ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน เกิดใหม่อีกที ไม่ขอสามีสกุลหลี่ บทที่ 7 – บทที่ 8
บทที่ 8
เซวียอี๋เหนียงมองดูสาวใช้ประคองเสื้อคลุมสีครามเข้มตัวนั้นมาให้แล้วก็พูดยิ้มๆ “นี่เป็นของที่คุณหนูใหญ่ทำให้นายท่านเองกับมือ? ลายปักกระเรียนและต้นสนบนนี้ทำได้ดีโดยแท้ ราวกับมีชีวิตจริงๆ”
กระนั้นรอยยิ้มบนหน้ากลับดูฝืดฝืนอยู่บ้าง มือที่ถือเสื้อคลุมสีฟ้าอ่อนก็กำแน่นจนข้อนิ้วซีดขาว
เสิ่นหยวนที่อยู่ด้านข้างมองดูอากัปกิริยาทั้งหมดนี้อย่างเงียบๆ เพียงไม่นานนางก็เบือนหน้าหนี สายตามองดูต้นไทรแคระกระถางหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะสูงด้านข้าง
เสิ่นเฉิงจางทางหนึ่งให้สาวใช้คลุมเสื้อคลุมสีครามเข้มตัวนั้นให้เขา อีกทางก็กล่าวกับเซวียอี๋เหนียง “เจ้าเห็นแล้วใช่ประหลาดใจมากเช่นกันหรือไม่ เวลาสั้นๆ เพียงปีเดียว ฝีมือเย็บปักของหยวนเจี่ยถึงกับดีปานนี้แล้ว ตอนแรกที่เห็นข้าก็ไม่เชื่อเช่นกัน”
เซวียอี๋เหนียงปรับอารมณ์ตนเองอย่างรวดเร็ว ใบหน้าแย้มยิ้มนุ่มนวลพูดว่า “คุณหนูใหญ่งดงามหลักแหลม หากตัดสินใจเรียนจริงๆ ย่อมจะเรียนได้ไว” ชะงักเล็กน้อยก่อนเปลี่ยนมาพูดด้วยน้ำเสียงอาดูร “หากฮูหยินในยมโลกล่วงรู้ว่ายามนี้ฝีมือเย็บปักของคุณหนูใหญ่ดีปานนี้ ในใจนางจะต้องปลาบปลื้มมากเป็นแน่ ไม่เสียแรงที่ในอดีตฮูหยินสิ้นเปลืองแรงใจไปกับคุณหนูใหญ่มากถึงเพียงนั้น”
เสิ่นหยวนยิ้มเย็นในใจ นี่เซวียอี๋เหนียงคิดจะหยิบเรื่องในอดีตระหว่างข้ากับหลี่ซิวหยวนมาพูดอีกแล้ว? จะได้ทำให้บิดารู้สึกไม่พอใจต่อข้า
พึงรู้ว่าจากคำพูดของเซวียอี๋เหนียง สาเหตุที่มารดาสิ้นใจก็เป็นเพราะถูกเรื่องของนางกับหลี่ซิวหยวนทำให้โมโหตาย
และก็เป็นไปตามคาด พอเสิ่นเฉิงจางได้ยินเซวียอี๋เหนียงพูดถึงมารดานาง รอยยิ้มบนหน้าก็เลือนหายไปทันที
เวลานี้เสิ่นหยวนจึงทำท่าทางเศร้าเสียใจออกมา ก่อนพูดเหมือนจะร้องไห้ “เป็นเพราะที่แล้วมาลูกไม่ควบคุมความประพฤติของตนเอง ถึงได้ทำให้ท่านแม่ต้องสิ้นเปลืองสมองไปกับลูกมากเพียงนั้น ตลอดหนึ่งปีกว่าที่อยู่บ้านท่านตาที่ฉางโจว ลูกคัดพระสูตรขอพรให้ท่านแม่ทุกวัน บัดนี้กลับมาแล้ว ลูกจำได้ว่าในห้องพระของท่านแม่มีพระโพธิสัตว์กวนอินหยกขาวสูงราวหนึ่งฉื่อ อยู่องค์หนึ่ง ลูกคิดว่าอีกประเดี๋ยวจะไปห้องพระ อัญเชิญพระโพธิสัตว์กวนอินองค์นั้นไปไว้ในห้องนอนของลูก จุดธูปสามดอกเช้าเย็น อธิษฐานขอพรให้ท่านแม่ หวังว่าท่านพ่อจะเห็นด้วย”
