ยามนี้ตัวตนดั้งเดิมที่เก็บกดมาช้านานพลันปลดเปลื้องจากพันธนาการ ฉยงเหนียงประดุจผีเสื้อที่เจาะออกจากรังไหม บุคลิกอันใจกว้างผ่อนปรนและสงบนิ่งล้วนถูกโยนทิ้งไว้ด้านข้าง นางแค่นหัวเราะอย่างเย็นชา ตัดสินใจว่าจะป่าเถื่อนให้ถึงที่สุด พอเดินไม่กี่ก้าวไปถึงเบื้องหน้าของซั่งอวิ๋นเทียน นางก็ละทิ้งท่าทางของกุลสตรีผู้อ่อนหวานในอดีต ยกมือตบหน้าสามีหนึ่งฉาดอย่างหนักหน่วงจนเขาหน้าหันแล้วค่อยเอ่ยถาม “ซั่งอวิ๋นเทียน ก่อนจะลงชื่อในหนังสือสมรสเจ้าตาบอดหรือว่าหูหนวกกันแน่ ก่อนแต่งงานข้าเคยปิดบังเจ้าเรื่องชาติกำเนิดของตนหรือไร เหตุใดข้าจึงละทิ้งไม่ออกเรือนกับคุณชายสูงศักดิ์ในเมืองหลวง แต่กลับเลือกชาวบ้านธรรมดาที่ทางบ้านยากจนเช่นเจ้า! นั่นเพียงเพราะข้ารู้ตัวว่าตนเองไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของสกุลหลิ่ว ไม่คู่ควรกับผู้ดีมีตระกูลที่แท้จริง ยิ่งไม่อยากให้วันหน้าสามีรู้เรื่องแล้วกล่าวโทษว่าข้าหลอกแต่งงาน ดังนั้นข้าถึงได้เลือกเจ้า!”
ขณะกล่าวนางมองขึ้นลงเพื่อพิจารณาสามีที่พลันเปลี่ยนเป็นดูแปลกหน้า จากนั้นจึงเอ่ยเยาะหยันตนเอง “เดิมทีข้ามาจากครอบครัวพ่อค้าที่ต่ำต้อย ตอนนั้นสกุลซั่งของเจ้าก็ไส้แห้งจนแทบไม่มีข้าวสารจะกรอกหม้อ นับว่าชาติตระกูลเหมาะสมกันดี ต่างก็ไม่อาจติข้อบกพร่องของกันและกันได้ ตอนที่ข้าเปิดเผยความจริงอันย่ำแย่ของตน เจ้าเคยสาบานให้คำมั่นไว้อย่างไรกัน เจ้าบอกว่าต่อให้ชาติกำเนิดที่แท้จริงของข้าเป็นเช่นไร นับจากนี้ข้าก็คือภรรยาของเจ้าซั่งอวิ๋นเทียน ชายชาตรีสกุลซั่งจะอาศัยความสามารถของตนทำให้ภรรยาและบุตรเป็นที่นับหน้าถือตา แต่ตอนนี้เล่า เจ้ากลับรังเกียจว่าข้าป่าเถื่อน? แล้วนี่เล่า…ตอนที่เล่นชู้อยู่บนเตียงกับชุยผิงเอ๋อร์เจ้าคงจะรู้ซึ้งถึงท่วงท่าของคุณหนูสกุลหลิ่วตัวจริงแล้วกระมัง พวกเจ้าช่างเป็นสุภาพชนที่ใฝ่รู้ใฝ่เรียนเสียนี่กระไร!”
