อาจเพราะถูกสายลมหอบจึงทำให้ม่านแพรม้วนตลบไปอยู่บนตะขอทองแล้ว ไม่รู้หลางอ๋องฉู่เสียวางตำราแล้วเปลี่ยนเป็นกึ่งนั่งกึ่งเอนบนตั่งนุ่มตั้งแต่เมื่อใด ชุดยาวตัวหลวมของเขาหย่อนคลาย เท้าก็สวมเพียงถุงเท้าผ้า มือข้างหนึ่งหนุนรองศีรษะอยู่ เรือนผมยาวที่ปลดเกี้ยวครอบมวยผมออกแล้วแผ่ปรกบ่ากว้าง สายตากำลังเพ่งพิศฉยงเหนียงไม่กะพริบ
แววตานี้ถึงกับแฝงความร้ายกาจอย่างบอกไม่ถูก พลันปลุกอดีตที่นางเคยพยายามลืมเลือนไปแล้วขึ้นมา…
ชาติก่อนระหว่างร่วมงานเลี้ยงหนหนึ่ง ชั่วครู่ที่นางอยู่ตามลำพังเคยถูกฉู่เสียขวางตรงหัวเลี้ยวของทางระเบียงที่ทอดยาว ขณะนั้นเขาเป็นคนว่างงานอยู่ในวัดเนี่ยนฝ่าแล้ว
อีกฟากของทางระเบียงคือเสียงครื้นเครงของผู้คนที่ร่ำสุราจนเต็มอารมณ์ ผิดกับตรงมุมนี้ที่อับแสง นางพลันถูกฉู่เสียกอดรวบเอวไว้ ทั้งถูกดวงตาที่เปี่ยมด้วยความร้ายกาจก็จับจ้องอย่างดุดัน นิ้วมือที่เรียวยาวของเขายิ่งเชยบีบปลายคางนางอย่างไม่เกรงใจสักนิด ‘ได้ยินว่าเมื่อแรกเจ้าเป็นคนขอร้องให้หลิ่วเมิ่งถังปฏิเสธการสู่ขอของข้า? สักวันข้าหลางอ๋องจะทำให้เจ้าเสียใจภายหลัง!’
ฉยงเหนียงมีรูปโฉมและความสามารถลือเลื่องเมืองหลวง ตอนนั้นผู้มาสู่ขอมีมากเพียงใด หากมิใช่ฉู่เสียเอ่ยถึง นางก็ลืมเรื่องที่อ๋องเจ้าศักดินาชายแดนผู้นี้เคยสู่ขอนางไปตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้นสำหรับคำกล่าวโทษของเขาที่ตำหนิว่าเมื่อแรกนางใจบอดตามัว นางจึงตอบสนองไม่ทันอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
หลังจากเขากระซิบวาจาเหล่านั้นข้างหูนางจบก็คลายมือเดินจากไป ฝากไว้เพียงรอยนิ้วมือบนปลายคางที่คอยเตือนว่านางเคยถูกผู้อื่นแตะเนื้อต้องตัว
ทว่าต่อให้ฉู่เสียไร้มารยาท ฉยงเหนียงก็มิอาจป่าวร้องให้ชื่อเสียงอันดีงามของตนต้องมัวหมอง ทำได้เพียงกล้ำกลืนทุกสิ่งลงไปเท่านั้น
นับแต่นั้นมานางพบเห็นฉู่เสียที่ใดก็จะเดินอ้อมไปไกล ฉู่เสียเองก็ไม่ได้กระทำไร้มารยาทต่อนางอีก เพียงแต่ทุกครั้งยามที่ ‘พบกันโดยบังเอิญ’ แววตาของเขามักชวนให้ระอาใจอย่างบอกไม่ถูก…
บัดนี้เมื่อนางเกิดใหม่อีกหนึ่งชาติภพก็ยังได้สบดวงตาคู่นี้ ชั่วขณะหนึ่งนางถึงกับรู้สึกคล้ายยังอยู่ในห้วงอดีต ทว่านางเผลอเหม่อลอยไปเช่นนี้ จึงไม่แคล้วทำให้ช่วงเวลาที่พิศมองฉู่เสียดูนานเกินงาม
