กระนั้นยอดคนนิรนามผู้นี้ก็ยังคงตวัดพู่กันได้ดังใจนึก ไม่ว่าจะเป็นภาพนกขมิ้นเอี้ยวกระหวัดยอดกิ่ง นกสาลิกาเกาะกิ่งแจ้งข่าวดี นกยวนยางหยอกเย้าคู่เคียงน้ำ…ลวดลายบนขนมทั้งสิบชิ้นนี้แตกต่างกันก็จริง ทว่าทุกแบบล้วนชวนให้ผู้รักภาพวาดชมดูได้โดยไม่ละสายตา อย่างน้อยซั่งอวิ๋นเทียนก็บังเกิดอารมณ์วู่วามอยากจะซื้อขนมเหล่านี้มาเป็นของตนทั้งหมด
เมื่อเขาสอบถามราคา เด็กหนุ่มที่มาส่งขนมก็ชิงตอบก่อน โดยไม่รอให้เถ้าแก่แผงขนมได้เอ่ยปาก “ขนมนี้ทำจากแป้งข้าวเหนียวอย่างดี น้ำสะอาดที่ใช้นวดแป้งก็ผสมรังนกชั้นเลิศ กินแล้วมีสรรพคุณบำรุงเป็นเยี่ยม ฉะนั้นขนมนี้จึงราคาหนึ่งตำลึงเงินต่อหนึ่งชิ้น และมีจำกัดเพียงสิบชิ้นเท่านั้น สินค้ามีน้อยไม่คอยคนนะขอรับ ลูกค้าท่านใดที่ต้องการก็ต้องรีบจับจองเร็วหน่อยแล้ว!”
วาจานี้พอออกจากปาก สามีภรรยาสกุลชุยที่อยู่ด้านข้างก็ตกใจจนตัวสั่นก่อนใคร ไม้คลึงแป้งเกี๊ยวที่อยู่ในมือหลิวซื่อหวิดจะปลิวกระเด็น
นางอยากจะเคาะเปิดกะโหลกบุตรชายออกดูจริงๆ ว่าตอนล้างหน้าใช่ทำน้ำหกเข้าไปหรือไม่ ขนมราคาหนึ่งตำลึงเงินต่อหนึ่งชิ้น? ไฉนเขาไม่หยิบมีดปังตอออกไปปล้นกลางถนนเสียเลยเล่า
ในฝูงชนมีคนแค่นหัวเราะเหยียดหยามดังคาด “น้องชายช่างคุยโวเก่งเสียจริง! อย่างแผงลอยกลางแจ้งของพวกเจ้าจะมีรังนกชั้นเลิศอะไรได้ อยากได้เงินจนฟั่นเฟือนไปแล้วกระมัง!”
ชุยฉวนเป่าฟังจบก็ยกหม้อดินเผาใบเล็กที่อยู่บนถาดขนมเมื่อครู่ลงมาเปิดฝาอย่างไม่รีบไม่ร้อน เผยให้เห็นน้ำแกงสีเหลืองทองในหม้อซึ่งมีโก๋วฉี่กับพุทราแดงลอยอยู่ ดูดีเป็นอย่างยิ่ง
เขากล่าวเสียงดัง “ส่วนผสมในน้ำสะอาดที่ใช้นวดแป้งก็คือรังนกตุ๋นในหม้อดินเผาใบเล็กนี้ ขอบังอาจเรียนถามว่ามีท่านผู้ใดรู้จักรังนกบ้างหรือไม่ ลองชิมดูสักนิดก็จะรู้เอง”
เจิ้งจวี่เหรินที่ซื้อขนมไปเมื่อวานมาจากตระกูลคหบดีจึงก้าวออกมาทันใด
ชุยฉวนเป่าเทรังนกตุ๋นใส่ถ้วยให้เขาลองชิม เขาดื่มลงไปสองคำก็ผงกศีรษะกล่าว “รสชาติไม่แพ้รังนกทรงถ้วยอย่างดีจากหน้าผาริมทะเลที่บ้านข้าเก็บสะสมไว้เลย เป็นของชั้นเลิศจริงเสียด้วย ทั้งฝีมือการตุ๋นเคี่ยวก็ชำนิชำนาญ ตุ๋นคู่กับเถาเจียว และเห็ดหูหนูขาวยิ่งไม่สามัญ มิใช่วิธีการแบบชาวบ้านชนบทเป็นอันขาด!”
