสซื่อและเคร่งขรึม

“ทุกท่านล้อเล่นแล้ว ข้ากับคุณหนูเฮ่อหลันเคยพูดจากันแค่ไม่กี่ประโยค เรื่องนี้เหลวไหลไม่มีมูลความจริง นางอาจจะ…” เขาพูดขึงขังขึ้น “แค่อยากแสดงมิตรไมตรีก็เป็นได้”

ทุกคน “…”

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน ฟูมฟักจอมราชัน บทที่ 3-4

    By

    บทที่ 3 อู๋เซี่ยวเซี่ยวเปิดกระจกรถเล็กน้อยด้วยสีหน้าเรียบเฉย ให้กลิ่นค่อยๆ ระบายออกไป จากนั้นสตาร์ตรถ เหยียบคันเร่งขับรถสปอร์ตออกไปจากโรงจอด...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน ฟูมฟักจอมราชัน บทที่ 1-2

    By

    บทที่ 1 อู๋เซี่ยวเซี่ยวไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตนเองที่เป็นผู้จัดการดารามือทองมากประสบการณ์จะถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือดพร้อมกับเจิงฝาน ...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน อุบายรักลิขิตเสน่หา บทที่ 31

    By

    บทที่ 31 เสี่ยงตายป้องกันเมือง   ภายในวังหลวง ซุ่นฮ่องเต้ยังคงไม่เข้าประชุมราชสำนัก เพียงอ่านเอกสารที่ราชเลขาธิการนำถวายอยู่บนเตียง แม้...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน อุบายรักลิขิตเสน่หา บทที่ 30

    By

    บทที่ 30 สหายสนิทมาเยือน   หลังเดินออกนอกประตูมาเฮ่อหลันฉือก็บีบนวดไหล่แล้วเอ่ยถามลู่อู๋โยว “คิดจะทำเช่นไรต่อ” “กินน้ำแกงโบราณ หม้อทองเ...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน อุบายรักลิขิตเสน่หา บทที่ 29

    By

    บทที่ 29 จัดระบบระเบียบ   ถึงแม้จะซ่อมเสร็จแล้ว เฮ่อหลันฉือก็ไม่อยากทรมานเตียงหลังนั้นอีก ทุกครั้งที่นอนลงไปยังรู้สึกกลัวว่ามันจะพังลงม...

  • กระบี่โอบจันทรา

    ทดลองอ่าน กระบี่โอบจันทรา บทที่ 4

    By

    บทที่ 4 ไม่ต้องทน   “เที่ยวเล่น?” หิมะขาวแปดเปื้อนสีแดงเป็นดวงๆ เด็กหนุ่มผู้เพิ่งก่อเหตุสังหารหมู่มาหมาดๆ พลันเอ่ยถามนางอย่างปุบปับว่าอยากไป...

  • กระบี่โอบจันทรา

    ทดลองอ่าน กระบี่โอบจันทรา บทที่ 3

    By

    บทที่ 3 หอจื้อเฟิง   เจ๋อจู๋วางซางหรงลง แล้วทอดฝีเท้าเอื่อยๆ เข้าไปในลานเรือน นางไม่ได้ตามไป เพียงยืนถือตะเกียงมองตามแผ่นหลังของเขา จากนั้นก...

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

กระบี่โอบจันทรา

ทดลองอ่าน กระบี่โอบจันทรา บทที่ 1

บทที่ 1 ฆ่าข้าที   ผืนนภากระจ่างใส ลมรำเพย ทุ่งหิมะขาวโพลนสุดลูกหูลูกตา บนถนนหลวงสายกว้างอยู่ในพื้นที่เมืองหนานโจว ขบวนร...

กระบี่โอบจันทรา

ทดลองอ่าน กระบี่โอบจันทรา บทที่ 2

บทที่ 2 ผีเสื้อทอง   เจ๋อจู๋นึกว่าตัวเองหูฝาด ความตกตะลึงสะท้อนออกมาทางสีหน้า “หายากนะ...เจ้าซื้อตัวข้า” เขาโยนเครื่องปร...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ฟูมฟักจอมราชัน บทที่ 1-2

บทที่ 1 อู๋เซี่ยวเซี่ยวไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตนเองที่เป็นผู้จัดการดารามือทองมากประสบการณ์จะถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเ...

กระบี่โอบจันทรา

ทดลองอ่าน กระบี่โอบจันทรา บทที่ 4

บทที่ 4 ไม่ต้องทน   “เที่ยวเล่น?” หิมะขาวแปดเปื้อนสีแดงเป็นดวงๆ เด็กหนุ่มผู้เพิ่งก่อเหตุสังหารหมู่มาหมาดๆ พลันเอ่ยถามนาง...

community.jamsai.com