ครั้นนางเอ่ยถึงพระโพธิสัตว์กวนอินหยกขาวองค์นั้น ใบหน้าของเซวียอี๋เหนียงก็เปลี่ยนสีน้อยๆ
พระโพธิสัตว์กวนอินหยกขาวองค์นั้นทำจากหยกมันแพะ เกลี้ยงเกลา แวววาว ขาวสะอาดตลอดทั้งองค์ นับได้ว่าเป็นหนึ่งในสิ่งของที่ล้ำค่าที่สุดในสินเจ้าสาวของมารดาเสิ่นหยวน เซวียอี๋เหนียงถูกใจมานานแล้ว หลังมารดาเสิ่นหยวนจากไปได้ไม่นาน นางก็เปรยต่อหน้าเสิ่นเฉิงจางว่าอยากสวดมนต์ขอพรให้ฮูหยินทุกเช้าเย็น จึงอยากอัญเชิญพระโพธิสัตว์กวนอินหยกขาวองค์นั้นไปไว้ในเรือนของตนเอง
เสิ่นเฉิงจางรู้สึกว่าเซวียอี๋เหนียงคิดถึงฮูหยินเช่นนี้ย่อมเป็นเรื่องดีจึงตกปากอนุญาตทันที ทว่าตอนนี้เสิ่นหยวนกลับเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา…
จะอย่างไรก็เป็นสินเจ้าสาวของมารดาเสิ่นหยวน ทั้งยังล้ำค่าเพียงนั้น บัดนี้มาคิดดู ตอนนั้นยกให้เซวียอี๋เหนียงง่ายๆ เช่นนั้นก็น่าละอายอยู่บ้าง
เสิ่นเฉิงจางจึงพูดด้วยท่าทางลำบากใจ “พระโพธิสัตว์กวนอินหยกขาวองค์นั้นของมารดาเจ้า ก่อนหน้านี้อี๋เหนียงของเจ้าบอกว่าต้องการสวดมนต์ขอพรให้มารดาเจ้าเช้าเย็น ข้าคิดว่านี่เป็นเรื่องดีต่อมารดาเจ้า จึงให้นางอัญเชิญกลับไปตั้งที่เรือน หากเจ้าอยากอัญเชิญพระมาไว้กราบไหว้เช้าเย็น เช่นนั้นวันหลังก็ไปอัญเชิญจากวัดกลับมาสักองค์สิ พระของวัดเฉิงเอินนอกเมืองศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแล้ว ข้าจะให้ผู้อารักขาคุ้มกันเจ้าไปส่ง”
เสิ่นหยวนยิ้มเย็นในใจ
เรื่องที่พระโพธิสัตว์กวนอินหยกขาวองค์นั้นของมารดาถูกเซวียอี๋เหนียงขอไป สวีมามาเล่าให้นางฟังตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว วันนี้นางเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา เดิมก็ไม่ได้คิดจะขอกลับมาจริงๆ
ถึงพระโพธิสัตว์ล้ำค่าเพียงไร แต่จะเทียบกับคนได้หรือ นางต้องการคนต่างหาก
ด้วยเหตุนี้เสิ่นหยวนจึงกล่าวเสียงนุ่ม “เจตนาดีที่อี๋เหนียงมีต่อท่านแม่นี้ช่างหาได้ยาก ในใจข้าซาบซึ้งโดยแท้”
