ทดลองอ่าน อุบายรักลิขิตเสน่หา บทที่ 3 – หน้า 7 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน อุบายรักลิขิตเสน่หา บทที่ 3

เฮ่อหลันฉือคิดต่อไปอีกขั้นหนึ่งว่าที่บิดานางถูกปลดจากตำแหน่งและติดคุกในความฝันนั้น ไม่แน่ว่าอาจเกี่ยวข้องกับองค์ชายรองด้วยก็เป็นได้

เพราะบิดานางก็ไม่เคยชมชอบองค์ชายผู้นี้มาแต่ไหนแต่ไร ซ้ำยังเคยถวายฎีกาโน้มน้าวฮ่องเต้ให้ส่งองค์ชายรองไปครองที่ดินศักดินาของตน อยู่ให้ไกลจากเมืองหลวง แต่ถูกฮ่องเต้ระงับไว้ทุกครั้ง

องค์ชายรองเดินผ่านข้างกายนางไปอย่างเชื่องช้า ท่ามกลางเสียงฝีเท้าที่ดังสลับไปมา แขนเสื้อกว้างสะบัดตามจังหวะเดิน อำพรางนิ้วมือที่ยื่นลงมาด้านล่าง

ฉับพลันนั้นเฮ่อหลันฉือรู้สึกได้ว่ามีนิ้วอันเย็นเฉียบลากผ่านใจกลางข้อมือนาง

นางสะดุ้งเฮือก แทบจะชักมือกลับมาทันทีทันใด

เขาทำอะไร

หากไม่มีความฝันเมื่อคืนนี้ เฮ่อหลันฉือคงจะคิดว่าเขาแค่บังเอิญมาโดนนางโดยไม่เจตนา แต่ครั้นเกิดความระแวงขึ้นมาแล้ว ก็อดคิดไม่ได้ว่าอีกฝ่ายอาจจะจงใจเข้ามาหยอกเย้านางจริงๆ

เฮ่อหลันฉือไม่เคยเจอเขามาก่อน แต่ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเจอนาง

แม้แต่การเรียกเข้าเฝ้าที่แสนประหลาดคราวนี้ก็…

องค์ชายรองเดินไปถึงเบื้องหน้าลี่กุ้ยเฟยแล้วเบี่ยงตัวกลับมามองเฮ่อหลันฉือ

เขาแต่งกายด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์หรูหราเช่นเดียวกัน ห่อตัวด้วยขนสุนัขจิ้งจอกสีดำสนิทในเดือนสามที่อากาศเย็นเล็กน้อย บริเวณคอเสื้อเผยให้เห็นสร้อยลูกปัดสีทองอ่อนรำไร มีโซ่เงินคล้องจี้หยกห้อยยาวลงมา บนเกี้ยวผมปิดทองฝังอัญมณีล้ำค่ากระจัดกระจายมากกว่าสิบเม็ด ข่มให้ใบหน้าซึ่งคล้ายคลึงกับมารดาของเขาดูซีดเซียว

หากว่ากันตามตรงแล้ว รูปลักษณ์ขององค์ชายรองผู้นี้จัดว่าไม่เลวเลย เรียกได้ว่ารูปหงส์ทรงมังกร หล่อเหลาไม่มีผู้ใดเทียบเทียม

น่าเสียดายที่ยามนี้เฮ่อหลันฉือเห็นเขาแล้วกลับรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง

เมื่อถูกดวงตาสีเทาเข้มคู่นั้นจับจ้อง เสมือนเหยื่อที่ถูกสิ่งมีชีวิตอำมหิตและอันตรายจ้องมอง นางเสียวสันหลังเป็นระยะ รวบกระโปรงของตนเองเข้าหากันอย่างไม่กระโตกกระตาก

เหยาเชียนเสวี่ยเคยวิจารณ์องค์ชายรองผู้นี้ว่าเป็นคนนิสัยก้าวร้าวดื้อรั้น อารมณ์แปรปรวน เอาใจยากเย็น เคยทำให้สตรีสูงศักดิ์หลายคนที่หวังจะประจบเขาต้องผวาหนีหายไปตามๆ กัน ซึ่งนั่นอาจเกี่ยวข้องกับชาติกำเนิดที่น่ากระอักกระอ่วนใจของเขาก็เป็นได้

