ขณะเดินตามลี่กุ้ยเฟยกับองค์หญิงเสาอันออกมาจากตำหนักอวี้เต๋อ เฮ่อหลันฉือรู้สึกเหมือนรอดตายจากภัยพิบัติ ทั้งร่างกายและจิตใจเหนื่อยล้าจนแทบไม่อยากเอ่ยวาจา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคืนนี้นางนอนหลับไม่สู้ดี เรื่องราวในฝันก็ยังไม่ทันเรียบเรียงให้กระจ่าง อารมณ์ในตอนนี้จึงสับสนปั่นป่วน
ระหว่างที่นางใช้ความคิดเงียบๆ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเปิดประตูวังแต่ไกล
เฮ่อหลันฉือเงยหน้ามองไป เริ่มจากประตูหวงจี๋ที่อยู่ไกลๆ ตามมาด้วยประตูอู่เหมิน ประตูตวนเหมิน และประตูเฉิงเทียน พวกมันเปิดกว้างออกไล่เรียงไปเป็นลำดับ ภาพนั้นช่างดูโอฬารตระการตายิ่งนัก
ประตูใหญ่สี่ห้าบานที่อยู่ตรงกลางนี้ นอกจากงานพิธีอภิเษกสมรสของฮ่องเต้และฮองเฮาแล้ว ผู้ที่สามารถเดินผ่านก็มีแค่จ้วงหยวน ปั่งเหยี่ยน และทั่นฮวาเท่านั้น ซึ่งบัดนี้บัณฑิตผู้สอบได้เป็นสามอันดับแรกมาหมาดๆ กำลังเคลื่อนขบวนออกไปผ่านเส้นทางที่ปกติจะมีเพียงฮ่องเต้เสด็จพระราชดำเนิน
คนที่โดดเด่นมากที่สุดในขบวนนั้นไม่มีผู้ใดเกินบัณฑิตจ้วงหยวนที่เดินอยู่ตรงกลาง
ชุดของคนอื่นล้วนเป็นสีน้ำเงิน มีเขาผู้เดียวที่สวมเสื้อคลุมสีแดงสง่างาม คาดเข็มขัดเงินรอบเอว ห้อยจี้หยกใสกระจ่าง ศีรษะสวมหมวกประดับดอกไม้และใบเงิน ชุดสำหรับจ้วงหยวนซึ่งเป็นสีแดงเพลิงเจิดจ้าสะดุดตาประหนึ่งหงส์ในฝูงนกกา นอกจากนั้นบัณฑิตจ้วงหยวนในครั้งนี้เมื่อมองจากด้านหลังแล้วดูอายุยังไม่มาก รูปร่างสูงโปร่งดุจต้นสน ลำคอยาวระหง ผิวขาวเนียนปานเนื้อหยก ผมหลายช่อแซมออกมาจากขอบหมวก แค่เพียงลักษณะเหล่านี้ก็นับว่าไม่อัปลักษณ์แล้ว กอปรกับมีฐานะจ้วงหยวนเสริมรัศมี ย่อมทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกว่าบุคคลผู้นี้งดงามน่ามอง เป็นที่หมายปองของผู้คน
เฮ่อหลันฉือไม่มีแก่ใจจะพิจารณามากนัก เพียงแค่มองแวบหนึ่งแล้วถอนสายตากลับไป
แต่เห็นชัดว่าองค์หญิงเสาอันไม่คิดเช่นนั้น ขันทีที่อยู่ข้างๆ นางเข้าใจเจตนา จึงกระแอมให้ลำคอโล่งก่อนเปล่งเสียงดัง
“บัณฑิตจ้วงหยวน โปรดช้าก่อน”
บุรุษสามคนที่นำอยู่ด้านหน้าได้ยินเช่นนั้นก็หยุดเดินแล้วหันกลับมา
