ทดลองอ่าน เกิดใหม่อีกที ไม่ขอสามีสกุลหลี่ บทที่ 5 – บทที่ 6 – หน้า 7 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน เกิดใหม่อีกที ไม่ขอสามีสกุลหลี่ บทที่ 5 – บทที่ 6

บทที่ 6

เสิ่นหยวนร้องไห้จนสุดท้ายคล้ายจะหายใจไม่ทัน ทำได้เพียงน้ำตาไหลเงียบๆ ไม่มีเสียงร้องไห้ออกมา และยิ่งพูดอะไรไม่ออก

จะอย่างไรก็เป็นบุตรสาวแท้ๆ ของตนเอง เสิ่นเฉิงจางเห็นเสิ่นหยวนเป็นเช่นนี้ก็เผยสีหน้าหวั่นไหวอยู่บ้าง

และที่สำคัญที่สุดคือเสิ่นหยวนมีนิสัยดื้อรั้น ที่ผ่านมาล้วนแต่ยอมถูกตีถูกลงโทษ แต่ไม่ยอมก้มหน้ารับผิดเด็ดขาด ทว่ายามนี้นางกลับร้องไห้จนมีสภาพเช่นนี้ต่อหน้าเขา ทั้งยังบอกว่านางสำนึกผิดแล้ว ขอให้เขาให้อภัย

นี่เป็นครั้งแรกที่เสิ่นเฉิงจางได้ยินเสิ่นหยวนเป็นฝ่ายยอมรับผิดเอง และเพราะเป็นครั้งแรกที่เห็นนางทำเช่นนี้จึงยิ่งสะเทือนใจ

ด้วยเหตุนี้โทสะในใจเสิ่นเฉิงจางจึงค่อยๆ สลายไปตามเสียงร้องไห้ของเสิ่นหยวน กระนั้นเขายังคงทำหน้าตึง ถามขึ้นเสียงเย็น “เจ้าสำนึกผิดแล้วจริงๆ?”

เสิ่นหยวนพยักหน้าทั้งที่ยังร้องไห้ “นับแต่ลูกไปถึงบ้านท่านตาที่ฉางโจวก็ทบทวนตนเองทุกคืนวัน เวลานั้นก็รู้ว่าตนเองผิดไปแล้วเจ้าค่ะ”

“ในเมื่อเจ้ารู้ว่าตัวว่าผิด ไฉนในจดหมายที่เจ้าเขียนถึงมารดาเจ้าจึงยังต่อว่าต่อขานอยู่ตลอด ซ้ำยังต้องการให้มารดาเจ้าคิดหาทางช่วยให้เจ้าได้แต่งงานกับหลี่ซิวหยวนอีก”

เสิ่นเฉิงจางพูดถึงเรื่องนี้ ในใจก็ยิ่งโมโห

เฉินซู่ซินมารดาของเสิ่นหยวนเป็นคนอบอุ่นอ่อนโยน มีคุณธรรมความสามารถ ปีที่นางอายุสิบหกได้แต่งเข้ามาในจวนสกุลเสิ่น แม้เสิ่นเฉิงจางจะไม่ได้มีความรักร้อนแรงต่อนาง แต่ก็ยังเคารพนางยิ่ง อีกทั้งจะอย่างไรก็อยู่ด้วยกันมายี่สิบปี จะมากจะน้อยย่อมต้องมีความผูกพันอยู่บ้าง ดังนั้นกับเรื่องที่เฉินซู่ซินตายไปในใจเขาก็เจ็บปวด และเต็มใจจะไว้ทุกข์ให้นางหนึ่งปี

แน่นอนว่าไม่ไว้ทุกข์ก็ไม่ได้ แม้บิดาของเฉินซู่ซินจะเกษียณตัวกลับบ้านเกิดแล้ว แต่ในราชสำนักยังมีลูกศิษย์อยู่จำนวนมาก อีกทั้งพี่สาวของเฉินซู่ซินยังเป็นถึงเสียนเฟยของฮ่องเต้ เขาย่อมไม่กล้าล่วงเกินสกุลเฉิน