สกุลซั่งสามารถก้าวผ่านอดีตที่ยากไร้มาสู่ปัจจุบันที่มั่งคั่งมีหน้ามีตาได้ ย่อมมิใช่อาศัยเพียงเบี้ยหวัดเล็กน้อยของซั่งอวิ๋นเทียน การวางแผนกิจการของฉยงเหนียงต่างหากที่มีคุณความดีอันมิอาจจะลบล้าง การดูแลร้านค้าหลายแห่งมานานปีได้ขัดเกลาให้สตรีที่เคยอยู่แต่ในห้องหอไม่รู้จักความทุกข์ยากผู้นี้มีคารมเป็นเยี่ยม บัดนี้เมื่อนางเอ่ยถากถางอย่างเจ็บแสบ ซั่งอวิ๋นเทียนที่เพิ่งจะสวมกางเกงออกมามีหรือจะทนรับไหว
แม้แต่งงานกันมาสิบปีแล้ว ทว่าในใจเขาก็ยังคงรักฉยงเหนียงอยู่ ยังมิต้องเอ่ยถึงความฉลาดในการวางตัวของนางกับความเก่งกาจในการผูกสัมพันธ์กับผู้คน ซึ่งส่งผลดีในการทำงานของเขาอย่างยิ่ง ลำพังเอ่ยถึงเรื่องรูปโฉม ชุยผิงเอ๋อร์ก็มิอาจเทียบฉยงเหนียงที่เกิดมางามประณีตดุจหยก สะกดให้ผู้ชมมิอาจละสายตา
เมื่อแรกตอนที่เขาได้ยินเรื่องชาติกำเนิดของฉยงเหนียง แท้จริงแล้วในใจยินดีเป็นบ้าเป็นหลังจนยากจะข่มกลั้น ลอบดีใจว่าหากมิใช่เพราะความลับนี้ ต่อให้นางตกอับเป็นชาวบ้านร้านตลาด ด้วยรูปโฉมระดับนี้ก็ต้องมีคหบดีแย่งกันส่งของหมั้นหมาย มีหรือที่โอกาสจะเวียนมาถึงเขาได้
ก่อนหน้านี้ชุยผิงเอ๋อร์เผยความในใจต่อเขาหลายครั้งหลายคราล้วนถูกเขาปฏิเสธ ทว่าจนใจที่ฉยงเหนียงให้ความสำคัญกับสิ่งที่เรียกว่าจรรยาของกุลสตรีเสมอมา ขณะร่วมเตียงกระทั่งคำหยาบโลนก็มิอาจทนฟัง อย่างไรเสียนานวันเข้าสามีภรรยาย่อมจะขาดรสชาติ
มีหนหนึ่งระหว่างที่ฉยงเหนียงกลับไปเยี่ยมบ้านเดิม เขาดื่มสุราแล้วขาดความยับยั้ง สุดจะข่มใจต่อการรุกเร้าของชุยผิงเอ๋อร์ หลังจากกึ่งผลักไสกึ่งโอนอ่อนจนมีสัมพันธ์กัน เขาถึงกับติดอกติดใจมิรู้หาย จึงยิ่งหักห้ามใจไว้ไม่อยู่อีกต่อไป
ถึงอย่างไรชุยผิงเอ๋อร์ก็ออกมาจากจวนหลางอ๋องที่คลุ้งคาวโลกีย์ ท่วงทีปล่อยเนื้อปล่อยตัวยามอยู่บนเตียงจึงทำให้เขาได้รู้ซึ้งถึงรสชาติอันเต็มอิ่มระหว่างบุรุษสตรีอย่างแท้จริง หลังจากลักลอบเช่นนี้หลายหนเข้า ความรู้สึกผิดบาปอันเข้มข้นที่อยู่ในใจเขาก็ถึงกับค่อยๆ เจือจางลงอย่างมาก
บุรุษขวนขวายหาความก้าวหน้าในเส้นทางขุนนางเพื่อสิ่งใดกันเล่า มิใช่เพื่อให้ได้เสพดนตรีเคล้านารี ตักตวงความสำราญเล็กๆ น้อยๆ ให้กับชีวิตหรือไร! เปรียบกับสหายขุนนางคนอื่นๆ ที่มีสามภรรยาสี่อนุแล้ว ครึ่งชีวิตที่ผ่านมาของเขาซั่งอวิ๋นเทียนก็แค่อยู่ไปวันๆ เท่านั้น!