จะอย่างไรเสิ่นหยวนก็ไม่อยู่ให้เสิ่นเฉิงจางเห็นหน้ามาหนึ่งปีกว่า ถึงก่อนหน้านี้ในใจจะขุ่นเคืองเพียงไร แต่ก็ผ่านมานานแล้ว ให้เพลิงโทสะก่อนหน้านี้ลูกใหญ่เพียงไร ยามนี้ก็ค่อยๆ สลายหายไป มิหนำซ้ำข้าวของที่เสิ่นหยวนให้คนส่งมาให้เขาเกือบหนึ่งปีนี้ก็ทำให้เขามองเห็นความเปลี่ยนแปลงของเสิ่นหยวนจริงๆ
เสิ่นเฉิงจางจึงก้มตัวลง ยื่นมือไปประคองเสิ่นหยวนลุกขึ้นมา “หากเจ้าสำนึกผิดแล้วจริงๆ และวันหน้าสามารถแก้นิสัยไม่ดีของเจ้าได้ ในใจพ่อย่อมจะไม่ถือโทษเจ้าอีก”
“ขอบคุณท่านพ่อเจ้าค่ะ” เสิ่นหยวนสะอึกสะอื้น ย่อตัวคารวะเสิ่นเฉิงจาง
ชาติก่อนถึงนางจะได้รับความไม่เป็นธรรมมากเพียงไรก็ล้วนยอมถูกตีถูกลงโทษ แต่ไม่ยอมเสียน้ำตาแม้แต่หยดเดียว ในขณะที่เสิ่นหลันกลับร้องไห้ออกมา ถึงได้รับความไม่เป็นธรรมแค่นิดเดียวนางก็จะร้องไห้ไม่หยุดอย่างกับว่าตนเองได้รับความไม่เป็นธรรมใหญ่หลวงเทียมฟ้าเสียอย่างนั้น ซึ่งเสิ่นเฉิงจางยอมรับลูกไม้นี้ได้ มีครั้งใดบ้างที่ไม่ปกป้องเสิ่นหลัน
เพียงแค่เสียน้ำตาไม่กี่หยด ทำท่าทางเศร้าเสียใจออกมาเท่านั้น ผู้ใดทำไม่เป็นบ้าง เสิ่นหยวนคิดอย่างเย็นชาในใจ ข้าก็ทำเป็นเช่นกัน
เสิ่นเฉิงจางเป็นพวกเห็นคนร้องไห้แล้วใจอ่อนอย่างที่คิด เขาโบกมือให้เสิ่นหยวน ถอนหายใจก่อนพูดว่า “หากมารดาเจ้ายังอยู่ เห็นเจ้ามีท่าทางว่านอนสอนง่าย นุ่มนวลอ่อนหวานเช่นตอนนี้ ในใจจะปลาบปลื้มมากเพียงไรกัน”
นึกถึงมารดาเสิ่นหยวนก็อดน้ำตาร่วงออกมาอีกไม่ได้
แน่นอนว่าน้ำตานี้ของนางออกมาจากใจ ไม่ได้เหมือนเมื่อครู่ที่เพียงแค่บีบน้ำตาให้เสิ่นเฉิงจางดูเท่านั้น
เสิ่นเฉิงจางเห็นนางร้องไห้อีก ในใจก็อดสงสารไม่ได้อยู่บ้าง ทว่าหางตากลับเหลือบเห็นไฉ่เวยกับฉางหมัวมัว จึงขมวดคิ้วน้อยๆ เอ่ยถามว่า “สองคนนี้เป็นใคร ไฉนเมื่อก่อนข้าไม่เคยเห็น”
ฉางหมัวมัวเป็นคนของสกุลเฉิน ที่ผ่านมาเสิ่นเฉิงจางย่อมจะไม่เคยเห็นหน้า ส่วนไฉ่เวยแม้เมื่อก่อนจะเป็นสาวใช้ในเรือนเสิ่นหยวน แต่ก็เป็นเพียงสาวใช้ทำความสะอาด กระทั่งเสิ่นหยวนยังเห็นหน้าไม่บ่อย นับประสาอะไรกับเสิ่นเฉิงจาง ด้วยเหตุนี้เขาถึงจำไฉ่เวยไม่ได้
เสิ่นหยวนแนะนำไฉ่เวยกับฉางหมัวมัวให้เขาทราบ คนทั้งสองรีบก้าวมาคารวะเสิ่นเฉิงจาง
ในจดหมายที่เสิ่นหยวนส่งมาช่วงเกือบหนึ่งปีนี้มีเอ่ยถึงฉางหมัวมัวบ่อยครั้ง บอกว่าตนกำลังเรียนเย็บปักจากอีกฝ่ายอยู่ ดังนั้นพอเสิ่นหยวนแนะนำ เสิ่นเฉิงจางจึงมองฉางหมัวมัวนานขึ้นสองอึดใจ จะอย่างไรฉางหมัวมัวก็เป็นคนของบ้านพ่อตา เสิ่นเฉิงจางจึงยังปฏิบัติต่อนางอย่างนับว่าเกรงใจ พยักหน้าให้น้อยๆ ก่อนกล่าวเรียบๆ “ที่ผ่านมารบกวนเจ้าคอยสอนงานฝีมือให้บุตรสาวข้าแล้ว”
ฉางหมัวมัวก็กล่าวตอบอย่างเคารพนบนอบว่า “สามารถสอนคุณหนูได้ถือเป็นบุญของบ่าว นายท่านเกรงใจแล้วเจ้าค่ะ”
เสิ่นเฉิงจางพยักหน้าอีกครั้ง ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่สายตากลับมองไปทางไฉ่เวย
มองอยู่ครู่หนึ่งหัวคิ้วเขาก็ขมวดน้อยๆ เมื่อนึกอะไรขึ้นได้จึงหันหน้ามามองเสิ่นหยวนพลางถาม “ข้าจำได้ว่าตอนเจ้าไปบ้านท่านตาเจ้า หัวหน้าสาวใช้ข้างกายเป็นคนที่ชื่อไฉ่เยวี่ย? ไฉนตอนนี้ถึงเปลี่ยนเป็นไฉ่เวยคนนี้ ไฉ่เยวี่ยผู้นั้นไปที่ใดแล้วเล่า”
เสิ่นหยวนได้ยินดังนั้น สองมือที่ทิ้งแนบลำตัวก็ค่อยๆ กำแน่น
ไฉ่เยวี่ย…สาวใช้นางนั้นเดิมเป็นคนที่เสิ่นหยวนไว้ใจที่สุด อีกทั้งเสิ่นหยวนก็ใจกว้างมาแต่ไหนแต่ไร ฉะนั้นข้าวของที่มอบให้สาวใช้นางนั้นย่อมมีไม่น้อย
ตุ้มหูโคมทองแท้ ปิ่นยอดทองด้ามเงิน เสื้อผ้าแพรพรรณมีอะไรไม่ให้อีกฝ่ายบ้าง แต่เสิ่นหยวนคิดไม่ถึงเด็ดขาดว่าไฉ่เยวี่ยผู้นั้นถึงกับเป็นพวกเนรคุณ กินบนเรือนขี้รดบนหลังคา!