ได้ยินเสิ่นเฉิงจางเอ่ยถึงจดหมายฉบับนั้น เสิ่นหยวนก็จำได้ว่ามีเรื่องเช่นนี้จริงๆ

ชาติก่อนหลังนางไปถึงบ้านท่านตา ในใจยังคงขุ่นเคืองที่เสิ่นเฉิงจางส่งนางไปที่นั่น อีกทั้งเวลานั้นมีหรือที่ในใจนางจะวางหลี่ซิวหยวนลงได้ จึงตัดสินใจเขียนจดหมายหามารดาอยู่หลายฉบับ ตัดพ้อต่อว่าบิดา ทั้งยังร้องขอมารดาช่วยทำให้นางได้แต่งงานกับหลี่ซิวหยวน

ทว่าเรื่องจดหมายนี้บิดาทราบได้อย่างไร เสิ่นหยวนกล้าพนันได้เลยว่ามารดาไม่มีทางเป็นฝ่ายนำจดหมายไปให้บิดาดูด้วยตนเองเด็ดขาด เว้นแต่จะถูกผู้มีเจตนาอื่นจงใจนำไปให้บิดาดูเพื่อให้บิดาโกรธนางกว่าเดิม

คนผู้นั้นมีความเป็นไปได้มากว่าจะเป็นเซวียอี๋เหนียงหรือไม่ก็เสิ่นหลัน แต่อาจเป็นผู้อื่นได้ด้วยเช่นกัน เพราะชาติก่อนนางก็เข้าหาผู้คนไม่เป็น ล่วงเกินคนไว้ไม่น้อยจริงๆ

เสิ่นหยวนจึงร้องไห้ตอบว่า “จดหมายพวกนั้นเป็นลูกเขียนในวันที่ไปจากเมืองหลวง ไม่ขอปิดบังท่านพ่อ เวลานั้นในใจลูกขุ่นเคืองท่านพ่ออยู่บ้างจริงๆ รู้สึกว่าท่านไม่รักไม่สงสารลูกเลยสักนิด ถึงกับใจดำส่งลูกไปบ้านท่านตา จากไปเช่นนั้น ไม่รู้เมื่อไรที่ลูกจะได้พบท่านอีก ส่วนเรื่องหลี่ซิวหยวน ตอนที่ไปจากเมืองหลวงนั้น ในใจลูกยังวางเขาไม่ลงอยู่บ้าง แต่ครั้นไปถึงบ้านท่านตาได้ระยะหนึ่ง ลูกทบทวนอยู่หลายวันก็รู้ว่าเรื่องนี้เป็นลูกทำผิดพลาดใหญ่หลวง แต่ไหนแต่ไรมาเรื่องการแต่งงานล้วนต้องให้บุพการีและแม่สื่อดูแล ใช่เรื่องที่ลูกจะตัดสินใจเองได้เสียหน่อย เพื่อลงโทษและเพื่อตักเตือนตนเอง หลังจากนั้นลูกจึงคัดคุณธรรมสตรีและตำราสอนหญิงทุกวัน ยังตั้งใจเรียนเย็บปักถักร้อยกับฉางหมัวมัวด้วยเจ้าค่ะ”

แน่นอนว่าชาติก่อนถึงนางจะไปบ้านท่านตาแล้วก็ไม่ได้ทบทวนตนเองแม้แต่น้อย ทั้งวันเอาแต่คิดว่าจะกลับเมืองหลวงโดยเร็วอย่างไร ต้องทำเช่นไรถึงจะแต่งให้หลี่ซิวหยวนได้ ต่อมามีข่าวเรื่องมารดาสิ้นใจแล้วส่งมา นางเศร้าโศกระทมใจเหลือประมาณจนถึงกับหมดสติ ยามนั้นมารดาให้คนส่งจดหมายฉบับหนึ่งมามอบแก่ท่านตาก่อนสิ้นใจ ขอให้เขาดูแลบุตรสาวบุตรชายทั้งสามของตน ทั้งยังเล่าเรื่องของเสิ่นหยวนกับหลี่ซิวหยวน ขอให้เขาช่วยส่งเสริม ท่านตาถามความต้องการของนาง จากนั้นก็ส่งจดหมายไปบอกบิดานางถึงเรื่องนี้ บิดาไม่อาจไม่ตอบตกลง ท่านตาจึงขอให้ใต้เท้าเฉิน อดีตผู้ใต้บังคับบัญชาที่บัดนี้เป็นผู้ตรวจการฝ่ายขวาออกหน้าเป็นพ่อสื่อให้ จัดการให้นางได้หมั้นหมายกับหลี่ซิวหยวนจนสำเร็จ

