บทที่แปด
พอได้ยินฉู่เสียถามว่าคู่ควรหรือไม่ ฉยงเหนียงก็อยากจะพูดใส่หน้าเขาเพียงคำเดียวว่า ‘เพ้ย!’
ชาติก่อนกระทั่งซั่งอวิ๋นเทียนอยู่ในห้องนอนก็ยังเกรงใจที่จะกระทำรุ่มร่ามกับนางเกินงาม ทว่าตอนนี้นางกลับถูกบุรุษที่พบหน้ากันเพียงไม่กี่หนฉุดเข้าสู่อ้อมอกแล้วพูดกระซิบแนบหู นางจึงโกรธจนสองแก้มแดงก่ำในทันที
ทว่าบุรุษผู้นี้กลับมิใช่พวกที่จะตบหน้าหนึ่งฉาดสวนกลับไปได้ นางจึงได้แต่สูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามระงับเพลิงโทสะเพื่อจะ ‘เจรจาต่อรองกับเขาดีๆ’
เพียงแต่สีแดงเข้มบนพวงแก้มหญิงงามในสายตาของฉู่เสีย กลับถูกมองเป็นกิริยาสะเทิ้นอายยามแรกประสาในความรัก แลดูเย้ายวนใจเป็นที่สุด
ช่วงที่ผ่านมาแม้เขาไม่ได้เข้าเมืองหลวง แต่ด้วยวัยเยาว์อยู่ในเมืองหลวงเป็นเพื่อนเรียนของเหล่าองค์ชายมาสามปี ทำให้ได้คบหาสหายที่ถูกคอกันจำนวนหนึ่ง หลายวันนี้เขาจึงไปร่วมงานเลี้ยงในคฤหาสน์ชานเมืองหลวงของสกุลต่างๆ มาสองสามงาน
ระหว่างลิ้มสุราพบปะสหาย เขาเองก็มีได้ยินข่าวลืออันคลุมเครือเกี่ยวกับสกุลหลิ่ว ใจความคร่าวๆ ว่าที่แท้คุณหนูสกุลหลิ่วถูกอุ้มผิดตัวไปตั้งแต่ยังเล็ก เร็วๆ นี้เองถึงได้สลับตัวคืนมา
อาจเพราะกลัวว่าคุณหนูตัวจริงที่สลับคืนมายังไม่เคยได้เห็นโลกกว้าง ตอนเข้าวังจะทำให้ฮองเฮาดูแคลน สองวันนี้หลิ่วฮูหยินจึงกำชับเป็นพิเศษให้บุตรชายคนโตพาบุตรสาวที่เปลี่ยนกลับมาใหม่ผู้นี้ไปออกงานเลี้ยงขนาดเล็กต่างๆ
สิ่งที่ทำให้ผู้คนประหลาดใจคือคุณหนูหลิ่วผิงชวนที่ว่ากันว่าถูกเลี้ยงดูอยู่ในตระกูลอันต่ำต้อยผู้นี้ก็มิด้อยเลย การวางตัวสง่าผ่าเผยเป็นธรรมชาติ อาภรณ์ตลอดร่างก็เป็นรูปแบบที่ยังไม่พบเห็นร้านใดวางขาย ทำให้เหล่าคุณหนูฮูหยินที่รักสวยรักงามแย่งกันสอบถาม ถึงได้รู้ว่าอาภรณ์เหล่านั้นหลิ่วผิงชวนเป็นผู้คิดค้นตัดเย็บออกมาเอง
นอกจากนี้ความสามารถเชิงวรรณศิลป์ของหลิ่วผิงชวนก็ไม่เลวเช่นกัน คำกลอนใน ‘หนังสือรวมบทกวีธารกระจ่าง’ ที่เรียบเรียงเป็นรูปเล่มเมื่อเร็วๆ นี้ก็ละเมียดละไมไพเราะ ทำให้ผู้คนเปลี่ยนมุมมองใหม่ต่อคุณหนูหลิ่วที่เพิ่งกลับตระกูลมาผู้นี้ไปทันที
ในงานเลี้ยงหนหนึ่งคนสกุลหลิ่วนำหนังสือรวมบทกวีมาแจกให้คนในงานอ่าน ฉู่เสียก็ได้รับมาหนึ่งเล่ม ในความคิดของเขาคุณหนูหลิ่วที่เปลี่ยนกลับมาใหม่ผู้นี้ไม่มีความแสบซุกซนที่ซุกซ่อนอยู่ในตัวตนอันสง่างามของคุณหนูหลิ่วคนเก่า ทำให้ดูจืดชืดไปไม่น้อย
เดิมทีเข้าเมืองหลวงครานี้เขามีความคิดจะแต่งภรรยาแล้ว ตัวเลือกในใจก็คือแม่นางผู้ซุกซนที่ได้พบกันเมื่อปีก่อนนั่นเอง นี่มิใช่รักแรกพบอันใดที่เขาจะต้องแต่งด้วยให้ได้หรอก แต่ไรมาสตรีสำหรับเขาเป็นสิ่งที่จะมีหรือไม่มีก็ได้ แต่ในเมื่อสุดท้ายก็ต้องแต่งมาสักคน เช่นนั้นมิสู้เป็นหลิ่วเจียงฉยงผู้นี้แล้วกัน
ข้อแรกเขาจะได้ลงโทษความปากไวของนาง ข้อสองหลิ่วเมิ่งถังบิดานางก็มีฐานะมั่นคงในราชสำนัก ทั้งไม่ได้นั่งตำแหน่งสำคัญที่อ่อนไหวเช่นกรมทหาร มีพ่อตาผู้นี้คอยสนับสนุนอยู่ในราชสำนัก ย่อมจะส่งผลดียิ่งต่อเขาที่อยู่เจียงตง
แต่นึกไม่ถึงว่าสกุลหลิ่วจะเกิดเหตุพลิกผันถึงขั้นอุ้มบุตรสาวมาผิดคน หลิ่วเจียงฉยงกลับคืนสกุลชุยแล้ว เขาผู้เป็นถึงท่านอ๋องย่อมไม่มีเหตุผลใดที่จะแต่งบุตรสาวพ่อค้าในตำบลเล็กๆ ดังนั้นหนังสือสู่ขอที่เตรียมจะส่งไปยังสกุลหลิ่วจึงเป็นอันยกเลิกไป
แม้หลิ่วผิงชวนพยายามแสดงท่วงทีอันผ่าเผย ทว่าเพียงปราดเดียวเขาก็มองทะลุถึงท่าทางของคนตระกูลต่ำต้อยที่อยู่ในตัวตนของนาง ซึ่งนั่นชวนให้เขารู้สึกเอือมระอา ทั้งไม่รู้เพราะเหตุใดท่าทางนางจึงคล้ายหวาดกลัวเขายิ่งนัก ยามที่หลิ่วเจียงจวีคุณชายสกุลหลิ่วมอบหนังสือรวมบทกวีถึงมือของเขา นางถึงขั้นหน้าถอดสี
นี่สะกิดให้เขาสงสัยขึ้นมาตงิดๆ จึงพลิกมือเปิดอ่านดู นึกไม่ถึงกลับได้เห็นคำกลอนอันคุ้นเคยของคนที่รู้จัก ตามคำกล่าวของคนสกุลหลิ่ว นี่เป็นผลงานที่หลิ่วผิงชวนเพิ่งประพันธ์เร็วๆ นี้ ทว่าเขากลับบังเอิญได้ยินใครบางคนเคยท่องอยู่ริมท่าข้ามฟากของลานล่าสัตว์เมื่อปีที่แล้ว