บทที่ 4
ขณะเสิ่นหยวนได้รู้ว่าตนเองตั้งครรภ์ได้สามเดือนกว่าแล้ว นางก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออกเช่นกัน
ไฉ่เวย ชิงเหอ และชิงจู๋ดีใจอย่างมาก ยามเดินเข้าเดินออกล้วนมีรอยยิ้มเต็มใบหน้า
เห็นเสิ่นหยวนยังนั่งอยู่บนตั่งไม้ริมหน้าต่าง ซ้ำหน้าต่างฉลุลายสองบานที่ด้านข้างล้วนเปิดอยู่ ที่ด้านนอกก็เริ่มมีลมพัดแรงแล้ว ไฉ่เวยจึงรีบเดินไปปิด ก่อนกล่าวว่า “ฮูหยิน ตอนนี้ท่านมีครรภ์แล้ว ไม่ว่าเรื่องใดก็ต้องระมัดระวังให้มากนะเจ้าคะ”
ไฉ่เวยหันหน้าไปสั่งชิงเหอกับชิงจู๋ว่าต่อไปเห็นลมพัดเมื่อไรจะต้องปิดหน้าต่างเสีย ห้ามปล่อยให้ฮูหยินต้องลม จากนั้นก็กำชับกำชาเรื่องอื่นๆ ต่ออีก ฟังแล้วล้วนแต่เป็นเรื่องเล็กเรื่องน้อยที่จุกจิกหยุมหยิมอย่างที่สุด
เสิ่นหยวนจึงหัวเราะขึ้นมา “ข้าไหนเลยจะเปราะบางปานนั้น ยิ่งพวกเจ้าระมัดระวังปานนี้ ก็ยิ่งทำให้ข้ารู้สึกเป็นกังวล”
พูดพลางเสิ่นหยวนก็ก้มหน้าลง ยกมือลูบหน้าท้องเบาๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
เพิ่งจะสามเดือนกว่าจึงยังดูไม่ออกว่าตั้งครรภ์ หน้าท้องนางยังคงดูเรียบแบนดังเดิม เพียงแต่ช่างน่าอัศจรรย์ใจนักที่ยามนี้ข้างในถึงกับมีเด็กอยู่แล้ว เป็นลูกของนางกับหลี่ซิวเหยา
คิดถึงตรงนี้เสิ่นหยวนก็รู้สึกว่าใจอ่อนนุ่มดั่งปุยเมฆ รอยยิ้มบนหน้าก็ยิ่งกดลึกลงกว่าเดิม ในดวงตาคล้ายเต็มไปด้วยประกายแวววาว
ทว่าที่สุดแล้วในใจเสิ่นหยวนก็ยังรู้สึกเสียดายอยู่บ้าง เวลาเช่นนี้หลี่ซิวเหยากลับไม่อยู่ข้างกายนาง ไม่อาจแบ่งปันความสุขความปลื้มปีติอันน่าอัศจรรย์ใจเช่นนี้ร่วมกับนางได้
เสิ่นหยวนเริ่มนึกเป็นห่วงหลี่ซิวเหยาขึ้นมาอีกครั้ง ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาไปถึงที่ใดแล้ว ออกจากชานเมืองหลวงแล้วหรือไม่
หลี่ซิวเหยากับพวกซ่งหงกวงควบม้าเร่งรุดไปซานซีตามเส้นทางถนนหลวง เพียงไม่นานก็มาถึงจุดหมายปลายทาง
ครั้นพวกหลี่ซิวเหยาลงจากม้ามาดูก็มองเห็นแต่ซากกำแพง คิดว่าพวกหว่าล่าคงเพิ่งจะลงมือโจมตี ในเมืองจึงยังมีไฟสงครามคุกรุ่นให้เห็นอยู่
พอเจ้าเมืองเห็นหลี่ซิวเหยามาถึงก็ดีใจเป็นล้นพ้น ในชั่วพริบตาเดียวก็ราวกับมีที่พึ่งโผล่มา รีบเชิญหลี่ซิวเหยาเข้าไปในที่ว่าการ ก่อนบอกเล่าสถานการณ์ศึกในระยะนี้ให้เขาฟัง
หลี่ซิวเหยาฟังไปพลาง ในใจก็มีแผนการทำศึกอย่างละเอียดแล้ว
เขาจึงจัดกำลังคนไปซ่อมกำแพง พร้อมกับตรวจนับกำลังทหารในเมืองทันที
ไม่กี่วันถัดจากนั้นทัพเกราะทมิฬและพลทหารส่วนหนึ่งจากสามกองกำลังใหญ่ที่หลี่ซิวเหยานำมาด้วยในคราวนี้ รวมถึงผู้แทนพระองค์ที่ฝ่าบาทส่งมาปลอบขวัญราษฎรก็ล้วนมาถึง
เนื่องจากศึกคราวก่อนทัพหว่าล่าได้เสียหายอย่างหนักจนก่อคลื่นลมอะไรไม่ได้แล้ว ครานี้จึงแค่ฉวยโอกาสที่แผ่นดินไหวครานี้ทำให้กำแพงเมืองถล่ม คิดจะบุกเข้ามาปล้นสะดมเท่านั้นเอง
ครั้นเห็นกำลังเสริมจากราชสำนักมาถึง ทัพใหญ่หว่าล่าก็ไม่กล้ารุกรานแล้ว
ทว่าหลี่ซิวเหยายังคงนำทหารตามต่อ กระทั่งรุกไล่อีกฝ่ายกลับถิ่นเดิมแล้วถึงยอมรามือ
คราวนี้เรียกได้ว่าการรบสำคัญที่ความเร็ว…รีบสู้รีบจบโดยแท้