เสิ่นเซียวอายุยังน้อย เสิ่นหยวนยังคงไม่วางใจจะมอบเรื่องการแต่งงานในวันหน้าของนางให้เหยาซื่อจัดการ จึงมิพ้นที่เสิ่นหยวนต้องคอยให้ความสนใจแทน
ส่วนด้านคฤหาสน์บรรพบุรุษสกุลเสิ่นนั้น ป้าสะใภ้ใหญ่ได้ส่งข่าวดีมาว่าโจวหมิงฮุ่ยผู้เป็นพี่สะใภ้ได้ตั้งครรภ์แล้ว ทำเอาป้าสะใภ้ใหญ่ดีใจจนหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสทุกวัน
เสิ่นหยวนกำลังพูดกับไฉ่เวยว่าอีกสองวันจะไปเยี่ยมโจวหมิงฮุ่ย ทันใดนั้นก็พลันได้ยินคนเรียกตนเองจากด้านหลัง “พี่สะใภ้ใหญ่”
เสิ่นหยวนหันกลับไปมองก็เห็นว่าเป็นเซี่ยเจินเจิน
เซี่ยเจินเจินแต่งกายงดงามเรียบร้อย เสื้อผ้าต่วนสีรากบัวลายดอกกล้วยไม้และใบไผ่ บนศีรษะปักด้วยปิ่นหยกเขียวหนึ่งอันและดอกไม้ประดับสองดอก อีกทั้งสีหน้านางดูไม่สู้ดี ยามยิ้มก็ดูจืดเจื่อนยิ่ง
คนทั้งสองคารวะทักทายกันเสร็จ เซี่ยเจินเจินก็กล่าวกับเสิ่นหยวนด้วยใบหน้ายิ้ม “พี่สะใภ้ใหญ่ช่างอารมณ์ดีนัก ถึงกับมาชมดอกไม้อยู่ที่นี่”
ระหว่างที่พูดเซี่ยเจินเจินก็พินิจดูเสิ่นหยวนไปด้วย เห็นอีกฝ่ายสวมเสื้อผ้าต่วนสีเหลืองอ่อนลายดอกเหมยกุ๊นขอบขนสัตว์คู่กับกระโปรงผ้าไหมสีเหลืองนวล ดูทั้งมั่งคั่งทั้งสง่างาม
เสิ่นหยวนดูหน้าตาสดใสยิ่ง คิดว่าคงจะอารมณ์ดีมาก ทว่าคิดไปแล้วก็สมควรเป็นเช่นนั้น มีสามีที่ดีต่อตนเองทั้งที เสิ่นหยวนจะอารมณ์ไม่ดีได้อย่างไรเล่า
เซี่ยเจินเจินคิดถึงตรงนี้ก็รู้สึกเศร้าหมองขึ้นมา
เมื่อเย็นวานเซี่ยเจินเจินสลัดยางอายทิ้งไป รวบรวมความกล้าบอกกับหลี่ซิวหยวนว่านางอยากมีลูก ถึงขั้นถอดชุดนอนบนร่างตนออกต่อหน้าเขา
วาจาที่เจี่ยงซื่อพูดต่อหน้าคนทั้งหลายในคืนสิ้นปีทำร้ายจิตใจเซี่ยเจินเจินมากจริงๆ
มิหนำซ้ำเมื่อวานเจี่ยงซื่อยังยกลวี่หลิ่วให้หลี่ซิวหยวน และสามีนางก็มิได้ปฏิเสธ หากเซี่ยเจินเจินยังไม่มีลูกอีก ผู้ใดจะไปรู้ว่าวันหน้าเจี่ยงซื่อจะออกอุบายร้ายอะไรออกมาอีก
แต่คิดไม่ถึงว่าเวลานั้นหลี่ซิวหยวนกลับเพียงปรายตามองเซี่ยเจินเจินปราดหนึ่งแล้วเก็บสายตากลับไป ก่อนจะพูดอย่างเย็นชาว่า ‘สตรีพึงต้องมีความสำรวม เมื่อก่อนเจ้าก็ทำได้ดี ข้าไม่ชอบที่เจ้าแสดงกิริยารุกเร้าเช่นยามนี้’ พูดพลางพลิกตัวนอนหันหลังให้นาง
เซี่ยเจินเจินได้ยินคำของหลี่ซิวหยวนแล้วก็ทั้งรู้สึกอัปยศอดสูและขุ่นเคืองเดือดดาล นางนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน เอาแต่หลั่งน้ำตาเงียบๆ
ขณะลุกขึ้นจากเตียงยามฟ้าสางดวงตาทั้งสองของนางก็บวมเป่ง ต้องใช้ผ้าร้อนประคบเป็นครู่ใหญ่ ทั้งต้องผัดแป้งลงไปถึงได้มองไม่เห็น
ต่อจากนั้นเซี่ยเจินเจินก็ออกไปคารวะเจี่ยงซื่อที่เรือนใหญ่
แต่มิรู้เหตุใดเจี่ยงซื่อถึงดูมีท่าทางไม่พอใจอย่างยิ่ง จึงไม่มีสีหน้าที่ดีให้เซี่ยเจินเจิน ซ้ำยังเอ่ยวาจาค่อนแคะนางอีกมากมาย นางเองก็ทำได้เพียงอดทน
หลังปรนนิบัติเจี่ยงซื่อกินอาหารเช้าเสร็จ เซี่ยเจินเจินก็ไปจัดการบรรดาเรื่องที่คนในจวนมารายงานต่อ ยามนี้ถึงเพิ่งจะมีเวลาให้พักหายใจหายคอบ้าง
ทว่าเซี่ยเจินเจินไม่อยากกลับไปเรือนฮุ่ยชุนนัก จึงมาผ่อนคลายอารมณ์ในสวน คิดไม่ถึงว่าจะบังเอิญมาเจอเสิ่นหยวนเข้า
ได้ยินคำของเซี่ยเจินเจินแล้ว เสิ่นหยวนก็กล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “เมื่อครู่ยามอยู่ในห้องเห็นวันนี้แดดดี จึงอยากจะออกมาเดินเล่นสักหน่อย” ก่อนจะถามเซี่ยเจินเจินว่า “เจ้ามาจากที่ใด”
เซี่ยเจินเจินมุ่นคิ้ว มุมปากยกขึ้นยิ้มเยาะตนเอง “ข้าจะมาจากที่ใดได้อีกเล่า ถ้ามิใช่ไปปรนนิบัติท่านแม่ที่เรือนใหญ่ ก็ต้องไปจัดการงานจุกจิกในจวนที่โถงเล็กด้านหน้าแห่งนั้น”
เสิ่นหยวนได้ยินเซี่ยเจินเจินพูดแฝงด้วยโทสะก็ไม่ได้ต่อบทสนทนา เพียงแค่ยิ้มน้อยๆ