เนื่องจากชุยฉวนเป่าบาดเจ็บ หลิวซื่อไม่วางใจจึงเก็บแผงเพื่อจะอยู่บ้านดูแลเขาก่อนสักหลายวัน ส่วนชุยจงก็หาบขนมจำนวนหนึ่งไปเร่ขายปลีกตามถนนใหญ่และตรอกซอย นับว่ายังมีรายรับอยู่บ้าง
วันนี้พอชุยจงคอนหาบกลับมา ฉยงเหนียงกำลังช่วยหลิวซื่อกวาดทำความสะอาดลานเรือน จากนั้นคนทั้งครอบครัวก็มานั่งกินอาหารเย็นด้วยกันที่ใต้ต้นไม้ในลานเรือน
ข้าววันนี้คือข้าวใหม่ที่หลิวซื่อหุงด้วยหม้อดินเผา ส่วนอาหารเรียกน้ำย่อยคือยำหัวไช้เท้าฝอยที่ฉยงเหนียงเป็นผู้ปรุง หัวไช้เท้านี้ฉยงเหนียงดองในโถดินเผาใบเล็กเพื่อให้รสชาติเข้าเนื้อ หัวไช้เท้าสีขาวหิมะที่กรุบกรอบถูกโรยเกลือกับขิงซอยแล้วราดด้วยน้ำมันพริกที่ผสมงา รสชาติชวนให้เจริญอาหารเป็นที่สุด
คิดถึงบิดาที่หาบขนมมาทั้งวัน เหงื่อออกไปมิใช่น้อย ฉยงเหนียงจึงตุ๋นน้ำแกงกระดูกหมูด้วยน้ำปรุงรสเปรี้ยวที่ใช้ดองหัวไช้เท้า ก่อนเติมถั่วลิสงที่สุกนิ่มแล้วลงไป ทำให้กลิ่นความสดชื่นลอยฟุ้งไปทั่วลานเลยเชียว
ไม่กี่วันมานี้ชุยฉวนเป่าสัมผัสได้อย่างลึกซึ้งถึงความเปลี่ยนแปลงที่น้องสาวคนใหม่นำมาให้กับครอบครัวนี้ นั่นก็คือด้านอาหารการกินดูพิถีพิถันกว่าเมื่อก่อนมากทีเดียว อย่างเช่นหัวไช้เท้านี้ เมื่อก่อนเพียงต้มให้นิ่มเท่านั้น แต่เมื่อมาถึงมือของฉยงเหนียงกลับสามารถพลิกแพลงวิธีกินได้สารพัดอย่าง
สำหรับชีวิตอันฝืดเคืองของครอบครัวเล็กที่ต่ำต้อย ไม่มีสิ่งใดจะชวนให้คึกคักฮึกเหิมยิ่งไปกว่าอาหารที่ใช้ความตั้งใจหนึ่งโต๊ะอีกแล้ว ยามที่รสชาติอันหอมหวานเคลือบริมฝีปากและซี่ฟัน วันเวลาซึ่งเดิมทีซ้ำซากจำเจก็คล้ายพลันมีรสชาติขึ้นมา
หลังจากได้ดื่มน้ำแกงกระดูกหมูที่มีรสชาติสดชื่นเข้มข้นและกระตุ้นความอยากอาหารนั้นไปหนึ่งคำ ชุยฉวนเป่าก็อดไม่ได้ต้องเหลือบมองน้องสาวคนนี้ของตนอีกครั้ง เขาพลันรู้สึกว่ามีน้องสาวคนใหม่ช่างเป็นเรื่องที่น่าเบิกบานใจเสียจริง
เห็นบิดากับพี่ชายกินข้าวคำโต ฉยงเหนียงเองก็สบายใจเช่นกัน
เมื่อก่อนช่วงเวลาที่นางจะลงครัวก็คือยามรับใช้มารดาสามี หรือไม่ก็ในงานเลี้ยงสังสรรค์ของเหล่าคุณหนูฮูหยิน มาตรองดูอย่างละเอียดแล้ว ดูเหมือนบุตรชายหญิงที่นางรักที่สุดกลับเคยได้กินอาหารฝีมือนางเพียงไม่กี่หน
นางในอดีตช่างโง่เขลาเสียนี่กระไร มัวแต่เอาใจคนที่ไม่เกี่ยวข้องเหล่านั้น แต่กลับละเลยเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเอง ดังนั้นชาตินี้นางจึงเต็มใจที่จะอาบเหงื่อเติมฟืนอยู่หน้าเตาในบ้านอันซอมซ่อ เพื่อให้คนในครอบครัวได้กินอย่างอิ่มสุขเต็มที่
ทางหนึ่งนางตักข้าวให้พี่ชาย อีกทางหนึ่งก็ฉวยเวลาระหว่างมื้ออาหารบอกเล่าความคิดที่ตนใคร่ครวญอยู่ในใจมาเนิ่นนานแล้ว
