ฉยงเหนียงตอบปนยิ้มละไม “ไม่ต้องดูอีกแล้วเจ้าค่ะ ตรงนี้ก็คือทำเลที่ดีที่สุด” จบคำนางก็ชี้แจงแผนงานในใจตนให้บิดามารดาฟัง ทั้งใช้มือทำท่าประกอบ บอกตำแหน่งที่วันหน้าจะสร้างคอกม้ากับสระบัวเสริมภูมิลักษณ์
หลิวซื่อฟังจบก็หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “ลูกแม่ แค่ร้านขายขนมเท่านั้น ไยต้องสร้างคอกม้าใหญ่โตเพียงนั้นด้วย เจ้าจะให้จอดรถม้าได้สิบกว่าคัน คิดว่านี่คือจวนอัครเสนาบดีที่มีรถม้าไปมาขวักไขว่ทั้งวันหรือไร”
ชุยจงคาบกล้องยาเส้นพ่นควันไปพลางอมยิ้มฟังแผนงานของบุตรสาวไปพลาง จากนั้นค่อยเอ่ยเนิบๆ “ว่าไปแล้วครอบครัวพวกเรามีเพียงฉยงเหนียงที่อ่านออกเขียนได้ มีความรู้สูงกว่าใคร ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่ต้องฟังแม่เจ้าหรอก ให้เจ้ามีสิทธิ์ขาดแต่ผู้เดียว เพียงแต่ราคาหกสิบตำลึงเงินยังคงสูงอยู่บ้าง ตามหลักควรจะหั่นราคาลงไปอีก”
ฉยงเหนียงคลี่ยิ้มก่อนยกม้านั่งมาให้หลิวซื่อนั่ง จากนั้นทุบน่องให้มารดาพลางเอ่ยตอบบิดา “ลูกเองก็รู้ว่าให้ราคาสูงไปสักหน่อย แต่มีประโยคหนึ่งที่เขาพูดมีเหตุผล นั่นคือตรงนี้ภูมิลักษณ์ดีเยี่ยม ตามความเห็นของลูกแล้วมูลค่าในวันหน้าจะมิใช่แค่หกสิบตำลึงเงิน หากหั่นราคาลงไปอีก วันหน้าเจ้าของนึกถึงเรื่องนี้จะไม่เจ็บใจแย่หรือ ดังนั้นตอนนี้ให้ผู้อื่นมีกำไรสักหน่อยจะดีกว่าเจ้าค่ะ”
พอดีกับที่เจ้าของรุดกลับมาได้ยินเลาๆ จึงรีบเอ่ยทันใด “ข้าหาผู้รู้อักษรมาเขียนหนังสือสัญญาแทนแล้ว พวกเจ้าห้ามคืนคำเชียว!”
ฉยงเหนียงจะคืนคำเมื่อไรกัน นางรีบลงนามในสัญญา จ่ายเงินมัดจำแล้วตกลงวันที่จะย้ายเข้า ถึงค่อยนั่งรถจากมาพร้อมบิดามารดา
รอจนทั้งสามกลับถึงบ้าน เวลายังคงเช้าอยู่ ประกอบกับชุยฉวนเป่าซักถามเรื่องร้านค้าไม่หยุด ฉยงเหนียงจึงเล่าพลางหยิบพู่กันกับกระดาษออกมาวาดลักษณะของร้านให้เขาดู
เมื่อเริ่มวาดเช่นนี้ก็สะกิดให้ฉยงเหนียงคันไม้คันมือ นางจึงถือโอกาสวาดรูปแบบของโถงใหญ่ออกมาด้วยเลย
หากขายแต่ขนมย่อมไม่มีกำไรอันใด มิสู้เปิดร้านอาหารเจตรงนี้เหมือนในชาติก่อน เอาใจตามความชอบของฮูหยินตระกูลขุนนางเหล่านั้นได้พอดี
ตอนนี้เองเสียงเคาะประตูก็พลันดังมาจากด้านนอก หลิวซื่อที่กำลังทำอาหารจึงเช็ดมือแล้วออกไปเปิดประตู พบว่าผู้ที่นำบริวารมายืนอยู่หน้าประตูก็คือพ่อบ้านจวนอ๋องที่ส่งชุยฉวนเป่ากลับมาเมื่อไม่กี่วันก่อนนั่นเอง
พอเห็นว่าเป็นคนของจวนอ๋อง หลิวซื่อก็รีบถามจุดประสงค์ที่มาเยือนอย่างระมัดระวัง
ฉู่เซิ่งเก็บสีหน้าเย่อหยิ่งที่เคยมี ก่อนประสานมือกล่าว “ข้ารับคำสั่งจากท่านอ๋อง จึงเดินทางมาโดยเฉพาะเพื่อสอบถามอาการของบุตรชายเจ้าว่าเป็นเช่นไรแล้ว ต้องการให้จวนอ๋องของพวกเราจ่ายค่าชดเชยเพิ่มเติมหรือไม่”
แม้ชุยฉวนเป่าถูกรถม้าของจวนอ๋องชนบาดเจ็บก่อน ทว่าเงินชดเชยคราวที่แล้วก้อนใหญ่นัก หากยังเซ้าซี้ไม่เลิกราย่อมถูกครหาว่าเป็นอันธพาลไร้เหตุผล ดังนั้นหลิวซื่อจึงรีบปฏิเสธ “อาการของบุตรชายข้าไม่เป็นอันใดมากแล้ว รบกวนให้ท่านพ่อบ้านยุ่งยากใจ ต้องเดินทางมาเที่ยวนี้ บ้านข้าซอมซ่อไม่มีสิ่งอื่นใดจะต้อนรับขับสู้ เพียงขอเชิญท่านพ่อบ้านเข้าไปดื่มชาร้อนสักถ้วย กินของว่างสักหน่อยค่อยไปเถอะเจ้าค่ะ”