ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเฮ่อหลันฉือเดินตามนางกำนัลเข้าไปถึงเขตพระราชฐานชั้นใน ท้องฟ้าสว่างขึ้นทีละน้อย แสงอรุณแผ่รัศมีปกคลุมทั่วบริเวณ นางมองดูตำหนักอันหรูหราโอ่อ่า รวมถึงสวนดอกไม้นานาพรรณที่สวยสดงดงามตรงหน้า ในที่สุดก็พอคาดการณ์ได้
ลี่กุ้ยเฟยโปรดปรานดอกโบตั๋น ฮ่องเต้จึงรับสั่งให้สร้างสวนโบตั๋นให้นางเป็นพิเศษ ปลูกไว้หลายพันต้น ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นพันธุ์ดีมีราคาสูง
เฮ่อหลันฉือกวาดตามองไป จดจำได้หลายพันธุ์ทั้งเหยาหวง เว่ยจื่อ เอ้อร์เฉียว โม่ขุย ขึ้นเรียงรายอยู่เป็นหมู่ เมื่อมองดูทั่วทั้งสวนแล้ว ดอกไม้กลับไม่เหมือนดอกไม้ แต่เหมือนภูเขาเงินภูเขาทองที่ซ้อนกันเป็นชั้นๆ นางรู้สึกปวดใจที่ไม่มีวาสนาได้ครอบครอง
นางกำลังชมดอกไม้
คนรอบข้างก็กำลังชมนาง
เมื่อเข้าวังย่อมไม่สามารถใส่หมวกม่าน หญิงงามเดินผ่านดงผกาพรรณ ชุดขาวปานหิมะ ตัวคนผุดผาดยิ่งกว่าบุปผา ดอกโบตั๋นสีสันสดใสนับพันกลายเป็นฉากเบื้องหลังหนุนให้นางโดดเด่น
นางกำนัลที่เดินผ่านมาแม้ไม่กล้ามองนางอย่างเปิดเผย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะชำเลืองพิจารณาขณะเฉียดใกล้
“เดินไม่ดูตาม้าตาเรือเลย! มัวแต่มองไปที่ใด!”
“ขออภัยเจ้าค่ะ! ขออภัยเจ้าค่ะ…”
“โอ๊ย! ชนอีกแล้ว!”
“ถ้ามองอีกจะไปฟ้องเบื้องบน ให้ควักลูกตาพวกเจ้าให้หมดเลย!”
เฮ่อหลันฉือ “…”
นางรออยู่ใต้ชายคาของตำหนักอวี้เต๋ออยู่สักพักก็ถูกพาเข้าไปข้างใน โดยไม่ได้สังเกตเห็นดวงตาสีเทาเข้มคู่หนึ่งที่ซ่อนเร้นอยู่เลย
ภายในตำหนักเป็นห้องโถงใหญ่โอ่อ่างดงาม ข้าวของเครื่องเรือนแต่ละชิ้นล้วนล้ำค่าไม่ธรรมดา สะท้อนประกายสีทองระยับ ผู้ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้มีพนักด้านบนคือสตรีโฉมสะคราญซึ่งกำลังกินน้ำแกงหวาน ผมงามวิไลเสริมใบหน้างามวิลาส ปิ่นมุกประดับโดยรอบ ไข่มุกตะวันออกขาวกระจ่างไร้ตำหนิเม็ดใหญ่ห้อยอยู่กลางหน้าผาก แต่งองค์ทรงเครื่องอย่างวิจิตรงดงามยิ่ง ดูอายุแล้วไม่น่าเกินสามสิบปี ลักษณะท่าทางกำลังอยู่ในช่วงพราวเสน่ห์ เป็นไปได้มากว่านางคือลี่กุ้ยเฟยผู้ซึ่งได้รับความโปรดปรานสูงสุดเหนือทั้งหกตำหนัก*
เฮ่อหลันฉือแสดงคารวะอย่างสุภาพนุ่มนวล
ลี่กุ้ยเฟยวางชามในมือไว้ข้างๆ แล้วหันไปดูนาง
ครั้นเห็นดวงหน้าของเฮ่อหลันฉือนางก็ตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นจึงยิ้มแย้มกล่าวว่า “เป็นเด็กสาวที่งามจริงๆ ก่อนนี้ข้าได้ยินพวกนางพูดกันว่าบุตรีสกุลเฮ่อหลันรูปโฉมงามล่มเมืองได้ ยังนึกว่าเหลวไหล วันนี้ได้เห็นแล้วไม่เกินจริงแม้แต่น้อย”
เฮ่อหลันฉือไม่ทราบเจตนาของอีกฝ่าย จึงได้แต่ตอบรับไปอย่างจำใจ “พระชายาตรัสชมเกินไปแล้วเพคะ”
“เจ้าเข้ามาใกล้ๆ หน่อย ข้าขอดูให้ชัด”