ผู้เข้าสอบเหล่านี้อยู่ร่วมกันมาพักหนึ่งแล้ว ต่างรู้ว่าเจิ้งจวี่เหรินผู้นี้เป็นผู้มั่งคั่งที่ไม่ขาดแคลนเงินทอง เสื้อผ้าของกินของใช้ล้วนพิถีพิถัน เมื่อได้ยินเขากล่าวเช่นนี้ความระแวงแคลงใจจึงสลายไปสิ้น เพียงแต่ต่อให้ของดีจริงสมราคา ขนมชิ้นละหนึ่งตำลึงเงินนี้ก็ใช่ว่าคนทั่วไปจะมีปัญญาได้อิ่มเอม ดังนั้นจึงเพียงแต่ร่วมกันพิเคราะห์ภาพครู่หนึ่งก็ตั้งท่าจะแยกย้ายกันไป
ฝ่ายเจิ้งจวี่เหรินผู้นั้นแม้จะชื่นชอบความงามประณีตของขนมนี้เช่นกัน ทว่าเมื่อวานเขาจ่ายเงินก้อนใหญ่ซื้อขนมไปหนหนึ่งแล้ว หากวันนี้ยังจะเหมาหมดอีก ย่อมไม่แคล้วถูกครหาว่าถลุงเงินฟุ่มเฟือย ดังนั้นจึงบอกซื้อเพียงหนึ่งชิ้นเพื่อลิ้มลองความแปลกใหม่ ทั้งหมายจะยั่วให้เหล่าสหายร่วมรุ่นนึกอิจฉา
ต่อให้ขายออกแค่ชิ้นเดียว ราคาหนึ่งตำลึงเงินนี้ก็เพียงพอจะซื้อขนมโก๋ข้าวเหนียวได้ร้อยกว่าชิ้นแล้ว สามีภรรยาสกุลชุยฟังจบจึงพลันเปลี่ยนจากวิตกเป็นเบิกบาน
หลิวซื่อใคร่ครวญในใจ…สมองไม้อวี๋ของบุตรชายคิดอุบายการค้าเช่นนี้ไม่ออกแน่ น่าจะเป็นความคิดของฉยงเหนียงมากกว่า รอจนวันนี้ขายของเสร็จแล้วต้องเก็บแผงเร็วหน่อย ข้าจะไปร้านผ้าเพื่อซื้อผ้าสีสดสวยสักหลายฉื่อมาตัดชุดให้ฉยงเหนียง
ข้าจะทำให้สกุลหลิ่วได้รู้เสียบ้างว่าสกุลชุยไม่ต้องให้พวกเขาสกุลหลิ่วแวะเวียนมาเจือจานก็มีชุดงดงามใส่ สกุลหลิ่วจะได้ไม่ส่งคนมาทำให้บุตรสาวข้าต้องเสียน้ำตาโดยใช่เหตุอีก
ทว่าตอนนี้เองกลับมีบ่าวดุร้ายในชุดหรูหราผู้หนึ่งกล่าวขึ้นว่า “จงห่อขนมหยกขาวสิบชิ้นนี้มา นายข้าต้องการเหมาทั้งหมด”
เดิมทีเจิ้งจวี่เหรินหมายจะอวดความมั่งมีของตน ไหนเลยคาดคิดว่าจะมีคนโผล่มาตัดหน้ากลางคัน เขาจึงเลิกคิ้วถลึงตาเอ่ยแย้งทันที “ข้าบอกแล้วว่าจะซื้อหนึ่งชิ้น เหตุใดเจ้าไม่รู้จักลำดับก่อนหลังเสียบ้างเล่า!”
บ่าวดุร้ายผู้นั้นวางโตจนเคยชินแล้ว เมื่อครู่ผ่านทางมาเห็นตรงนี้มีฝูงชนรวมตัวคับคั่งจึงเข้ามาร่วมชมความครึกครื้นด้วย พอเห็นขนมนี้ดูประณีตอย่างคาดไม่ถึง เขาก็นึกได้ว่าเจ้านายโปรดปรานภาพวาดมาแต่ไหนแต่ไร ทั้งไม่กี่วันนี้ก็ไม่เจริญอาหาร เขาจึงคิดจะซื้อขนมพื้นเมืองไปให้เจ้านายกินเปลี่ยนรสชาติสักหน่อย ไม่คิดว่ากลับเจอคนไม่รู้จักกาลเทศะมายั่วอารมณ์เขาเสียได้ เขาจึงไม่แม้แต่จะแลเจิ้งจวี่เหริน เพียงโยนใบไม้ทองคำลงบนโต๊ะแล้วเอ่ยอย่างเย่อหยิ่ง “ผู้ให้ราคาสูงย่อมได้ไป!”
การกระทำนี้เรียกเสียงเซ็งแซ่ได้จากรอบทิศ พฤติกรรมซื้อขนมด้วยใบไม้ทองคำเช่นนี้พบเห็นได้ไม่มาก ไม่รู้ว่านายของเขาคือผู้เข้าสอบจอมผลาญทรัพย์จากตระกูลใดกันแน่
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 12 ม.ค. 65 เวลา 12.00 น.