ด้วยฉู่เสียมีรูปเป็นทรัพย์จึงคุ้นชินแล้วกับการถูกเพ่งมอง นึกเพียงว่าแม่นางน้อยผู้นี้คิดการเลยเถิด เจตนาจะทอดไมตรีให้เขา ชายหนุ่มจึงเลิกคิ้วก่อนเอ่ยปากกล่าว “ยกมานี่สิ”
ยามนี้ฉยงเหนียงเองก็รู้ตัวแล้วว่าเสียกิริยา นางพลันหลุบคิ้วก้มหน้า รีบยกขนมเข้าไปใกล้ๆ เขา
เนื่องเพราะสภาพอากาศเป็นเหตุ ไม่กี่วันมานี้ฉู่เสียปรับตัวไม่ได้อยู่บ้าง จึงทำให้กินไม่ค่อยลง เมื่อวานเขาเห็นขนมที่ฉังจิ้นยกมามีลวดลายประณีต กระตุ้นให้เกิดความสนใจจึงลองชิมดูสองสามคำ ขนมนั้นพอเข้าปากก็ละลาย และให้รสสัมผัสที่นิ่มนุ่มหอมหวานยิ่ง รอจนกินไปหลายชิ้นเขาก็อารมณ์ดีขึ้นอย่างน่าประหลาด เขาพิเคราะห์นกน้อยบนขนมอีกครั้ง เห็นขนนกแต่ละเส้นล้วนดูสมจริง ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือวาดของผู้ใด
ดังนั้นเมื่อตอนที่อยู่บนถนนได้ยินฉังจิ้นพูดว่าเจอตัวผู้วาด ฉู่เสียจึงแง้มม่านออกดู โดยไม่นึกว่าจะเป็นผลตอบแทนที่คาดไม่ถึง จากนั้นเขาก็สั่งให้คนพานางกลับมาด้วยกัน
เมื่อครู่ระหว่างที่นางวาดภาพ ช่วงหนึ่งเขาอ่านตำราจนล้าจึงเงยหน้าพัก ก็พอดีเห็นลำคอระหงของคนงามโน้มลงนิดๆ นางเม้มปากหลุบคิ้ว นิ้วมือที่เพรียวบางดุจปลายก้านต้นหอมนั้นจับพู่กันก้ามปูที่แสนเรียวเล็กด้ามหนึ่ง กำลังบรรจงวาดลายเส้นบนขนมทรงข้าวหลามตัดชิ้นเล็ก เมื่อชมดูนานเข้าก็คล้ายมีขนนกเส้นหนึ่งสะกิดหัวใจของเขาอย่างแผ่วเบา
ฉังจิ้นเป็นองครักษ์ประจำตัวฉู่เสีย ย่อมยืนคอยคำสั่งอยู่ด้านข้าง เขาสังเกตสีหน้าผู้เป็นนาย ครั้นมองตามสายตาท่านอ๋องของตนไป ก็พบว่าถึงกับชมดูแม่นางที่วาดภาพผู้นั้นอยู่
ฉังจิ้นเองก็นึกไม่ถึงว่าตำบลเล็กๆ เช่นนี้จะซุกซ่อนดอกบัวแรกแย้มที่งามบริสุทธิ์อยู่ดอกหนึ่ง ยามที่แม่นางน้อยเดินเข้ามาใกล้ ผิวพรรณทุกส่วนที่ได้พินิจโดยละเอียดนั้นช่างนวลเนียนดุจเคลือบไข ฉังจิ้นขบไม่แตกว่าครอบครัวชาวบ้านต่ำต้อยแบบใดกันที่สามารถเลี้ยงดูคนงามเพียงนี้ออกมา มิแปลกเลยหากท่านอ๋องผู้แต่ไรมาไม่เก็บสตรีอยู่ในสายตาจะยลโฉมนางเนิ่นนานตาไม่กะพริบ
ฉยงเหนียงจัดวางขนมลงบนโต๊ะน้ำชาที่อยู่เบื้องหน้าฉู่เสียเสร็จก็เอียงกายถอยหลังไป