นี่เป็นผู้ชำนาญชัดๆ! พู่กันก้ามปูของอำเภอเหวยขึ้นชื่อว่าลงพู่กันได้ละเอียดลออ มีราคาถึงห้าตำลึงเงินต่อหนึ่งด้าม หากมิใช่ผู้รักศิลปะจากตระกูลลือนามก็ไม่ซื้อใช้หรอก ต่อให้แม่นางผู้นี้ซื้อไหว ร้านภาพอักษรในตำบลเล็กๆ อย่างร้านของเขาก็ไม่มีทางจะนำสินค้าล้ำค่าเพียงนี้มาขาย!
ความรู้สึกดูแคลนในใจเจ้าของร้านลดฮวบทันที จึงขายพู่กันซานลี่หนึ่งด้ามให้ฉยงเหนียงในราคาสี่เหรียญอีแปะโดยไม่ได้ต่อรองกับนางเลย
ฉยงเหนียงลังเลเล็กน้อย ก่อนถามเจ้าของร้านอย่างกระดากปากว่าจะขายผงหงฉวี่* หนึ่งก้อนเล็กให้นางในราคาหนึ่งเหรียญอีแปะได้หรือไม่
เห็นภาพที่นางขบริมฝีปากแน่นพร้อมดวงหน้างามที่แดงก่ำ เจ้าของร้านก็นึกสงสาร ผงหงฉวี่นั้นโดยมากครอบครัวชาวบ้านทั่วไปมักซื้อไปแต้มลวดลายบนหมั่นโถวหรือชุยปิ่ง** ที่ทำในช่วงเทศกาลไหว้เจ้า ราคาเพียงไม่เท่าไร เจ้าของร้านจึงใช้กระดาษฟางข้าวมาห่อหนึ่งก้อนเล็กให้ฉยงเหนียงโดยไม่คิดเงิน
เดิมทีชุยฉวนเป่านึกว่าน้องสาวอยากซื้อของกินเล่น คาดไม่ถึงว่านางจะซื้อพู่กันเรียวเล็กที่มีขนอยู่แค่ไม่กี่เส้นมาหนึ่งด้าม เด็กหนุ่มพลันนึกเสียดายเงินเก็บส่วนตัวที่ตนสู้เก็บหอมรอมริบมาอย่างยากลำบาก รู้สึกเพียงว่าน้องสาวที่ออกมาจากตระกูลชั้นสูงนี้ใช้จ่ายส่งเดช ซื้อแต่ข้าวของที่ไร้ประโยชน์
ทว่าเขายังไม่นับว่าสนิทกับนางมากนัก ในเมื่อให้เหรียญอีแปะออกไปแล้ว ย่อมไม่เหมาะจะเอ่ยปากตำหนินาง เขาจึงได้แต่เดินตามหลังนางไปอย่างคับอกคับใจ
ฉยงเหนียงย่างเท้าด้วยฝีก้าวอันแผ่วพลิ้ว ยกชายกระโปรงผ้าเดินข้ามสะพานตัดผ่านตรอกมาจนถึงที่ตั้งแผงของสามีภรรยาสกุลชุย
เมื่อคืนนางได้ยินบทสนทนาสัพเพเหระของบิดามารดา ความว่าหลายวันนี้มีผู้ที่จะเข้าสอบขุนนางในเมืองหลวงเดินทางมาที่ตำบลฝูหรงจำนวนมาก ด้วยที่นี่อยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวง คนเหล่านั้นจึงมาพำนักที่นี่กันชั่วคราว
สองสามีภรรยายินดีเป็นล้นพ้น เดิมนึกว่าคลื่นมนุษย์ที่พลันมาเยือนนี้จะทำให้การค้าดีขึ้นบ้าง ไม่คาดคิดว่าบัณฑิตเหล่านี้หากมีเงินทองก็มักตีสนิทผู้มีชื่อเสียง ชอบไปกินอาหารสังสรรค์กันในหอน้ำชาที่ใหญ่ที่สุดของที่นี่ ส่วนพวกที่ในมือขาดเงินยิ่งชอบเคี่ยวโจ๊กเปล่ากันในที่พักหรือซื้อชุยปิ่งมาเติมท้องให้อิ่ม
เมื่อเป็นเช่นนี้ แผงขนมสกุลชุยจึงกลายเป็นอยู่ระหว่างกลาง ทั้งไม่บนไม่ล่าง ทั้งไม่สามัญไม่สูงส่ง พวกเขาอุตส่าห์ทำขนมโก๋ถั่วเขียวกับขนมโก๋ชนิดอื่นๆ มาจำนวนมาก แต่กลับขายแทบไม่ออก
ยามนี้แม้เป็นฤดูใบไม้ผลิ ทว่าต่อให้นำขนมไปแขวนเก็บไว้ในบ่อก็ยืดอายุได้ไม่กี่วัน ซึ่งก็เท่ากับพวกเขาจะต้องขาดทุนค่าวัตถุดิบก้อนโต คำว่า ‘กลุ้ม’ คำเดียวจะเพียงพอได้อย่างไรเล่า
เมื่อวานฉยงเหนียงได้ยินคำสนทนาของพวกเขาแล้วก็ครุ่นคิดมาทั้งคืน
ชาติก่อนตอนที่นางออกเรือน สินเจ้าสาวของสกุลหลิ่วแม้ดูมีจำนวนหลายหาบ แต่แท้จริงเป็นวิธีบรรจุหีบให้ดูใหญ่โตเท่านั้น นับโดยละเอียดแล้วไม่มากมายแต่อย่างใด นางไม่อยากนั่งกินนอนกินสินเจ้าสาวเพียงเท่านั้นจนหมดตัว จึงเปิดร้านขายใบชาและภาพอักษรร้านหนึ่งในเมืองหลวง ทั้งฝึกฝนจนมีฝีมือวาดภาพและเขียนอักษรเป็นเลิศ
เดิมทีนึกว่าเกิดใหม่ชาตินี้กลับสู่ครอบครัวพ่อค้าแผงลอยแล้ว ฝีมือเชิงอักษรศิลป์เหล่านั้นจะไร้ประโยชน์เสียอีก ทว่าพอประกายความคิดวาบผ่าน แผนการหนึ่งก็ผุดขึ้นในใจนาง ดังนั้นนางจึงรุดไปซื้อพู่กันที่เรียวเล็กกับผงหงฉวี่มาแต่เช้า เตรียมลองดูว่าวิธีที่ตนคิดจะได้ผลหรือไม่
ชาวตำบลฝูหรงไร้น้ำชาไม่สุขใจ แม้กระทั่งยามเช้าเพิ่งตื่นนอนก็ยังต้องดื่มชาให้กระปรี้กระเปร่า