บนใบหน้าฉีหมิงเต็มไปด้วยความยินดี พูดขึ้นอย่างดีใจว่า “คุณชาย เมื่อครู่ข้าลงจากเรือ กำลังจะไปหาคนมาถามว่าที่ว่าการอำเภออยู่ที่ใด กลับเห็นทางด้านหน้ามีทหารกองหนึ่งเดินมา พอเข้าไปถามดูถึงได้รู้ว่าคนคุมเรือที่หนีลงจากเรือก่อนหน้านี้ได้ไปแจ้งทางการ นายอำเภอจึงส่งเจ้าหน้าที่ติดตามคนคุมเรือมาขอรับ”
หลี่ซิวเหยาได้ยินเช่นนั้นถึงได้เก็บมือขวาที่วางอยู่บนด้ามกระบี่กลับมา
เวลานี้คนคุมเรือได้นำเจ้าหน้าที่กลุ่มนั้นขึ้นเรือมาแล้ว
ทุกพื้นที่มีแต่คบไฟส่องสว่าง ทำให้เห็นว่าบนดาดฟ้าเรือมีแต่เลือดและศพกลาดเกลื่อน บนผิวน้ำยังมีศพโจรสลัดที่ต้องลูกธนูตายอยู่อีกจำนวนมาก
เหล่าเจ้าหน้าที่ที่มาต่างตกใจจนสะดุ้งโหยง เงยหน้ามองหลี่ซิวเหยาที่ยืนมือไพล่หลังอยู่เบื้องหน้าพร้อมกัน
เห็นว่าคนหนุ่มผู้นี้มีท่าทางสุขุมเยือกเย็น ถึงขั้นว่าชุดผ้าไหมสีเขียวครามบนตัวเขาไม่มีเลือดเปื้อนแม้แต่หยดเดียว
เจ้าหน้าที่แซ่หวังผู้เป็นหัวหน้าก้าวขึ้นหน้ามา เอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงไม่อยากเชื่ออย่างที่สุดทันที “โจรสลัดเหล่านี้ล้วนเป็นท่านสังหารเพียงลำพัง?”
หลี่ซิวเหยาเพียงพยักหน้า มิได้พูดอะไร
เจ้าหน้าที่หวังสูดหายใจเย็นเยียบ รู้สึกว่าคนตรงหน้านี้ไม่ใช่คนโดยสิ้นเชิง
พึงต้องรู้ว่าโจรสลัดเหล่านี้โหดเหี้ยมห้าวหาญเป็นที่สุด สร้างความยุ่งยากให้พวกเขามานานแล้ว นายอำเภอจัดกำลังพลไปล้อมปราบหลายครั้ง แต่ก็ล้วนเสียหายหนักกลับมา ไม่อาจปราบได้เสียที ทว่าตอนนี้โจรสลัดที่เหี้ยมหาญเหล่านี้กลับถูกคนหนุ่มที่ดูมีอายุเพียงยี่สิบเช่นนี้ปราบปรามสังหารทิ้งด้วยตัวคนเดียว
หัวใจเจ้าหน้าที่หวังสั่นรัว เขายิ่งเคารพต่อท่าทีของหลี่ซิวเหยามากกว่าเดิม “ขอเรียนถามว่าท่านมีชื่อเสียงเรียงนามว่ากระไร เป็นคนที่ใดหรือ”
คนเช่นนี้หากรั้งอยู่ที่อันเต๋อได้ ต่อไปยังต้องกลัวโจรสลัดอะไรอีก ไม่ว่าโจรอะไรก็ไม่ต้องกลัวแล้ว
หลี่ซิวเหยามองเขาปราดหนึ่ง เพียงตอบสั้นๆ ว่า “ข้าแซ่หลี่”
เรื่องอื่นเขาไม่ได้พูดอะไรมากอีก
เจ้าหน้าที่หวังเองก็ไม่ได้ใส่ใจ ทางหนึ่งสั่งเจ้าหน้าที่ใต้บังคับบัญชาให้หามศพโจรสลัดทั้งหมด รวมถึงหัวหน้าใหญ่ที่ยังมีชีวิตอยู่กลับไปยังที่ว่าการอำเภอ ทางหนึ่งก็กล่าวกับหลี่ซิวเหยา “ยังต้องรบกวนให้ท่านตามข้าไปที่ว่าการอำเภอเพื่อพบนายอำเภอและบอกเล่าเรื่องในคืนนี้สักหน่อย”
นี่เป็นคำขอที่สมเหตุสมผล หลี่ซิวเหยาจึงไม่ปฏิเสธ
เจ้าหน้าที่หวังหันกลับไปถามคนคุมเรือที่ด้านหลังเขาอีกว่า “บนเรือนี้ของเจ้ายังมีผู้ใดอีกหรือไม่ ล้วนต้องตามข้าไปที่ว่าการอำเภอด้วยกันทั้งหมด เพื่อบอกเล่าเรื่องในคืนนี้ต่อนายอำเภอให้ชัดเจน”
คนคุมเรือยืนมือแนบลำตัว กล่าวตอบอย่างนอบน้อม “บนเรือนี้ของผู้น้อยยังมีแม่นางที่จะไปเมืองหลวงและสาวใช้ของนางอีกไม่กี่คน”
เจ้าหน้าที่หวังจึงถามว่า “แม่นางผู้นั้นตอนนี้อยู่ที่ใด”
คนคุมเรือยื่นมือชี้ห้องกลาง “แม่นางท่านนั้นอยู่ในห้องนั้นมาตลอดตั้งแต่ขึ้นเรือมาจากฉางโจว”
เจ้าหน้าที่หวังเห็นห้องที่คนคุมเรือชี้ในตอนนี้ประตูยังคงปิดสนิท จึงเรียกให้เจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่ด้านข้างเดินไปเคาะประตู
เจ้าหน้าที่ผู้นั้นรับคำ ก่อนเดินไปยกมือเคาะ
เวลานี้หลี่ซิวเหยาก็ช้อนตามองทางนั้นอยู่เช่นกัน นิ้วชี้มือขวาที่ไพล่หลังอยู่กระดิกน้อยๆ
ได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดดังเบาๆ มีแม่นางในชุดเสื้อกั๊กตัวยาวสีเขียวขี้ม้า หน้าตางามแฉล้มนางหนึ่งเดินออกมา สายตามองคนจำนวนมากที่ยืนอยู่บนดาดฟ้าเรืออึดใจหนึ่ง จากนั้นก็หันหน้าไปพูดเสียงเบา “คุณหนู ท่านออกมาเถิดเจ้าค่ะ”
จากนั้นคนทั้งหลายก็เห็นแม่นางอีกคนเดินออกมาทันที
นางสวมเสื้อนอกตัวยาวแขนกว้างทำจากผ้าต่วนลายดอกสีฟ้าอ่อนและกระโปรงผ้าไหมบางสีขาว ด้านนอกคลุมด้วยเสื้อคลุมผ้าต่วนสีม่วงอมน้ำเงินอ่อนอีกตัว ดูเรียบสะอาดตาอย่างที่สุด ทว่ายามนี้นางก้มหน้าน้อยๆ คนทั้งหลายจึงมองเห็นรูปโฉมนางไม่ชัด
เจ้าหน้าที่หวังก้าวมาข้างหน้าสองสามก้าว กุมหมัดคารวะพลางกล่าว “รบกวนแม่นางแล้ว ทว่าตามกฎ คนบนเรือล้วนต้องไปที่ว่าการอำเภอสักเที่ยวหนึ่งเพื่อเล่าเรื่องที่ได้เห็นในคืนนี้ให้นายอำเภอฟัง”