บุรุษที่อยู่ตรงกลางนั้นมีดวงตาดอกท้อที่เก็บซ่อนอารมณ์ แม้ไม่ยิ้มยังฉกฉวยวิญญาณคนได้ ยามนี้สายลมวสันต์พัดโชย ดวงตาคู่นั้นอดไม่ได้ที่จะหยีลงเล็กน้อย ขนตาเป็นแพหนา รูม่านตาสุกสกาวราวกับน้ำ รอยยิ้มละมุนละไมแฝงนัยที่ยากเข้าใจ ลมเบาๆ พัดปอยผมข้างขมับพลิ้วไหว รูปลักษณ์ที่หล่อเหลางามสง่าของเขาช่างดึงดูดใจ ทำให้สตรีใดที่แลเห็นต่างก็หน้าแดงใจเต้นโครมครามอย่างยั้งไม่อยู่
เฮ่อหลันฉือเองก็ชะงักไปชั่วขณะ ปกติเห็นแต่เขาใส่ชุดสีขาวตามแบบที่คุณชายผู้เรียบร้อยนิยมใส่ จู่ๆ มาเห็นเขาใส่ชุดสีแดงสดใสเช่นนี้ออกจะไม่ค่อยชินเท่าไรนัก ทั้งยังเผยลักษณะชั่วร้ายออกมานิดหน่อยด้วย
เขาควรกลับไปใส่ชุดสีขาวตามเดิมจะดีกว่า
เดี๋ยวก่อน…ทันใดนั้นนางก็นึกขึ้นได้ เขาสอบสำเร็จได้เป็นจ้วงหยวนจริงๆ หรือ เช่นนั้นก็หมายความว่าเขาได้สามหยวนติดกันเลยน่ะสิ
นับตั้งแต่สถาปนาราชวงศ์ต้ายงขึ้นมา ผู้สอบได้จ้วงหยวนที่เป็นซานหยวนจี๋ตี้* นั้นนับได้ด้วยนิ้วมือข้างเดียว
เฮ่อหลันฉือเพียงแค่เผลอไผลไปชั่วขณะ แต่นางกำนัลรอบด้านที่ติดตามมาด้วยแทบจะมองอย่างเหม่อลอย
ผู้ใดก็คาดคิดไม่ถึงว่าบัณฑิตจ้วงหยวนคนใหม่จะหน้าตาดีถึงเพียงนี้ ทำเอาปั่งเหยี่ยนกับทั่นฮวาด้านข้างไม่มีคนสนใจมอง
แน่นอนว่าคนที่ออกอาการตื่นเต้นมากที่สุดคือองค์หญิงเสาอัน เฮ่อหลันฉือหันไปก็เห็นนางเกี่ยวแขนลี่กุ้ยเฟยแน่น ดวงตากลมโตฉายแววตกหลุมรักลู่อู๋โยวแบบที่เคยเห็นมาจนชิน ถ่ายทอดเป็นตัวอักษรได้ประมาณว่า…‘ท่านแม่ ข้าอยากแต่งงานกับเขา!’
ลู่อู๋โยวแสดงท่าทีว่าเห็นเฮ่อหลันฉือแล้วเช่นกัน
ชั่วขณะที่สองสายตาสบประสาน เขาเลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วเหยียดยิ้มอย่างยียวนยิ่งกว่าเก่า
เฮ่อหลันฉือได้ยินเสียงหวีดร้องในลำคอขององค์หญิงเสาอันชัดเจน
“…” นางมองลู่อู๋โยวด้วยสายตาซับซ้อน
ตามเหตุผลแล้วเฮ่อหลันฉือสมควรบังเกิดความเห็นใจอย่างคนมีชะตาเดียวกันขึ้นมาบ้าง เพราะสุดท้ายแล้วทุกคนต่างมีโอกาสที่จะโชคร้ายไปด้วยกัน แต่ว่า…ในสถานการณ์ที่ตนเองยังเอาตัวไม่รอดเช่นนี้ นางกลับมีความรู้สึกประหลาดขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ นั่นคือความสะใจในความเดือดร้อนของผู้อื่น
(ติดตามต่อได้ในรูปแบบ E-book ฉบับเต็มวันที่ 27 มีนาคม 2568)