ไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันไม่เข้าประตูเดียวกัน แค่ดูการแต่งองค์ทรงเครื่องอันหรูหราเช่นนี้ก็ทราบได้ว่าดรุณีผู้นี้คือบุตรีคนเดียวของลี่กุ้ยเฟย…องค์หญิงเสาอัน
องค์หญิงเสาอันแทบจะถลาเข้าไปในอ้อมกอดของลี่กุ้ยเฟย
เฮ่อหลันฉือระบายลมหายใจ รีบหลบไปด้านข้าง
ไม่ผิดจากที่คาด ครั้นลี่กุ้ยเฟยเห็นบุตรสาวสุดที่รักก็ลืมเฮ่อหลันฉือไปในพริบตา
สองแม่ลูกพูดคุยกันอย่างสนิทสนม
เฮ่อหลันฉือขยับไปด้านข้างอย่างไร้สุ้มเสียง หวังจะลอบหลบออกไปเงียบๆ
“…คุณหนูเฮ่อหลันจะไปที่ใดหรือ”
อยู่ดีๆ เสียงขององค์ชายรองก็ดังขึ้นข้างหูนาง เฮ่อหลันฉือตัวเกร็งทันใด
องค์หญิงเสาอันคล้ายเพิ่งจะสังเกตเห็นเฮ่อหลันฉือตอนนี้ นางหันมาชำเลืองมองแวบหนึ่ง แล้วก็ตกตะลึงไป จากนั้นวี่แววของความไม่พอใจก็ฉายบนใบหน้า ทว่าเพียงไม่นานก็เลือนหาย จากนั้นนางก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มหวาน
“ไม่ทราบว่าท่านนี้คือ…”
แม้ใบหน้ายิ้มแย้ม แต่น้ำเสียงกลับเหมือนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
นางเป็นบุตรที่ถือกำเนิดหลังจากลี่กุ้ยเฟยเข้าวังแล้ว เรียกได้ว่าเติบโตมาพร้อมกับการเอาอกเอาใจและการทะนุถนอมเต็มเปี่ยม นางภาคภูมิใจกับรูปโฉมอันงดงามของตนมาตั้งแต่เด็ก เลือกสวมใส่แต่ของชั้นดีที่สุดเสมอ จะขัดใจเป็นอย่างยิ่งหากมีคนอื่นโดดเด่นหรืองดงามกว่านาง
สาวน้อยตรงหน้านี้แต่งกายมอซอเหลือเกิน แม้แต่นางกำนัลสักคนตรงนี้ก็ยังเลิศหรูกว่านางนัก
แต่ใบหน้านั้น…ใบหน้านั้น…
ชั่วพริบตานั้นองค์หญิงเสาอันถึงกับเกิดความรู้สึกพลุ่งพล่านขึ้นมาว่าอยากแลกเปลี่ยนใบหน้ากับอีกฝ่าย
ตอนนี้เองเซียวหนานสวินพี่ชายของนางก็ส่งเสียงเรียบเย็นมาว่า “คุณหนูเฮ่อหลัน บุตรีของข้าหลวงตรวจการฝ่ายซ้าย”
เซียวเสาอันชะงัก หันไปมองพี่ชายของตน
แม้จะเป็นพี่น้องร่วมอุทร แต่พูดตามตรงว่านางค่อนข้างกลัวเขา ทั้งสองคนไม่มีความสนิทชิดเชื้ออย่างพี่ชายน้องสาวตามปกติแม้แต่น้อย อีกทั้งเมื่อถูกดวงตาสีเทาเข้มคู่นั้นจ้องมอง ต่อให้เป็นนางก็ยังรู้สึกหวาดหวั่น
“อ้อ…ท่านเป็นคนเชิญมาหรือ” เซียวเสาอันกล่าว
“ท่านแม่เรียกมา” เซียวหนานสวินตอบ
“อ้อ” เซียวเสาอันผงกศีรษะ
นางไตร่ตรองสักพักหลังจากได้ยินน้ำเสียงของพี่ชาย สายตาวนเวียนไปมาระหว่างคนสองคน จากนั้นไฟร้อนในใจก็เริ่มเย็นลง ระบายยิ้มออกมา
“ไม่มีอะไร ข้าก็แค่ถามไปอย่างนั้น…” นางกล่าวแล้วหันหน้าไปออดอ้อนลี่กุ้ยเฟยต่อ “ท่านแม่ ถ้าไม่ไปตอนนี้จะไม่ทันแล้ว พาข้าไปดูหน่อยสิเจ้าคะ!”
ขบวนแซ่ซ้องขุนนางใหม่นั้นคือพิธีที่จะมีขึ้นสามปีครั้ง หลังจากประกาศผลสอบหน้าพระที่นั่ง ขุนนางกรมพิธีการจะตีฆ้องเบิกทางและให้ผู้เป็นจ้วงหยวนขี่อาชาตัวใหญ่นำหน้าหมู่บัณฑิตจิ้นซื่อรุ่นใหม่ เดินอวดโฉมท่ามกลางสายลมฤดูใบไม้ผลิเป็นระยะทางไกลสิบหลี่
เวลานี้ชาวบ้านแทบทั้งเมืองก็จะแห่กันมาดูที่ท้องถนน เรียกได้ว่าผู้คนออกมาจากทุกตรอกซอกซอย
องค์หญิงเสาอันต้องการไปดู ลี่กุ้ยเฟยย่อมไม่ขัดขวาง
นางกำนัลขันทีทั้งตำหนักจัดแจงเพียงไม่นานก็พร้อมจะเชิญสตรีทั้งสองนางลากชายกระโปรงออกไป ลี่กุ้ยเฟยยังอุตส่าห์มีแก่ใจนึกถึงเฮ่อหลันฉือ
“คุณหนูเฮ่อหลัน จะตามพวกเราไปด้วยกันหรือว่า…”
“หม่อมฉัน…” เฮ่อหลันฉือเพิ่งคิดจะขอตัว หางตาก็เหลือบไปเห็นสายตาขององค์ชายรองที่ปรายมองมาจึงแก้คำทันใด “ขอน้อมรับตามบัญชาเพคะ”
องค์ชายรองไม่สนใจขบวนแซ่ซ้องขุนนางใหม่จึงขอตัวแยกไปก่อน
ก่อนไปขณะที่เฮ่อหลันฉือยกมือคารวะส่งเขา นางยังรู้สึกได้ถึงสายตาเย็นเยียบคู่นั้นที่จับนิ่งบนเรือนร่างนางชั่วอึดใจ
เขาเดินเชื่องช้าเฉียดผ่านข้างกายนางอีกครั้ง
น้ำเสียงขององค์ชายรองเย็นชาลึกลับราวกับอสรพิษ เขาลากเสียงเนิบยานแฝงแรงกดดันที่น่าหวาดหวั่น กระซิบแผ่วเบาด้วยระดับเสียงที่มีเพียงพวกเขาสองคนได้ยิน
“…คุณหนูเฮ่อหลัน พวกเราค่อยพบกันใหม่”