กลิ่นหอมเข้มข้นภายในตำหนักทำให้เฮ่อหลันฉือรู้สึกอยากยกเท้าวิ่งหนีอย่างยิ่ง แต่นางต้องอดกลั้นไว้ อีกฝ่ายเบิกตากว้าง มองนางราวกับกำลังพิจารณาสิ่งของอันใดสักชิ้น
ลี่กุ้ยเฟยแม้อายุไม่เยาว์แล้ว แต่กิริยาท่าทางยังคงแฝงความนุ่มนวลไร้เดียงสา นางถึงกับยื่นนิ้วเรียวที่เคลือบด้วยน้ำมันทาเล็บมาไล้ข้างแก้มของเฮ่อหลันฉือแผ่วเบา คล้ายต้องการพิสูจน์ว่าใบหน้านี้เป็นของจริงหรือไม่
สัมผัสเย็นเยียบซึมซ่านจากพวงแก้มลงไปในชั้นผิว เฮ่อหลันฉือตัวสั่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
จังหวะนั้นเองมีเสียงบุรุษดังขึ้นหน้าตำหนัก ในน้ำเสียงคล้ายกำลังแย้มยิ้ม น่าเสียดายที่ไร้ซึ่งความอบอุ่นแม้แต่เศษเสี้ยว
“คารวะท่านแม่”
เมื่อเสียงนั้นกระทบโสตประสาทของเฮ่อหลันฉือ สมองนางพลันอื้ออึง ตัวแข็งทื่อขึ้นทันใด หนังศีรษะชาวาบ เริ่มรู้สึกฝาดที่โคนลิ้น
“ลูกมาไม่ถูกเวลากระมัง”
หลังจากเสียงรองเท้าย่างสองก้าวที่ดังฟังชัด เจ้าของเสียงก็คล้ายจะเข้ามาในตำหนักแล้ว เสียงฝีเท้าคืบเข้ามาใกล้ทีละน้อย น้ำเสียงผู้มาเยือนยังคงราบเรียบ แต่แฝงการเย้าแหย่เยียบเย็นที่อธิบายไม่ถูก
เสียงนี้เหมือนกับเสียงที่ข่มขวัญนางในฝันไม่ผิดเพี้ยน!
เฮ่อหลันฉือหดปลายนิ้วเข้ามาในฝ่ามืออย่างรวดเร็ว เม้มริมฝีปากแน่น อาศัยความเจ็บปวดบังคับให้ตนเองใจเย็นไว้ แต่ในหัวยังคงมีเสียงเตือนภัยดังสนั่น ราวกับชั่วพริบตานั้นนางย้อนกลับไปในความฝัน สถานที่ตรงหน้ามิใช่ตำหนักในวังหลวงอันโอ่อ่าอีกต่อไป แต่เป็นบนเตียงนอนที่ไร้ซึ่งความมั่นคงปลอดภัยและอาจถูกจับตัวได้ทุกเมื่อ
ลี่กุ้ยเฟยไม่ได้สังเกตเห็นแต่อย่างใด นางโบกมือไปยังผู้มาเยือน เอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม “ไม่ถูกเวลาที่ใดกัน เจ้ามาได้จังหวะเลยต่างหาก มานี่เร็วเข้า นี่คือบุตรสาวของใต้เท้าเฮ่อหลันข้าหลวงตรวจการฝ่ายซ้าย”
“…ที่แท้ก็เป็นคุณหนูเฮ่อหลันนี่เอง”
คราวนี้เสียงนั้นดังใกล้จนเหมือนกระซิบข้างหู
อาการสั่นสะท้านจนขนลุกขนพองโจมตีขึ้นมาวูบหนึ่ง เสื้อด้านหลังของเฮ่อหลันฉือชื้นไปด้วยเหงื่อเย็นในชั่วเวลาไม่กี่อึดใจ
นางก้มหน้าเอ่ยเสียงเบา “หม่อมฉันคารวะองค์ชายรองเพคะ”
เฮ่อหลันฉือไม่จำเป็นต้องยืนยันให้แน่ใจด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียง จังหวะจะโคน ลมหายใจ หรือเป็นความรู้สึกที่ทำให้คนขนลุกขนชันนั้นล้วนเหมือนกับคนในความฝันทุกประการ…ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนที่ต้องการจับตัวนางผู้นั้นก็คือองค์ชายรองนี่เอง
นางไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับองค์ชายรองมาก่อน ย่อมไม่มีทางที่จู่ๆ จะฝันเห็นเขาขึ้นมาได้
ถ้าเช่นนั้นก็หมายความว่า…สิ่งที่นางฝันเห็นอาจมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้จริงๆ