บทที่ 2
ฉางหมัวมัวเดิมเป็นหญิงปักผ้าในบ้านเฉินป๋อหลุนท่านตาของเสิ่นหยวน มีฝีมือปักผ้าแบบซูโจวเป็นเลิศ ต่อมานางแต่งให้ผู้ดูแลคนหนึ่งของสกุลเฉิน ให้กำเนิดบุตรชายและบุตรสาวอย่างละคน โชคร้ายที่ต่อมาสามีและบุตรชายนางต่างสิ้นใจตามกันไป บุตรสาวคนเดียวในตอนนั้นเป็นสาวใช้ติดตามมารับใช้มารดาเสิ่นหยวนหลังออกเรือน ครั้นอายุมากก็ได้มารดาเสิ่นหยวนจัดการให้แต่งเป็นภรรยาของผู้ดูแลที่ดิน
ตลอดหนึ่งปีกว่าที่เสิ่นหยวนอาศัยอยู่บ้านท่านตานี้ก็ได้ฉางหมัวมัวช่วยสอนนางเย็บปักโดยตลอด คราวนี้นางจะเดินทางกลับเมืองหลวง ฉางหมัวมัวคิดถึงว่าชีวิตนี้ของตนมีเพียงบุตรสาวเป็นญาติคนเดียวแล้วและอีกฝ่ายยังอยู่ที่เมืองหลวง ทันทีที่เฉินป๋อหลุนมาบอกว่าเสิ่นหยวนต้องการให้ตนเดินทางไปที่เมืองหลวงด้วย ฉางหมัวมัวจึงตอบรับคำขอนี้โดยแทบไม่ต้องเสียเวลาคิด
ที่เฉินป๋อหลุนเห็นควรกับเรื่องนี้ในทันที ด้วยเพราะเขาไม่รู้ว่าที่แล้วมาสกุลเสิ่นอบรมสั่งสอนเสิ่นหยวนอย่างไร สตรีพึงมีสี่คุณธรรมแต่นางใกล้จะถึงวัยปักปิ่น แล้ว งานเย็บปักถักร้อยกลับย่ำแย่เหลือเกิน หลังนางมาถึงฉางโจว เขาถึงสังเกตเห็นเรื่องนี้ จึงได้จัดฉางหมัวมัวมาสอนนางเย็บปักโดยเฉพาะ
แต่อย่างไรก็สอนเพียงปีเดียว ไหนเลยจะพอ ให้ฉางหมัวมัวตามเสิ่นหยวนกลับเมืองหลวงด้วยก็ดีเช่นกัน เหตุผลข้อแรกคือสอนเสิ่นหยวนเย็บปักต่อได้ ส่วนข้อสองนั้น ฉางหมัวมัวเป็นคนที่เขาวางใจ หากภายหน้าเสิ่นหยวนมีเรื่องอะไรในสกุลเสิ่น นางก็ช่วยเหลือได้
จะอย่างไรมารดาเสิ่นหยวนก็สิ้นลมแล้ว แม้เสิ่นหยวนจะยังมีน้องชายและน้องสาวร่วมอุทรอยู่ในสกุลเสิ่นอีกสองคน แต่เด็กไม่มีแม่อย่างไรก็น่าสงสาร
ด้วยเหตุนี้ฉางหมัวมัวจึงติดตามเสิ่นหยวนขึ้นเรือไปเมืองหลวง กระนั้นนางก็อายุห้าสิบกว่าแล้ว ที่ผ่านมาไม่ได้นั่งเรือบ่อยนัก ดังนั้นขึ้นเรือได้วันแรกก็เริ่มเมาเรือ นอนอยู่บนตั่งลุกไม่ขึ้นมาตลอด
ไฉ่เวยได้รับคำสั่งจากเสิ่นหยวน ในมือถือกล่องอาหารไม้ไผ่ลงรักเถาหนึ่ง จานที่อยู่ด้านในใส่สาลี่เป็ด พุทรากรอบ และกระจับสดไว้
นางผลักประตูเปิด เดินเข้าไปในห้องก็เห็นฉางหมัวมัวที่หน้าผากวางผ้าเอาไว้กำลังนอนอยู่บนตั่งด้วยสีหน้าซีดเซียว
ได้ยินเสียงฉางหมัวมัวก็หันหน้ามามอง พอเห็นเป็นไฉ่เวยนางก็รีบใช้มือยันตั่งพยายามจะลุกขึ้น
ขณะเสิ่นหยวนเพิ่งมาถึงฉางโจว ไฉ่เวยยังเป็นเพียงสาวใช้ระดับล่างข้างกายนาง ทว่าต่อมาไม่รู้เกิดอะไรขึ้น เมื่อต้นปีหัวหน้าสาวใช้ของเสิ่นหยวนทำผิดจนถึงขั้นติดคุก นางจึงยกไฉ่เวยขึ้นมาเป็นหัวหน้าสาวใช้ประจำตัว ให้คอยปรนนิบัติรับใช้
หัวหน้าสาวใช้ของเสิ่นหยวนย่อมเอาไปเทียบกับผู้อื่นไม่ได้ ดังนั้นบนหน้าฉางหมัวมัวจึงเผยรอยยิ้มออกมา เอ่ยปากด้วยความกระตือรือร้น “แม่นางไฉ่เวยมาแล้วหรือ รีบมานั่งเถิด”
ไฉ่เวยก้าวขึ้นหน้าไปสองก้าว กล่าวยิ้มๆ “ท่านลุกขึ้นมาทำไมกัน รีบพักเถิด”
นางเป็นคนอบอุ่นอ่อนโยน จิตใจดีงามบริสุทธิ์ แม้จะมีฐานะเป็นหัวหน้าสาวใช้ประจำตัวเสิ่นหยวน แต่ก็ไม่ได้วางท่าข่มคนแม้แต่น้อย
นางประคองฉางหมัวมัวนั่งพิงผนังเรือเสร็จก็หยิบหมอนนุ่มมารองหลังอีกฝ่าย จากนั้นก็ทำท่าทางบอกให้ฉางหมัวมัวดูกล่องอาหารในมือนาง “คุณหนูทราบว่าท่านเมาเรือจนกินอะไรไม่ลง จึงให้นำสาลี่เป็ดกับพุทรากรอบมาโดยเฉพาะ ยังมีกระจับสดนี่ที่คุณหนูตั้งใจซื้อมา สั่งให้ข้านำมามอบกับท่าน”
ฉางหมัวมัวฟังแล้วในใจให้ตื้นตันเป็นที่สุด “ข้าแค่เคยสอนคุณหนูเย็บปักเพียงปีเดียวเท่านั้น เดิมก็ต้องขอบคุณนางด้วยซ้ำที่ทำให้ข้าตามนางไปเมืองหลวงได้ ไม่คิดเลยว่าในใจคุณหนูจะยังนึกถึงข้าเช่นนี้ ข้าซาบซึ้งใจจริงๆ”
ไฉ่เวยเม้มปากหัวเราะเบาๆ โดยไม่พูดอะไร ทว่าในใจนางก็นึกประหลาดใจเช่นกัน