ไม่กี่วันนี้ได้เงินขายขนมมาไม่น้อย สามารถเป็นทุนรอนได้พอดี บิดามารดาอายุมากขึ้นทุกวันจะให้กรำแดดโกรกลมเช่นนี้ไปตลอดย่อมมิใช่หนทางที่ถูกควร
ตำบลฝูหรงเล็กเกินไป ทำการค้าต่อก็ไม่มีทางจะเห็นเงินเหลือมากนัก ทว่าทุนรอนที่มีอยู่หยิบมือนี้หากนำไปเปิดร้านในเมืองหลวงก็จะเป็นเช่นเศษกรวดจมสู่ท้องทะเล ไม่อาจทำให้น้ำกระเซ็นแม้สักครึ่งวง แต่หากเป็นร้านที่เชิงเขาหวงซานชานเมืองหลวงกลับสามารถซื้อได้อย่างเหลือเฟือ
ภูเขาหวงซานนั้นเป็นที่ตั้งของวัดเนี่ยนฝ่าซึ่งเป็นวัดหลวง เนื่องจากอยู่ใกล้เมืองหลวง ทุกวันที่หนึ่งและสิบห้าของเดือนจะมีผู้ไปจุดธูปไหว้พระไม่ขาดสาย และมักพลาดช่วงเวลาอาหารจึงต้องหาของกินที่เชิงเขา หากไปเปิดร้านที่นั่น ย่อมไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีลูกค้า
ฉยงเหนียงชี้แจงอย่างมีเหตุผลเป็นแบบแผน ทว่าหลิวซื่อกลับไม่ค่อยเห็นพ้อง เพียงรู้สึกว่าดั้นด้นไปทำการค้าที่เชิงเขาใช่ว่าจะได้เห็นลูกค้าหลั่งไหลมาดุจกระแสน้ำทุกวัน แล้ววันเวลาที่เหลือมิต้องเงียบเหงาวังเวงขาดรายได้หรือไร เห็นชัดว่าความคิดของฉยงเหนียงเป็นคำพูดของคุณหนูผู้มีเงิน ไม่รู้ถึงความเหนื่อยยากของชาวบ้านกว่าจะได้เงินในแต่ละวัน
แม้หลิวซื่อพูดอย่างอ้อมค้อมนุ่มนวล ทว่าฉยงเหนียงก็ฟังออกถึงสิ่งที่มารดาห่วงพะวง หากมิใช่ผ่านชีวิตมาแล้วหนึ่งชาติภพ นางเองก็นึกไม่ออกหรอกว่าจะไปเปิดร้านขนมที่เชิงเขาหวงซาน
ในชาติก่อน ภายหน้าจยาคังตี้จะมีพระราชโองการสร้างตำหนักที่เชิงเขาหวงซานสำหรับพักผ่อนคลายร้อน อุทยานหลวงอันโอ่อ่านั้นกินพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล ร้านค้าโรงนาที่มีอยู่แต่เดิมล้วนต้องย้ายไปที่อื่น
ทว่าจยาคังตี้มีพระเมตตา ทั้งราชวงศ์ต้าหยวนก็ไม่ขาดแคลนเงินทอง เรื่องที่สร้างความลำบากแก่ราษฎรเช่นนี้ย่อมจะมีค่าชดเชย ตอนนั้นขอเพียงเป็นบ้านเรือนไร่นาที่อยู่ในเขตก่อสร้าง ล้วนได้รับค่าชดเชยห้าเท่าหลังหักราคาตลาด ดังนั้นตอนนี้ซื้อร้านค้าหนึ่งแห่ง รอวันหน้าได้ค่าชดเชยห้าเท่ามาก็รับรองว่าเพียงพอเลี้ยงดูบิดามารดาในยามชราแล้ว
อีกอย่างเปิดร้านที่เชิงเขาหวงซาน ลูกค้าล้วนแต่เป็นผู้มั่งมี ทำกำไรหนึ่งเดือนเทียบเท่าสามเดือน หักลบดูแล้วย่อมดีกว่าที่บิดามารดาต้องนอนดึกตื่นเช้าทุกวันเช่นนี้มิใช่หรือไร
สิ่งที่ในใจฉยงเหนียงวิตกอยู่ตลอดคือเรื่องที่หลายปีข้างหน้าชุยจงจะป่วยหนัก หากตรากตรำน้อยลงได้ บางทีถึงตอนนั้นอาการป่วยของบิดาอาจจะไม่ร้ายแรงนัก เพียงแต่เรื่องที่ตนเกิดใหม่ยากจะเล่าให้มารดาฟัง จึงจำต้องหาเหตุผลอื่นมาโน้มน้าว ทว่าโน้มน้าวเช่นนี้ย่อมไม่ค่อยจะเห็นผลสักเท่าใด