ลี่กุ้ยเฟยไม่ได้เป็นนางในที่ผ่านการคัดเลือกมาอย่างถูกต้อง แรกเริ่มเดิมทีนางเป็นบุตรีของขุนนางที่ทำความผิด ตอนที่ถูกลงโทษไปเป็นแรงงานหญิงที่วัดชิงเฉวียน บังเอิญฮ่องเต้ไปต้องใจนางเข้า แต่ยามนั้นพระองค์ยังไม่สืบทอดราชบัลลังก์ จะทำการใดต้องระมัดระวังทุกฝีก้าว ด้วยเกรงว่าอาจเกิดเรื่องผิดพลาดไป ดังนั้นพวกเขาแม่ลูกจึงต้องอาศัยอยู่ที่วัดชิงเฉวียนต่อไปจนกว่าราชบัลลังก์จะมั่นคง เมื่อองค์ชายรองอายุได้ห้าหกปีแล้วถึงค่อยถูกรับตัวเข้าวัง และได้รับราชทินนามอย่างเป็นทางการ

ราชสำนักวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้อยู่ไม่ขาด แต่ถึงอย่างไรก็เป็นหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ สุดท้ายจึงจำต้องยอมให้องค์ชายรองกลับเข้ามาสู่ราชสกุลโดยไม่เต็มใจนัก

ฮ่องเต้รู้สึกผิดในใจจึงพยายามชดเชยสองแม่ลูกเท่าที่ทำได้ แต่ถึงกระนั้นเฮ่อหลันฉือยังเคยได้ยินเรื่องราวบางอย่างในช่วงที่พวกเขาอยู่ที่วัดชิงเฉวียนมาบ้าง สตรีมีบุตรโดยที่ยังไม่แต่งงาน ทั้งยังอาศัยอยู่ในวัด ลี่กุ้ยเฟยรูปโฉมงดงามปานบุปผาจันทราเช่นนั้นจะถูกกล่าวถึงอย่างไม่น่าฟังเช่นไรก็พอจะนึกออก ส่วนองค์ชายรองเองก็ถูกนินทาว่าร้ายและข่มเหงรังแกมาไม่น้อยเช่นกัน

เวลานั้นเฮ่อหลันฉือยังเคยเกิดความเห็นใจพวกเขาอยู่บ้าง แต่ยามนี้นางกลับสงสารตนเองมากกว่า เพราะภายหลังองค์ชายรองที่เจ้าคิดเจ้าแค้นก็จัดการวัดชิงเฉวียนทั้งวัดจนอยู่ไม่ได้

ระหว่างที่ความคิดของนางกำลังแล่น ลี่กุ้ยเฟยก็ดึงแขนเสื้อขององค์ชายรอง ยิ้มหวานหยาดเยิ้ม “สวินเอ๋อร์ พวกเขาไม่ได้หลอกข้า เจ้าลองมาดูเองเถิด คุณหนูเฮ่อหลันรูปโฉมงดงามเหมือนกับที่เล่าลือกันใช่หรือไม่”

เฮ่อหลันฉือแม้จะก้มหน้าอยู่ แต่นางกำนัลด้านข้างที่รู้ความเดินเข้ามา ท่าทางเหมือนกับว่าหากนางไม่เงยหน้าก็จะลงมือบีบคางนางขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น

นางไม่มีทางเลือกอื่น จำต้องเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย

ไม่เคยมีสักครั้งเลยที่เฮ่อหลันฉือจะวาดหวังสุดใจให้ตนเองไม่มีหน้าตาที่ล่อปัญหายุ่งยากมาให้เหมือนเช่นในตอนนี้

บริเวณโดยรอบเงียบกริบไปครู่หนึ่ง

องค์ชายรองก้มมองนางแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเนิบช้าและเรียบเย็น “งดงาม…มากจริงๆ”

