ใครจะรู้ว่าฉู่เซิ่งได้ยินคำตอบของหลิวซื่อแล้วกลับพลิกสีหน้าทันตาเห็น “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็จะคำนวณบัญชีอีกก้อนหนึ่งกับเจ้า วันนั้นบุตรชายเจ้าชนกับรถม้าของจวนอ๋อง แรงปะทะหนักหน่วงยิ่ง อัญมณีเลี่ยมทองตรงมุมหนึ่งของตัวรถถูกครูดกระเด็นไปกว่าครึ่ง รถม้านี้เป็นสิ่งของพระราชทานจากฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน อัญมณีที่ฝังประดับก็เป็นบรรณาการจากแคว้นปั้นเยวี่ย เมื่อวานส่งตัวรถไปคำนวณค่าซ่อมที่โรงผลิตในเมืองหลวงแล้ว คำนวณค่าใช้จ่ายออกมาเป็นเงินห้าพันตำลึง ไม่รู้สกุลชุยของพวกเจ้าคิดจะนำสิ่งใดมาใช้คืน”
หลิวซื่อฟังจบก็รู้สึกว่าในหัวมีแต่เสียงหึ่งดังขึ้น เรื่องอื่นยังไม่ต้องเอ่ยถึง เพียงได้ยินคำว่า ‘ห้าพันตำลึง’ ก็ทำให้นางขวัญกระเจิงแล้ว
ฉยงเหนียงที่ยืนอยู่ริมหน้าต่างก็ได้ยินชัดแจ้งเช่นกัน ในใจรู้สึกทันทีว่า…คนจากจวนหลางอ๋องนี้หมายจะรีดไถกันหรือไร
ตอนที่พี่ชายถูกชน แม้เหตุการณ์ชุลมุนอยู่บ้าง ทว่าตามหลักแล้วร่างกายคนเราไม่มีทางจะกระแทกรถม้าได้รุนแรงถึงเพียงนั้นแน่
ฉยงเหนียงจึงเร่งสาวเท้าออกไปแย้งเสียงขรึม “วันนั้นข้าก็อยู่ในเหตุการณ์ ไม่เห็นรถม้ามีความเสียหายแต่อย่างใด”
ฉู่เซิ่งแค่นเสียงฮึอย่างเย็นชาก่อนเอ่ย “พูดเช่นนี้ แม่นางแคลงใจว่าจวนหลางอ๋องอันทรงเกียรติของพวกเรากำลังกรรโชกทรัพย์ผู้อื่นหรือไรกัน”
ฉยงเหนียงเม้มปากแน่นพลางตอบอยู่ในใจ…ใช่ ข้ากำลังสงสัยเช่นนี้!
แม้หลางอ๋องฉู่เสียมีคุณความชอบทางการทหารโดดเด่น ทว่าพฤติกรรมที่ไม่สนใจใครหน้าไหนก็ถูกคนในราชสำนักประณามเช่นกัน ก่อนหน้านี้ขณะที่ราชวงศ์ต้าหยวนทำศึกกับชนต่างเผ่าชายแดน เนื่องจากเขื่อนกั้นแม่น้ำหวงเหอแตก ท้องพระคลังเกินครึ่งถูกใช้ไปบรรเทาพิบัติภัย ไม่มีกำลังพอจะสนับสนุนเบี้ยหวัดทหารและค่าเสบียงก้อนใหญ่ของกองทัพหลางอ๋องได้ รัชทายาทซึ่งขณะนั้นดูแลงานภายในอยู่จึงสั่งให้ชะลอเรื่องค่าใช้จ่ายของกองทัพออกไปก่อน
เรื่องนี้ไปแหย่รังต่อเข้าให้แล้ว หลางอ๋องไม่ได้เงินก็ถึงกับราวีด้วยลูกไม้สุดโต่งสารพัดอย่าง จนสุดท้ายกรมอากรไม่เพียงจ่ายเงินให้กองทัพ ยังจับกุมและประหารขุนนางหลายคนที่ว่ากันว่ายักยอกเงินกองทัพไป ถึงค่อยทำให้หลางอ๋องพึงพอใจยุติเรื่องนี้จนได้
นางจำได้ว่าชาติก่อนซั่งอวิ๋นเทียนเคยเอ่ยเรื่องนี้กับนางและให้คำพรรณนาอันชัดเจนอย่างยิ่งเกี่ยวกับหลางอ๋องผู้นั้น… ‘หากเป็นยามกลียุค เขาย่อมเป็นสิงห์ร้ายพยัคฆ์ไว้ลาย ทว่ายามสันติ…นั่นก็คือเภทภัยของราชสำนัก’
ตอนนี้อำนาจใหญ่ของหลางอ๋องเตรียมจะนำมาใช้กับครอบครัวชาวบ้านเล็กๆ ของข้าแล้วกระมัง หัวใจฉยงเหนียงดิ่งลงไม่หยุดยั้ง ด้วยในใจรู้กระจ่างว่าฐานะของตนในปัจจุบันยากจะพูดเหตุผลกับจวนหลางอ๋องได้
ชุยฉวนเป่าฟังแล้วโมโหจึงใช้ไม้เท้าเดินกะเผลกออกมาย้อนถาม “จวนอ๋องของพวกเจ้ายังพูดเหตุผลเป็นอยู่หรือไม่ ชนข้าบาดเจ็บแท้ๆ กลับมีหน้าเรียกร้องให้ครอบครัวข้าชดใช้เงิน?”
อาจเพราะถ้อยคำของชุยฉวนเป่าฟังแล้วระคายหู ชายฉกรรจ์ร่างกำยำหลายคนที่ด้านหลังของฉู่เซิ่งจึงก้าวออกมาพร้อมกับดาบในมือ ถลึงตาใส่เขาด้วยสีหน้าอันอึมครึม ท่าทางบอกชัดว่าหากเขากล้าพูดอีกประโยคเดียวจะเงื้อมือลงดาบจัดการเขาเสีย
ฉยงเหนียงรู้แก่ใจว่าผู้คนที่ยืนจังก้าอยู่หน้าประตูบ้านนางในตอนนี้มิใช่จำพวกเดียวกับคนขายเนื้อแซ่จาง ดูจากท่าทางล้วนเป็นพวกดุร้ายที่เคยติดตามหลางอ๋องตวัดคมดาบดื่มเลือดข้าศึกในสนามรบมาแล้ว หากพี่ชายใช้แข็งปะทะแข็งกับพวกเขาจริง ย่อมไม่ได้เปรียบเด็ดขาด