ฉู่เสียคิดในใจ เมื่อครู่ที่ข้ารู้สึกว่าแม่นางน้อยผู้นี้เปลี่ยนเป็นคนวางเฉยแล้วนั้นช่างเป็นภาพลวงตาที่ผิดถนัด ความเจ้าเล่ห์ในคำพูดของนางยังคงเดิมไม่ลดทอน อุปนิสัยก็พยศดื้อรั้น มิน่าเล่า กลับไปสกุลชุยแล้วถึงปรับตัวได้รวดเร็ว ถึงขั้นถือไม้ตากผ้าไล่ตีบุรุษที่เลียบแม่น้ำได้ น่าขันที่เมื่อแรกข้ามีความคิดจะแต่งนาง ความประพฤติเยี่ยงนี้คู่ควรเป็นชายาเอกของจวนอ๋องที่ใดกัน
“ไม่รู้เจ้าติดขัดที่งานเสริมเหน็ดเหนื่อยไป หรือว่าเงินน้อยไป จึงอยากขึ้นค่าจ้างเพื่อซื้อหาขี้ผึ้งหอมมาบำรุงมือให้เรียบลื่นกันแน่” ฉู่เสียเลิกคิ้วถาม
ในเมื่อฉยงเหนียงเอ่ยประเด็นที่ต้องการแล้ว นางย่อมจะเม้มปากไม่โต้ตอบ
ขายาวของฉู่เสียเหยียดออก แผ่นหลังพิงหมอนอิงที่อยู่ด้านข้างก่อนจะเยาะหยัน “ไม่ดูเสียบ้างว่าเจ้าทำอาหารอันใดมา ยังมีหน้าเอ่ยปากขึ้นค่าจ้างอีก”
“รสชาติไม่ถูกต้องตรงที่ใด ขอท่านอ๋องได้โปรดชี้แนะ” พอฉยงเหนียงได้ยินวาจานี้ก็พลันเบิกตาโตราวลูกแมวที่ถูกเหยียบหาง ไม่เหมือนเมื่อครู่สักนิดที่นิ่งเฉยไม่ยินดียินร้ายแม้จะได้ยินว่าบทกลอนถูกขโมยไป
ฉู่เสียแค่นเสียงฮึอย่างเย็นชา “เพื่อให้สุกเร็วขึ้น เป็ดนี้ผ่าอกแล้วค่อยนึ่งกระมัง ไอน้ำชะกลิ่นหอมของฟางข้าวไปจนหมด ส่วนขนมนั่นก็พักแป้งไม่นานพอ กัดแล้วแข็งกระด้างอยู่บ้าง…ไม่ทราบว่าคุณหนูชุยเห็นข้าหลางอ๋องเป็นลูกค้าริมถนนที่หลอกได้ง่าย หรือว่าไม่พอใจที่หักเงินเจ้าไปชดใช้ค่ารถม้า”
นึกไม่ถึงเลยความคิดเล็กๆ ในใจนางจะถูกเขามองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง ยิ่งนึกไม่ถึงว่าท่านอ๋องผู้นี้จะเป็นนักกินขนานแท้ ถึงกับชิมออกว่าข้อบกพร่องอยู่ตรงที่ใด ทำให้ฉยงเหนียงพลันรู้สึกละอายจากใจจริง
ความจริงเมื่อครู่ตอนที่นางกินเองในครัวเล็กก็รู้สึกได้ว่ารสชาติยังมีที่ติอยู่ แต่เป็นเพราะความเกียจคร้านหละหลวมชั่วขณะหนึ่ง ทำให้ฝีมือที่ตนเตรียมจะใช้สร้างเนื้อสร้างตัวถึงกับล้มไม่เป็นท่าในจวนอ๋อง ซ้ำถูกผู้อื่นอบรมอีกด้วย ความรู้สึกอับอายนี้ช่างเหมือนตอนที่ถูกอาจารย์ในสำนักศึกษาหญิงตำหนิไม่มีผิด
รอจนฉู่เสียแจกแจงข้อเสียของอาหารเรียกน้ำย่อยจานเย็นนั้น ฉยงเหนียงก็รีบร้องว่า “ช้าก่อน” จากนั้นก็ฉวยกระดาษกับพู่กันที่วางอยู่ข้างโต๊ะหนังสือมาจุ่มน้ำหมึกจดสิ่งที่ต้องปรับปรุงลงไป ท่าทางอันจริงจังของนางทำให้ผู้ติเตียนหงุดหงิดอย่างห้ามไม่อยู่
ว่ากันเฉพาะเรื่องกฎระเบียบ ดูเหมือนแม่นางชุยผู้นี้จะยังปรับตัวกับฐานะใหม่ของตนเองมิได้ การกระทำเช่นคุณหนูตระกูลใหญ่ในอดีตจึงยังคงทิ้งร่องรอยให้เห็น
หากเป็นผู้อื่นล่ะก็ ลำพังพฤติกรรมที่อาจหาญหยิบกระดาษบนโต๊ะของฉู่เสียเช่นนี้ก็จะต้องถูกหักกระดูกนิ้วมือทั้งสิบ ทว่าพอคำต่อว่าเอ่อล้นขึ้นมาถึงริมฝีปาก เขากลับค่อยๆ กลืนมันลงไปเสียอย่างนั้น
ไม่รู้เพราะเหตุใดฉู่เสียจึงหักใจไม่ค่อยลงที่จะทำลายความสงบเงียบชั่วครู่ในห้องหนังสือแห่งนี้ คนงามดุจหยกสลักกำลังโน้มตัวอยู่เหนือโต๊ะ เส้นผมยาวปอยหนึ่งที่ไม่ถูกยึดด้วยปิ่นทิ้งตัวลงมาตรงหน้าอก แพขนตาที่งอนยาวของนางสั่นไหวนิดๆ ตามปลายพู่กันที่ขยับขึ้นลง
ความรู้สึกผิดปกติชนิดหนึ่งที่ห่างหายไปนานพลันท่วมท้นในหัวใจของเขา เฉกเช่นในวันฝนตกเมื่อหนึ่งปีก่อน ที่ท่าข้ามฟากริมแม่น้ำซึ่งปกคลุมไปด้วยหมอกฝน ยามเห็นคนงามกำลังมองเหม่อพลางยื่นนิ้วมือเรียวออกไปรองรับน้ำฝนที่หยดหยาด…
ตอนนี้เองก็มีคนมารายงานที่นอกห้องหนังสือ “เรียนท่านอ๋อง องค์หญิงยงหยางเสด็จมาอีกแล้วขอรับ องครักษ์ที่เฝ้าประตูขวางไว้ไม่อยู่ เมื่อครู่ทรงบุกเข้ามาถึงเรือนชั้นนอกแล้ว…”
ยังไม่ทันจะขาดคำ เสียงอันหวานหยดที่ตะโกนเรียกชื่อเล่นของหลางอ๋องก็ดังเข้ามาก่อน “พี่วั่งซาน! ดูบ่าวกำเริบที่ท่านเลี้ยงไว้พวกนี้สิ ถึงกับกล้าบังอาจมาขวางทางข้า!” พร้อมกับถ้อยคำเหล่านั้นหญิงสาวที่มุ่นมวยสูงสวมกระโปรงยาวผู้หนึ่งก็บุกรุกเข้าห้องหนังสือมาโดยตรง