เสิ่นหยวนพินิจมองเสิ่นเซียง
ที่สุดแล้วก็เป็นพี่น้องร่วมอุทรมารดาเดียวกัน รูปโฉมหน้าตาย่อมคล้ายคลึงกันไม่มากก็น้อย ทว่าสีผิวของเสิ่นเซียงออกจะคล้ำกว่า มิได้ขาวผ่องเป็นยองใยเหมือนนาง
เสิ่นเซียงเองก็คิดเรื่องสีผิวนี้ จึงเริ่มทาแป้งสารพัดชนิดลงบนใบหน้าและตัวตั้งแต่สองสามปีก่อนด้วยอยากให้ผิวขาวขึ้น
ไม่ได้พบกันหนึ่งปีกว่า ดวงหน้าของเสิ่นเซียงนั้นงามเฉิดฉายขึ้นแล้ว
“เช่นนั้นก็ดี” เสิ่นหยวนเก็บสายตากลับมา ก่อนยิ้มกล่าวว่า “พี่กลับจากฉางโจวคราวนี้ได้นำของมาฝากเจ้าด้วย”
นางกวักมือเรียกให้ชิงเหอเดินมาเปิดกล่องหุ้มแพรที่ถืออยู่ในมือออก
มีหวีทองสลักลายผีเสื้อเชยบุปผาเล่มหนึ่ง สบู่หอมสองก้อน แป้งดอกมะลิหนึ่งตลับ และแป้งดอกปิ่นหยกอีกหนึ่งตลับ
เสิ่นหยวนยิ้มพลางพูดอยู่ข้างๆ “หวีของฉางโจวโด่งดังที่สุดในใต้หล้า ไปถึงฉางโจว ไหนเลยจะไม่ซื้อหวีกลับมา สบู่หอมสองก้อนนี้ล้วนมาจากอำเภอลิ่วเหอ คุณภาพดียิ่งเช่นกัน แป้งดอกมะลิตลับนี้และแป้งดอกปิ่นหยกตลับนี้ก็มิใช่ของที่ซื้อได้ในร้านรวงทั่วไป ล้วนมีเนื้อสัมผัสยอดเยี่ยม เซียงเอ๋อร์ ของเหล่านี้เจ้าชอบหรือไม่”
นางรู้ความชอบของเสิ่นเซียง จึงได้เลือกของเหล่านี้มาตามความชอบของอีกฝ่าย
เสิ่นเซียงเห็นของแล้วก็เผยสีหน้าดีใจออกมาตามคาด ทว่าปากกลับพูดอย่างเดียดฉันท์ “ก็ธรรมดาๆ”
เสิ่นหยวนยิ้ม ไม่ได้พูดอะไร
ความกินแหนงแคลงใจระหว่างพวกนางพี่น้องย่อมมิใช่ให้ของเล็กน้อยก็จะขจัดไปได้ทันที ต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป
เวลานี้ก็เห็นที่ด้านข้างมีสตรีวัยกลางคนผู้หนึ่งยื่นมือมาหยิบตลับแป้งดอกมะลิขึ้นดูพลางพูดยิ้มๆ กับเสิ่นหยวน “คุณหนูใหญ่ผิวพรรณดี คิดว่าคงไม่เคยต้องทาแป้งเหล่านี้กระมังเจ้าคะ”
เสิ่นหยวนขมวดคิ้ว เงยหน้าขึ้นมองคนพูด
อายุราวสี่สิบ สวมเสื้อนอกตัวยาวสีเหลืองดอกสน กระโปรงสีชมพูดอกท้อ ผ้าล้วนเป็นผ้าไหม บนศีรษะยังปักปิ่นยอดทองไว้อันหนึ่ง การแต่งกายดีกว่าบ่าวทั่วไปมาก
เสิ่นหยวนรู้ว่าอีกฝ่ายคือแม่นมของเสิ่นเซียง…แซ่เฝิง
แต่ไรมานางไม่ชอบเฝิงมามาผู้นี้เอาเสียเลย ด้วยอีกฝ่ายชอบพูดจาแฝงแววกระทบกระเทียบ คิดว่าผู้อื่นเป็นคนโง่ มีแต่ตนที่ฉลาด
ทว่าตอนที่มารดายังอยู่มักจะปลอบนางว่าเฝิงมามาผู้นี้จะดีจะชั่วก็เคยให้นมเสิ่นเซียงอยู่หลายปี ปรนนิบัติรับใช้เสิ่นเซียงอย่างเอาใจใส่ ที่สำคัญที่สุดคือเสิ่นเซียงให้ความสำคัญกับแม่นมผู้นี้เป็นที่สุด ย่อมไม่อาจกระทำการเด็ดขาดได้ในยามนี้ ยังคงต้องอดทนกับเฝิงมามาสักหน่อย
ด้วยเหตุนี้เสิ่นหยวนจึงไม่ได้ว่าอะไร เพียงกล่าวเรียบๆ “ไม่ได้พบเฝิงมามาตั้งปีกว่า เฝิงมามากลับดูอ่อนเยาว์ขึ้น แม้แต่สีฉูดฉาดอย่างสีเหลืองดอกสนจับคู่กับสีชมพูดอกท้อก็ยังใส่ได้ไหว”
เฝิงมามาหารู้ไม่ว่าเสิ่นหยวนกำลังเยาะหยันนาง จึงมีสีหน้าภาคภูมิใจพลางยกมือลูบจอนผม
เสิ่นหยวนไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงยกถ้วยชามีฝาบนโต๊ะเล็กขึ้นดื่ม