เซวียอี๋เหนียงเองก็ทำสีหน้าลำบากใจ “คุณหนูใหญ่เกรงใจแล้ว ตอนที่ฮูหยินยังอยู่ปฏิบัติต่อข้าดีเพียงนั้น เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ข้าสมควรทำ” ทว่ากลับแอบกัดฟันกรอด
เสิ่นหยวนพูดเช่นนี้ชัดเจนว่ากำลังเหน็บแนมนาง โทสะอ่อนๆ นี้ทำเอานางรู้สึกแน่นหน้าอกจริงๆ
เสิ่นหยวนยังคงยิ้มให้เซวียอี๋เหนียง จากนั้นก็มองไปทางเสิ่นเฉิงจาง “เอ่ยถึงท่านแม่ ลูกกลับนึกเรื่องหนึ่งขึ้นได้ ข้างกายท่านแม่มีสวีมามาอยู่คนหนึ่ง ท่านพ่อคงทราบกระมัง สวีมามาผู้นี้เป็นคนทำอะไรสุขุมรอบคอบ ทำงานก็มีระเบียบแบบแผน ที่ผ่านมาได้รับความสำคัญจากท่านแม่อย่างที่สุด ตอนนี้ท่านแม่ไม่อยู่แล้ว ปกติที่ข้างกายลูกก็ไม่มีผู้ใหญ่มีประสบการณ์คอยสั่งสอน ใจลูกจึงอยากให้สวีมามาผู้นี้มาเป็นมามาผู้ดูแลในเรือนของลูกต่อจากนี้ งานดูแลบ่าวไพร่ในเรือนลูกเป็นเรื่องเล็ก ที่สำคัญที่สุดคือลูกอยากให้นางคอยช่วยชี้แนะให้มาก ท่านพ่อคิดเห็นอย่างไรเจ้าคะ”
เมื่อครู่ขณะเสิ่นหยวนเอ่ยถึงเรื่องพระโพธิสัตว์กวนอินหยกขาว ในใจเสิ่นเฉิงจางก็รู้สึกละอายอยู่บ้างแล้ว ของล้ำค่าของมารดาเสิ่นหยวนเขากลับยกให้เซวียอี๋เหนียงง่ายๆ เช่นนั้น ด้วยเหตุนี้พอเสิ่นหยวนเอ่ยถึงสวีมามาขึ้นมาเขาจึงตอบตกลงอย่างรวดเร็ว
“เรื่องนี้ย่อมดี สวีมามาเป็นคนสุขุมคนหนึ่ง” เสิ่นเฉิงจางกล่าวอีกว่า “ต่อไปก็ให้นางอยู่รับใช้ที่เรือนเจ้าแล้วกัน มีนางคอยดูแลเจ้า ข้าก็วางใจ”
เสิ่นหยวนยิ้มพลางเอ่ยรับคำ แต่เซวียอี๋เหนียงกลับสองแก้มเกร็ง
สินเจ้าสาวของฮูหยินล้วนอยู่ในห้องเก็บของของเรือนใหญ่ นางหมายตาของหลายชิ้นอยู่นานแล้วจึงได้ไล่สาวใช้ทั้งหมดของเรือนทิงเสวี่ยไป ทว่าสวีมามากลับเป็นกระดูกที่แทะยาก
สวีมามาติดตามฮูหยินมาหลายปี นับว่าเป็นคนเก่าคนแก่ในจวนสกุลเสิ่นแล้ว เสิ่นเฉิงจางเองก็รู้ว่าไม่อาจแตะต้องสวีมามาตามอำเภอใจ จำต้องหาข้ออ้างที่ดีที่สุดให้ได้ ดังนั้นหลายวันมานี้เซวียอี๋เหนียงจึงกำลังใคร่ครวญว่าจะหาจังหวะที่เสิ่นเฉิงจางอารมณ์ดีพูดกับเขาว่าสวีมามาปรนนิบัติฮูหยินมาหลายปี อายุมากแล้ว ควรต้องเลือกที่ดินดีๆ สักที่ ส่งตัวนางไปใช้ชีวิตบั้นปลาย
รอสวีมามาจากไปแล้ว บรรดาของในห้องเก็บของของฮูหยินก็จะไม่มีผู้ใดเฝ้าอีก แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเสิ่นหยวนถึงกับเอ่ยปากขอตัวสวีมามาในตอนนี้