แม้เหยาซื่อทำใจแข็งต่อฉยงเหนียงที่ตนเลี้ยงดูมาถึงสิบห้าปีไม่ได้อยู่บ้าง ทว่าเมื่อเห็นชุยผิงเอ๋อร์ที่หน้าละม้ายตนและฉลาดชวนเอ็นดูกลับต้องสวมชุดกระโปรงที่เต็มไปด้วยรอยปะชุน เหยาซื่อก็พลันละอายใจว่าตนติดค้างบุตรสาวแท้ๆ มากเหลือเกิน สุดท้ายนางจึงกัดฟันเรียกหญิงรับใช้อาวุโสในจวนสองคนให้ใช้กำลังดันตัวฉยงเหนียงขึ้นรถม้าแล้วส่งคืนสกุลชุยไปเสีย
หลังจากฉยงเหนียงมาถึงสกุลชุยก็ร้องไห้อาละวาดไม่หยุด ดื่มน้ำก็ติว่าชามบิ่น กินข้าวก็ทนไม่ได้ที่เมล็ดข้าวหยาบ สุดท้ายนางถึงกับไข้ขึ้นสูงจนลุกไม่ไหว สลบไสลไปสามวันสามคืนติดกัน
ดังนั้นพอฉยงเหนียงลืมตาขึ้น หลิวซื่อมารดาแท้ๆ ของนางจึงทั้งยินดีทั้งเป็นกังวล สิ่งที่ยินดีคือบุตรสาวฟื้นขึ้นมาเสียที ส่วนสิ่งที่เป็นกังวลคือหากบุตรสาวยังคงร้องไห้อาละวาดอีกจะทำอย่างไรดีเล่า
ทว่าอาจเพราะครั้งนี้ฉยงเหนียงเป็นไข้สูงจนกระเทือนถึงสมอง เมื่อฟื้นแล้วจึงถามแต่คำถามที่แปลกพิกล ราวกับไม่รู้ว่าเหตุใดตนจึงกลับมาที่สกุลชุยได้
หัวใจของหลิวซื่อลอยคว้างขึ้นมาอีกครั้ง วิตกว่าบุตรสาวจะไข้ขึ้นจนเป็นโรคประหลาด นางจึงค้นกำไลเงินคู่หนึ่งที่เป็นสินเจ้าสาวของตนออกมาจากก้นหีบ เตรียมจะให้ชุยจงไปจำนำแลกเงินจำนวนหนึ่งเพื่อเชิญหมอมารักษาฉยงเหนียง
ทว่าฉยงเหนียงกลับยับยั้งไว้ นางเรียกหลิวซื่อว่า ‘ท่านแม่’ อย่างสงบเยือกเย็น บอกเพียงว่า ‘ลูกดีขึ้นมากแล้ว ไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองเงินทองไปเชิญหมอหรอก’
ไม่ว่านั่นจะเป็นห้วงฝันอันเหลวไหลตื่นหนึ่งหรือไม่ แต่การได้เกิดใหม่อีกหนึ่งชาติภพนี้ก็ดียิ่งนัก
หลังจากฉยงเหนียงเข้าใจสถานการณ์ของตนกระจ่างแล้ว เว้นแต่สองวันแรกที่ยังดูคล้ายจิตใจห่อเหี่ยว ไม่ช้านางก็กระตือรือร้นและพยายามปรับตัวกับชีวิตชาวบ้านที่เมื่อก่อนเคยหวาดหวั่นมิคลาย
ทว่าสามีภรรยาสกุลชุยกลับยังคงวางตัวไม่ถูกอยู่บ้าง จนแล้วจนรอดเมื่อเห็นบุตรสาวแท้ๆ ที่บอบบางก็ยังรู้สึกว่านางคือคุณหนูในจวนคนใหญ่คนโต ยามพูดจากับนางจึงจงใจระมัดระวังไปเสียทุกอย่าง
ฉยงเหนียงไม่อยากให้คนในครอบครัวมีท่าทีห่างเหินเช่นนี้ต่อไป ดังนั้นเช้าวันนี้ขณะที่สามีภรรยาสกุลชุยง่วนอยู่กับการจุดเตาไฟนึ่งขนม นางจึงเป็นฝ่ายหิ้วถังน้ำออกจากลานเรือนมาตักน้ำเอง เพียงแต่แม่นางน้อยมีรูปร่างเล็กอ้อนแอ้นไปสักหน่อย แม้ในถังน้ำยังว่างเปล่า แต่เมื่อหิ้วมาถึงข้างบ่อน้ำก็ยังคงปวดเมื่อยข้อมือ
อาจเพราะความทรงจำในวาระสุดท้ายยามร่วงดิ่งถึงก้นบ่อเมื่อชาติก่อนเลวร้ายเหลือทน นางจึงมองปากบ่อที่แสนลึกนี้อย่างลังเลอยู่บ้าง
ตอนนี้เองก็มีคนผู้หนึ่งเดินเข้ามาใกล้ “แม่นางน้อยบ้านชุยยกไม่ไหวกระมัง จะให้พี่วั่งช่วยประคองสักเล็กน้อยหรือไม่เล่า”
ฉยงเหนียงหันไปก็เห็นชายหนุ่มท่าทางกะลิ้มกะเหลี่ยผู้หนึ่ง นางจำได้เลาๆ เหมือนหลิวซื่อเคยบอกว่าคนผู้นี้มีนามว่าจางวั่ง เป็นบุตรชายคนเดียวของเถ้าแก่ร้านเนื้อหมูตรงถนนด้านหน้า เขาอาศัยว่าทางบ้านฐานะดี จึงเอ้อระเหยลอยชายไปวันๆ สิ่งที่ชื่นชอบที่สุดก็คือการแทะโลมหญิงม่ายกับสะใภ้สาวของเพื่อนบ้านซึ่งมักนั่งทำแบบรองเท้าอยู่ข้างประตู