ดวงตาสีเทาเข้มค่อยๆ เลื่อนจากดวงหน้านางลงไปยังช่วงลำตัว ทุกหนแห่งที่จับจ้องแฝงด้วยเจตนาคุกคามที่แผ่รัศมีเย็นเยียบ มือของเฮ่อหลันฉือที่ซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อกำแน่นอย่างอดไม่อยู่ พยายามสะกดความรู้สึกอึดอัดเอาไว้

องค์ชายรองยังก้าวมาหานางด้วย รอบด้านมีแต่คนของลี่กุ้ยเฟย เขาจึงไม่ปิดบังแววโหดเหี้ยมในดวงตาตนเองแม้แต่น้อย

“นึกไม่ถึงว่าคนคร่ำครึอย่างใต้เท้าเฮ่อหลันจะมีบุตรสาวหน้าตาเช่นนี้”

ลี่กุ้ยเฟยมองนางเฉกเช่นสิ่งของ องค์ชายรองก็มองนางเฉกเช่นสิ่งของ แต่จุดที่ต่างกันคือลี่กุ้ยเฟยมองอย่างชื่นชมโดยไม่มีอื่นใดเจือปน แต่องค์ชายรองคล้ายกำลังมองของเล่นที่สามารถแกล้งเย้าแหย่ได้

เฮ่อหลันฉือรู้สึกพะอืดพะอมเล็กน้อย จึงก้มหน้าต่ำลงอย่างคุมไม่อยู่

ทันใดนั้นเองนางก็รู้สึกถึงมือข้างหนึ่งที่ยื่นมาเชยคางของนางอย่างคะนอง นิ้วหัวแม่มือเย็นๆ ลากผ่านสันกรามของนางแผ่วเบาด้วยกิริยายั่วเย้าเกินบรรยาย

เฮ่อหลันฉือผงะถอยหลังหลบมือข้างนั้นทันที

องค์ชายรองมองมือของตนที่ค้างอยู่กลางอากาศ หัวเราะเบาๆ “ข้าล่วงเกินแล้ว” ทว่าน้ำเสียงกลับไม่มีแววรู้สึกผิด ทั้งยังบี้นิ้วมือที่แตะต้องนางเมื่อครู่นี้เบาๆ ราวกับจะรำลึกถึงสัมผัสที่ผ่านมา

เฮ่อหลันฉือขนลุกซู่อีกครั้ง

ลี่กุ้ยเฟยยังไม่สังเกตเห็นว่ามีที่ใดผิดแปลกไปตามเคย นางหัวเราะอย่างไร้เดียงสา “เมื่อครู่ข้าก็ยื่นมือไปลูบไล้ดูว่าใบหน้านี้เป็นของจริงหรือไม่ สวินเอ๋อร์ สมแล้วที่เจ้าเป็นลูกของข้า คิดเหมือนกับข้าไม่มีผิด” นางเท้าคาง ขนตาพลิ้วไหว “น่าเสียดายนัก สวินเอ๋อร์เจ้ามีคู่หมั้นคู่หมายแล้ว ไม่อย่างนั้นก็อยากให้คุณหนูเฮ่อหลันมาเป็นสะใภ้ข้าจริงเชียว จริงสิ คุณหนูเฮ่อหลัน เจ้าหมั้นหมายผู้ใดไว้หรือยัง”

น่าเสียดายอะไร โชคดีสิไม่ว่า

เฮ่อหลันฉือทำใจแข็งตอบไปว่า “ยังไม่ได้หมั้นหมายเพคะ แต่ว่า…บิดาหม่อมฉันน่าจะปรึกษาหารือไว้แล้ว เพียงแต่เป็นขุนนางบ้านใด หม่อมฉันไม่ทราบ”

ลี่กุ้ยเฟยพูดไปไกล “ถ้ายังไม่ตกลงปลงใจล่ะก็ ข้ามีหลานชายที่รุ่นราวคราวเดียวกับเจ้าหลายคน…”

