เสิ่นหยวนพักอยู่ห้องกลาง ยามเดินมาถึงหน้าห้องประตูถูกปิดอยู่ ไฉ่เวยไม่อาจเชิญให้หลี่ซิวเหยาเข้าไปได้ จึงหันหน้าไปกล่าวกับเขา “คุณชายโปรดรอสักครู่ ให้บ่าวเข้าไปรายงานก่อน”
หลี่ซิวเหยาหยุดยืนนิ่ง พยักหน้าให้นางเบาๆ “รบกวนแม่นางแล้ว”
ไฉ่เวยผลักประตูเปิด เดินเข้าไปแล้วงับประตูปิดทันที
เสิ่นหยวนกำลังนั่งมองแม่น้ำด้านนอกอยู่ตรงหน้าต่างเรือ ได้ยินเสียงก็หันหน้ากลับมา
ไฉ่เวยยอบตัวคารวะนาง ก่อนบอกเล่าเรื่องเมื่อครู่เบาๆ จากนั้นก็เอ่ยว่า “คุณชายท่านนั้นเห็นบ่าวไม่รับค่าเรือ ก็ต้องการจะมาขอบคุณท่านต่อหน้าให้ได้ ตอนนี้เขาอยู่นอกประตู คุณหนูเห็นว่าเรื่องนี้…”
เสิ่นหยวนมิใคร่อยากพบหลี่ซิวเหยานัก
ชาติก่อนนางแต่งให้หลี่ซิวหยวน แม้หลี่ซิวเหยาจะเป็นพี่ชายอีกฝ่าย แต่เพราะเกิดจากสาวใช้อุ่นเตียง มารดาของหลี่ซิวหยวนจึงไม่ชอบเขานัก หลี่ซิวเหยาเองก็กลับบ้านน้อยครั้ง ส่วนมากล้วนพักอยู่ในค่ายทหาร ต่อมาหลี่ซิวเหยาได้กุมอำนาจกองทัพ ช่วยให้องค์ชายรองผู้เกิดจากพี่สาวของหลี่ซิวหยวนได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ มีอำนาจครอบคลุมทั่วทั้งพระราชสำนัก คนสกุลหลี่ล้วนต้องพึ่งพาอาศัยเขา จึงไม่กล้าดูถูกเขาเช่นที่แล้วมาอีก
ถึงอย่างนั้น ชาติก่อนหลังเสิ่นหยวนแต่งเข้าสกุลหลี่ก็ได้พบหน้าหลี่ซิวเหยาแทบนับครั้งได้
หลี่ซิวหยวนไม่ชอบนาง ที่แต่งนางก็เพราะถูกท่านป้าของนางข่มขู่บีบคั้น ในเวลานั้นนางเองก็โง่เขลาเบาปัญญา คิดเพียงว่าตนเองรูปโฉมงามเฉิดฉายปานนี้ ไม่ว่าผู้ใดเห็นก็ชื่นชม นานวันเข้าหลี่ซิวหยวนมีหรือจะไม่ชอบนาง
นางแต่งให้หลี่ซิวหยวนด้วยความปีติยินดีเต็มหัวใจ แต่สิ่งที่ได้มาหลังจากนั้นคือหลี่ซิวหยวนไม่เคยเหยียบย่างเข้าห้องนางแม้แต่ก้าวเดียว ถึงขั้นว่าคืนวันแต่งงานเขาก็ยังไม่มาพบนาง
แรกๆ ท่านป้าของนางยังอยู่บนโลก บิดาก็ยังเป็นรองเสนาบดีกองงานไท่ฉาง แม้หลี่ซิวหยวนจะไม่แยแสนางเพียงใด แต่อย่างน้อยมารดาของหลี่ซิวหยวนก็ยังปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดี ทว่าต่อมาท่านป้าของนางลาจากโลกนี้ไป บิดาก็ถูกปลดจากตำแหน่ง มารดาของหลี่ซิวหยวนจึงเริ่มไม่ชอบนาง บ่าวไพร่ในจวนสกุลหลี่ก็ล้วนเป็นผู้มีฝีมือด้านการประจบประแจงผู้มีฐานะสูง เหยียบย่ำผู้มีฐานะต่ำ เห็นหัวแต่ผู้สูงศักดิ์มั่งคั่ง ชีวิตนางจึงผ่านไปอย่างยากลำบาก ต้องว้าเหว่ตรอมตรม
ต่อมายังรู้ข่าวเรื่องที่น้องหญิงสามถูกคนสกุลเซวียทรมานจนตายและน้องรองถูกคนล่อลวงจนติดกามโรค ถูกบิดาขับออกจากตระกูล เสิ่นหยวนจำได้ว่าคืนนั้นเวลาดึกสงัด นางแอบหนีไปร้องไห้อยู่ริมทะเลสาบในสวนตามลำพัง ก่อนจะมีคนลากนางไปด้านหลัง
นางหันหน้าไปมองด้วยความตกใจ ก็เห็นหลี่ซิวเหยากำลังยืนอยู่ด้านหลังนาง
เวลานั้นเขากลายเป็นพระมาตุลาผู้มากอำนาจแล้ว สีหน้าแววตาจึงเปี่ยมด้วยพลังกดดันของผู้มีตำแหน่งสูง
เขามองนางปราดหนึ่ง ก่อนพูดด้วยสีหน้าเย็นชา ‘มีเพียงคนที่ยังชีวิตอยู่ดี ถึงจะมีโอกาสทำให้คนที่เคยเยาะเย้ยเหยียบย่ำตนเองเหล่านั้นได้รับจุดจบที่สมควรได้’
ยามนี้นึกขึ้นมา เวลานั้นเขาคงคิดว่านางอยากกระโดดน้ำตายกระมัง
มุมปากเสิ่นหยวนพลันโค้งขึ้น
ในเวลาที่ยากลำบากและตรอมตรมที่สุด มีคนผู้หนึ่งยอมพูดกับตนเช่นนี้ แม้ว่าเขาจะเพียงเข้าใจผิด แต่เจตนาดีนี้ยังคงมีค่าให้ซาบซึ้ง ดังนั้นเมื่อครู่นางถึงได้ยอมรับหลี่ซิวเหยาขึ้นเรือมา
อีกทั้งสิ่งที่สำคัญที่สุดคือนางรู้ว่าภายภาคหน้าเขาจะได้เป็นพระมาตุลาผู้มีอำนาจครอบคลุมทั่วทั้งพระราชสำนัก แม้ไม่พูดถึงเรื่องเอาใจเขา แต่อย่างน้อยก็ไม่ควรล่วงเกิน
“คุณชายท่านนี้เกรงใจแล้ว” เสิ่นหยวนไม่มีท่าทีจะเปิดประตู เพียงนั่งอยู่บนม้านั่งกลม พูดผ่านบานประตูบางๆ “เดิมก็ไปทางเดียวกันอยู่แล้ว ไม่ได้ลำบากจนถึงขั้นต้องรับค่าเรือจากคุณชาย หรือให้คุณชายมาขอบคุณต่อหน้าด้วยตนเอง เชิญคุณชายกลับไปเถิด”
เสียงของนางนุ่มเบาน่าฟังยิ่ง ทว่าน้ำเสียงกลับราบเรียบ คล้ายไม่ใส่ใจต่อเรื่องราวใดๆ บนโลกนี้