ชิงเหอรับคำแล้วเดินออกไป เสิ่นหยวนมองชิงจู๋ปิดประตูห้องเก็บของ ก่อนจะหันหน้าไปพูดกับไฉ่เวย “เมื่อครู่ข้าเห็นว่าแพรพรรณเครื่องหนังวางอยู่ในตู้นานพอดูแล้ว อีกไม่กี่วันนี้ถ้าอากาศดีก็นำออกมาตากแดดเสีย อากาศหนาวแล้ว ข้าอยากทำชุดฤดูหนาวให้ท่านพ่อกับเซียงเอ๋อร์และหงเอ๋อร์ ส่วนข้าวของเหล่านี้ในห้องเก็บของ สองวันนี้เจ้ากับชิงเหอชิงจู๋ต้องลำบากหน่อย ตรวจนับให้ละเอียด ลงบันทึกไว้แล้วนำมาให้ข้าดู”
ไฉ่เวยตอบรับทีละเรื่องเสร็จก็ไปดูบ่าวรับใช้เปลี่ยนม่าน ส่วนเสิ่นหยวนเข้าไปนั่งบนเตียงเตาในห้อง
เพียงชั่วครู่ก็มีสาวใช้มารายงานว่ามีคนนำอาหารเย็นมาส่งแล้ว
หญิงรับใช้สูงวัยที่นำอาหารเย็นมาส่งมีท่าทีเคารพนบนอบยิ่ง เรียกเสิ่นหยวนว่า ‘คุณหนูใหญ่’ ทุกคำ เสิ่นหยวนรู้ว่านี่เป็นเพราะก่อนหน้านี้เสิ่นเฉิงจางสั่งให้ห้องครัวทำอาหารดีๆ ปริมาณมากมาให้นางเป็นพิเศษ บ่าวไพร่ในจวนนี้มีผู้ใดสายตาไม่ดีบ้าง ล้วนรู้ทันทีว่าเสิ่นเฉิงจางมีท่าทีต่อนางเช่นไรจึงย่อมไม่กล้าละเลยนาง
กล่าวกันถึงที่สุด ไม่ว่าเป็นผู้ใดการจะมีชีวิตอยู่ในจวนสกุลเสิ่นนี้ก็ยังต้องดูว่าเสิ่นเฉิงจางมีท่าทีอย่างไรต่อคนผู้นั้น
กระนั้นเสิ่นหยวนยังคงให้ไฉ่เวยนำเงินร้อยเฉียน มอบแก่หญิงรับใช้สูงวัยผู้นั้นไปซื้อสุราดื่ม หญิงรับใช้สูงวัยรับเงินเสร็จก็โขกศีรษะให้เสิ่นหยวน ก่อนจะเดินจากไปอย่างยินดีปรีดา
เสิ่นหยวนยิ้มน้อยๆ
ชื่อเสียงในจวนของนางที่ผ่านมาหาได้ดีไม่ แน่นอนว่าย่อมมีสาเหตุจากตัวนางเองด้วย ถึงอย่างนั้นก็คิดว่าต้องมีคนคอยฉวยโอกาสนี้โจมตีนางอยู่เบื้องหลังเช่นกัน ต่อไปนางต้องระวังตัวให้ดี
แค่เปลี่ยนพวกม่านไม่ต้องใช้เวลานาน พอเปลี่ยนเสร็จทั้งหมดเสิ่นหยวนก็ให้ไฉ่เวยนำเงินมอบให้สาวใช้ใช้แรงงานและหญิงรับใช้สูงวัยคนละสองร้อยสามร้อยเฉียน
จะว่าไปนี่เป็นเพียงบุญคุณเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ทว่าแต่ละคนพอรับเงินแล้วกลับมีสีหน้าดีอกดีใจ เอ่ยขอบคุณเสิ่นหยวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ในใจเสิ่นหยวนคิดว่าในอดีตไม่รู้นางให้ของดีเสิ่นหลันไปตั้งเท่าไร แต่สุดท้ายเสิ่นหลันกลับกลายเป็นหมาป่าเลี้ยงไม่เชื่อง ซ้ำยังมีใจเคียดแค้นนาง สู้ให้ของดีกับคนเหล่านี้ยังจะดีเสียกว่า อย่างน้อยก็ยังรู้จักขอบคุณ
