เขาช้อนตาขึ้นมองเสิ่นหยวน
นางสวมเสื้อนอกตัวยาวผ่าหน้าที่ทำจากผ้าต่วนซ่อนลายสีขาวงาช้างกับกระโปรงจีบเล็กสีหยก
เท่าที่จำได้นางชอบสีสดใสฉูดฉาดอย่างชมพูดอกท้อ เขียวใบหลิว เหลืองลูกห่านเป็นที่สุด เคยเห็นนางใส่สีเรียบๆ สะอาดตาเช่นนี้เสียเมื่อไร มิหนำซ้ำทั้งตัวนางในตอนนี้ก็ดูสงบนิ่งเรียบเฉย มิได้ให้ความรู้สึกเย่อหยิ่งและเจ้าอารมณ์เช่นที่แล้วมา
เสิ่นหยวนเห็นเสิ่นหงมองนางใจลอยก็ยิ้มพลางถามเขาว่า “หงเอ๋อร์มองพี่เช่นนี้มีอะไรหรือไม่”
เสิ่นหงได้สติกลับมา พอสบเข้ากับสายตาเจือยิ้มของเสิ่นหยวนเขาก็ตอบอย่างติดอ่าง “พี่หญิงใหญ่…เปลี่ยนไปแล้ว”
เสิ่นหยวนเข้าใจความหมายของเขา จึงยิ้มก่อนพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ “ท่านแม่จากไปแล้ว ต่อไปจะไม่มีผู้ใดคิดเผื่อพวกเราเหมือนเมื่อก่อนอีก นิสัยของพี่อย่างไรก็ต้องเปลี่ยน” นางชะงักเล็กน้อยก่อนจะมองเสิ่นหงพลางพูดยิ้มๆ อีกว่า “ทว่าพี่ยังอยู่ ต่อไปพี่จะปกป้องเจ้าและเซียงเอ๋อร์อย่างเต็มที่”
ตอนเสิ่นหงได้ยินเสิ่นหยวนเอ่ยถึงมารดาสีหน้าก็หม่นลง ยามนี้พลันได้ยินเสิ่นหยวนพูดเช่นนี้ เขาก็ตกตะลึง เงยหน้ามองนาง
ทั้งสองคนนั่งอยู่ใกล้กัน มองเห็นเสิ่นหงมีท่าทางตกตะลึงเช่นนี้ เสิ่นหยวนจึงหันตัวเอื้อมมือไปกุมมือเขาไว้ ก่อนกล่าวเสียงนุ่ม “ก่อนท่านแม่สิ้นใจได้ทิ้งจดหมายไว้ให้พี่ฉบับหนึ่ง บอกให้ต่อจากนี้พี่ต้องดูแลเจ้ากับเซียงเอ๋อร์ให้ดี หงเอ๋อร์ เจ้าวางใจ แม้ตอนนี้ท่านแม่ไม่อยู่แล้ว แต่ตราบที่พี่ยังอยู่ ก็จะปกป้องเจ้าและเซียงเอ๋อร์ให้มั่นคงปลอดภัยได้แน่นอน”
เสิ่นหงต่างกับเสิ่นเซียง ในใจเขายังมีพี่สาวอย่างนางอยู่ อีกทั้งเดิมเขาก็เป็นเด็กความรู้สึกไว ถ้าจะเก็บซ่อนปิดบังเขา มิสู้พูดเรื่องเหล่านี้กับให้เขาชัดเจนไปเลยดีกว่า
เสิ่นหงซาบซึ้งใจตามคาด เขาพลิกมือกุมมือเสิ่นหยวนไว้แน่น น้ำตาคลอหน่วย
เสิ่นหยวนตบหลังมือเขาเบาๆ “ผ่านช่วงปีใหม่เจ้าก็อายุสิบสองแล้ว เอะอะก็ร้องไห้เช่นนี้ใช้ไม่ได้”
นางหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับน้ำตาให้เขา
นั่งได้อีกครู่หนึ่งเสิ่นหยวนก็บอกว่าตนเองยังมีธุระ ขอตัวไปก่อน อีกสองวันจะมาหาเสิ่นหงใหม่
เสิ่นหงได้ยินแล้วก็ลุกขึ้นยืน ท่าทำจะไปส่งนาง เสิ่นหยวนยกมือห้ามเขาไว้ ก่อนเอ่ยถามคล้ายไม่มีเจตนา “พี่จำได้ว่าเมื่อก่อนคนที่รับใช้ข้างกายเจ้าเป็นบ่าวชายนามกวนเฟิง ไฉนผู้ที่เปิดประตูเรือนให้ข้าเมื่อครู่นี้ถึงเป็นสาวใช้นามจื่อเซียวเสียเล่า เมื่อก่อนข้าเหมือนจะไม่เคยเห็นสาวใช้นางนี้อยู่ในบ้าน เหตุใดข้าจากไปได้ปีเดียว ในบ้านก็ซื้อสาวใช้ใหม่เข้ามามากเพียงนี้ แล้วกวนเฟิงไปอยู่ที่ใดแล้ว”
เสิ่นหงอธิบายต้นสายปลายเหตุให้เสิ่นหยวนฟังอย่างกระท่อนกระแท่น นางถึงได้รู้ว่าปีก่อนกวนเฟิงเกิดล้มป่วย เซวียอี๋เหนียงบอกว่าบ่าวไม่สบาย เกรงว่าจะทำให้เขาไม่สบายไปด้วยจึงไล่กวนเฟิงออกไป ต่อจากนั้นก็เลือกจื่อเซียวกับสาวใช้นามหงหลิงผู้นั้นมารับใช้เสิ่นหงที่เรือนเจ๋อหย่า
เสิ่นหยวนยิ้ม ฟังเสิ่นหงพูดจนจบแล้วก็ไม่พูดอะไร เพียงพาชิงเหอหมุนตัวเดินออกมา
ยามมาถึงหน้าประตูเรือนนางก็หันหน้ากลับไปมองเรือนด้านข้างที่เมื่อครู่จื่อเซียวเข้าไป
เป็นอย่างที่คิด นางมองเห็นเงาคนที่กำลังเกาะอยู่หลังหน้าต่างมองออกมาข้างนอกเพิ่งหดตัวหายไป
เสิ่นหยวนยิ้มเย็นในใจ
ชาตินี้ข้าจะปล่อยให้เซวียอี๋เหนียงส่งคนมาทำให้เสิ่นหงเสียคนเหมือนเมื่อชาติก่อนไม่ได้ สาวใช้นามจื่อเซียวและหงหลิงนี้ไม่อาจปล่อยให้อยู่ที่เรือนเจ๋อหย่าต่อไปได้เด็ดขาด