พออีกฝ่ายพูดขึ้นมา เฮ่อหลันฉือก็รู้ทันทีว่าหมายถึงบรรดาบุตรชายเสเพลของผิงเจียงป๋อพี่ชายของลี่กุ้ยเฟยซึ่งเป็นพวกนอกลู่นอกทางไม่ต่างกัน ตั้งแต่ลี่กุ้ยเฟยกลายเป็นที่โปรดปราน ทั้งไก่ทั้งสุนัขในบ้านต่างก็ได้เชิดหน้าชูคอไปด้วย พี่ชายแท้ๆ ของนางที่เดิมไม่ต่างอะไรกับอันธพาลท้องถิ่นได้รับยศถาบรรดาศักดิ์ วางท่าเหิมเกริมไปทั่วเมืองหลวง ส่วนบุตรชายสองสามคนของเขานั้นก็ล้วนเชื้อไม่ทิ้งแถว

“ขอบพระทัยพระชายาที่หวังดี แต่ว่า…”

เฮ่อหลันฉือเงียบนิ่งไป ไม่รู้ว่าตนเองไปล่วงเกินกุ้ยเฟยที่ใดเข้ากันแน่ อีกฝ่ายถึงได้พยายามจะผลักนางลงสู่ขุมนรกเช่นนี้

โชคดีที่มีเสียงสตรีใสกระจ่างเข้ามาช่วยกู้สถานการณ์อย่างประจวบเหมาะ

“ท่านแม่ อีกประเดี๋ยวจะมีขบวนแซ่ซ้องขุนนางใหม่แล้ว ท่านพาข้าไปชมได้หรือไม่เจ้าคะ”

ดรุณีวัยสิบห้าสิบหกปีคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยเครื่องแต่งกายครบชุด สวมเสื้อนอกตัวสั้นและกระโปรงสีเขียวขี้ม้าปักดิ้นทองลายผีเสื้อ ศีรษะปักปิ่นทองเสริมลวดดัดทรงหางหงส์ห้าเส้นอันหนึ่ง และปิ่นระย้าซึ่งมีทองคำเป็นฐานประดับด้วยมรกตและหยกอันหนึ่ง พู่ทองและเงินห้อยอยู่บนเรือนผม พวงพู่แกว่งไกวไปมาทั่วศีรษะ กำไลหยกน้ำงามสีเขียวมรกตคู่หนึ่งบนข้อมือส่งเสียงกระทบตามจังหวะ นางเยื้องกรายเข้ามาจากหน้าห้องโถง ตามมาด้วยนางกำนัลราวยี่สิบคน ดวงหน้าเล็กที่จิ้มลิ้มพริ้มเพราของนางฉายความปรารถนาอย่างควบคุมไม่ได้ คล้ายดั่งผีเสื้อตัวน้อย

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน อุบายรักลิขิตเสน่หา บทที่ 1

บทที่ 1 โฉมงามล่มเมือง   เดือนสาม ดอกซิ่ง บานสะพรั่ง เรื่องขบขันใหญ่โตเรื่องหนึ่งแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงในเวลาอัน...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน เรื่องราวของเรากับนาง บทนำ

บทนำ   ฤดูใบไม้ผลิหิมะตกในยามค่ำคืน ปลิวลงมาราวกับผงแป้งสีขาวโพลน บนคูน้ำที่ไหลเข้าเมืองลั่วหยางมีเกล็ดหิมะโปรยปราย...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน อุบายรักลิขิตเสน่หา บทที่ 2

บทที่ 2 จับพลัดจับผลู   ต่อจากเหตุการณ์โกลาหลในงานแต่ง เรื่องราวที่ซื่อจื่อของเฉากั๋วกงอาละวาดที่วัดเจวี๋ยเยวี่ยก็ถ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน เรื่องราวของเรากับนาง บทที่ 1

บทที่หนึ่ง หิมะฤดูใบไม้ผลิ ชายหนุ่มนิ่งงันไปเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยเยาะว่า “ต่อให้มีชาติกำเนิดต่ำต้อย ในตอนที่ร่างกายอยู่...

community.jamsai.com