เสิ่นหยวนทางหนึ่งคิดถึงเรื่องโง่เขลาในอดีตของตน ทางหนึ่งก็ค่อยๆ กินข้าว
ในเมื่อเป็นคำสั่งของเสิ่นเฉิงจางคนในครัวย่อมไม่กล้าไม่เชื่อฟัง ของที่ส่งมาล้วนแต่เป็นอาหารอย่างดีปริมาณก็มาก แต่เสิ่นหยวนกลับกินไม่ค่อยลงนัก
นางกินเต้าหู้เมล็ดซิ่งไปสองสามคำ ไข่พิราบตุ๋นสองคำ กินข้าวอีกเพียงไม่กี่คำก็วางตะเกียบในมือลงแล้ว
ชิงเหอกับชิงจู๋กินข้าวก่อนนานแล้ว เวลานี้จึงยืนรับใช้อยู่ข้างๆ เห็นเสิ่นหยวนไม่กินต่อ ชิงเหอก็รีบยกชามาให้นางล้างปาก ส่วนชิงจู๋ก็รีบเก็บจานชามบนโต๊ะเล็กออกไป
ชั่วครู่หนึ่งสาวใช้ที่ด้านนอกก็เข้ามารายงานอีก บอกว่า “สวีมามา ต้องการพบคุณหนูเจ้าค่ะ”
เสิ่นหยวนได้ยินก็รีบพูด “รีบให้นางเข้ามา”
สวีมามาเป็นคนเก่าคนแก่ข้างกายมารดา ติดตามมาจากสกุลเฉิน เป็นคนที่จงรักภักดีและมารดาไว้ใจที่สุด
สาวใช้ตอบรับก่อนถอยออกไป ครู่เดียวก็เห็นหญิงวัยกลางคนสวมเสื้อนอกตัวยาวสีกรมท่าเดินเข้ามา
พอมองเห็นเสิ่นหยวน สวีมามาก็คุกเข่าลง ร้องไห้พลางร้องเรียก “คุณหนู” และพูดอีกว่า “ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว”
ขอบตาเสิ่นหยวนก็เริ่มร้อนผ่าวขึ้นมาเช่นกัน
นางลุกขึ้นจากเตียงเตา ก้มตัวลงประคองสวีมามาลุกขึ้นด้วยตัวเอง น้ำตาไหลออกจากดวงตา “สวีมามา ท่านอย่าทำเช่นนี้ ท่านเป็นคนเก่าคนแก่ข้างกายท่านแม่ นั่นหมายถึงเป็นผู้อาวุโสกว่าข้า ข้ายังต้องขอบคุณท่านด้วยซ้ำที่ทุ่มเทใจดูแลท่านแม่มาโดยตลอด”
“นี่ล้วนเป็นสิ่งที่บ่าวควรทำ คุณหนู ท่านอย่าพูดเช่นนี้ จะทำให้บ่าวอายุสั้นเอานะเจ้าคะ”
เสิ่นหยวนให้ชิงเหอยกม้านั่งกลมมา เชิญให้สวีมามานั่งลง สวีมามาปฏิเสธอยู่หลายรอบ สุดท้ายก็ขัดความต้องการของเสิ่นหยวนไม่ได้ จึงหย่อนตัวนั่งลงบนม้านั่ง
เสิ่นหยวนนั่งลงบนม้านั่งเช่นกัน ครั้นให้สาวใช้รินชามาให้แล้วก็เอ่ยถามถึงเรื่องยามมารดาล้มป่วยว่าเชิญหมอท่านใดมา กินยาอะไร ต่อมาสิ้นใจได้อย่างไร