แม้บรรพบุรุษสกุลหลี่จะเคยมีคนเป็นมหาบัณฑิตตำหนักเหวินหวา ซ้ำยังเคยมีขุนนางชั้นสูงถึงระดับเสนาบดี และบิดาของหลี่ซิวหยวนเองก็มีตำแหน่งเป็นบัณฑิตสำนักฮั่นหลิน แต่โชคร้ายที่สิ้นใจไปเมื่อไม่กี่ปีก่อน ดังนั้นสกุลหลี่ในตอนนี้จึงมีฐานะและอำนาจในเมืองหลวงเพียงระดับธรรมดา ผู้ตรวจการฝ่ายขวาออกหน้าเป็นพ่อสื่อด้วยตนเอง ซ้ำบิดาของเสิ่นหยวนก็เป็นรองเสนาบดีกองงานไท่ฉาง และยังมีท่านตาระดับนั้น รวมถึงท่านป้าที่เป็นเสียนเฟยอยู่ในวังอีกคน ไม่ว่ามองอย่างไรก็เป็นสกุลหลี่ได้เกี่ยวดองกับตระกูลสูงกว่า

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 84.1-84.2

    By

    บทที่ 84.1 ชายาเป่ยเจิ้นอ๋องมองชุดรัดเอวแขนหลวมทำจากผ้าพลิ้วกรุยกรายลายปักซูซิ่ว บนร่างองค์หญิงอวี๋หยางอีกครา ดูคล้ายกับแบบที่ซูลั่วอวิ๋นสวม...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 83.1-83.2

    By

    บทที่ 83.1 หานเหยาได้ยินน้องชายพูดขึ้นมา นางก็เอ่ยอย่างลิงโลด “ดี! พี่สะใภ้ ท่านไม่ต้องกลับไปที่หมู่บ้านเฟิ่งเหว่ยแล้ว ที่นั่นวุ่นวายเหลือเก...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 82.1-82.2

    By

    บทที่ 82.1 ที่แท้จ้าวกุยเป่ยคิดว่าให้สัญญากับหานเหยาไว้ว่าจะมารับลูกอมก็จำเป็นต้องรักษาคำพูดหรือไร หานหลินเฟิงคร้านจะแยแสบุรุษหัวทึบผู้นี้ เ...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 5-6

    By

    บทที่ 5 ราตรีวุ่น แววตาเสิ่นเฉียนมืดทะมึน กัดริมฝีปาก ปลายคางเกร็งแน่นเผยความแข็งกร้าวอยู่ในที “ที่แท้ถูกเด็ดปีกหมดสิ้นแล้วเนรเทศมาให้ข้านี่...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 81.1-81.2

    By

    บทที่ 81.1 ฉิวเจิ้นเพ่งตามองดูแล้วก็พบว่าไม่เพียงกำแพงของค่ายเสบียงมีการต่อเติมให้สูงขึ้น ยังขุดคูลึกรอบตัวกำแพงทั้งด้านนอกด้านในเพิ่มอีกสอง...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 3-4

    By

    บทที่ 3 หงหลวนแต่งงาน ลมราตรีพัดกรู แสงจันทร์สาดส่อง ภายในหอตั้นเสวี่ยของจวนสกุลเซี่ยเวลานี้ เซี่ยจิ่นสองมือไพล่หลัง ฟังน้องชายตัวน้อยเซี่ยซ...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 1-2

    By

    บทที่ 1 ลมตะวันตกพัดมา สุริยันจมลับประจิม แสงสายัณห์สาดส่องขอบฟ้า เสิ่นเฉียนเปลี่ยนม้าไปตัวหนึ่งแล้วในจุดพักม้า เช่นนี้จึงเร่งมาถึงนอกเมืองห...

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

community.jamsai.com