ขณะเสิ่นหยวนพาชิงเหอกลับมาถึงเรือนซู่อวี้ก็เห็นในลานเรือนมีพวกหีบ โต๊ะเก้าอี้ และฉากบังลมบานพับกองอยู่จำนวนมาก สวีมามา ไฉ่เวย และชิงจู๋กำลังกำชับบ่าวไพร่ให้เบามือเบาเท้าเวลาขน อย่ากระแทกจนของพัง
มองเห็นเสิ่นหยวนกลับมาแล้ว สวีมามาก็รีบเดินมากล่าวกับนาง “ตามคำสั่งของคุณหนู เมื่อวานกลับไปบ่าวก็จัดสินเจ้าสาวของฮูหยินทันที เมื่อครู่ถึงเพิ่งเรียกให้บ่าวไพร่ไปขนสินเจ้าสาวทั้งหมดของฮูหยินมาที่เรือนของท่าน โดยที่บ่าวเฝ้าด้วยตนเองเจ้าค่ะ”
ท่านตาเป็นขุนนางมือสะอาด เมื่อแรกที่มารดาออกเรือนจึงไม่ได้มีสินเจ้าสาวให้มากนัก ที่ดินหนึ่งแห่งกับร้านค้าสองแห่งก็ถึงขีดจำกัดแล้ว อย่างอื่นเพียงแค่หามาให้ครบสามสิบสองหาบเพื่อให้ดูสมเกียรติเท่านั้น
แต่ไม่ว่าอย่างไรต่อให้เป็นแค่หญ้าหนึ่งต้น นางก็ไม่อาจให้เซวียอี๋เหนียงมามีส่วนร่วมได้แม้สักกระผีกเดียว
เมื่อคืนเสิ่นหยวนสั่งไฉ่เวยไว้แล้วว่าวันนี้ให้นางเรียกสาวใช้ไปเก็บกวาดทำความสะอาดห้องว่างห้องหนึ่งไว้ใช้เก็บสินเจ้าสาวของมารดา ตอนนี้พวกเขาเหล่านั้นกำลังขนสินเจ้าสาวของมารดาเข้าไปไว้ในห้องนั้นอยู่
เสิ่นหยวนยืนมองอยู่ในลานเรือนได้ครู่หนึ่งก็เรียกสวีมามาให้ตามนางเข้าห้อง
หลังเข้ามาในห้องข้างฝั่งตะวันออกเสิ่นหยวนก็นั่งลงบนเตียงเตาไม้ใกล้หน้าต่าง ก่อนให้ชิงเหอยกม้านั่งกลมมาให้สวีมามานั่ง จากนั้นนางถึงค่อยเอ่ยปากถามเรื่องของแม่นมข้างกายเสิ่นเซียง
สวีมามาหยุดคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบ “แม่นมคนนี้ของคุณหนูสาม บ่าวจำได้ว่าฮูหยินซื้อตัวมาตอนที่ตั้งครรภ์คุณหนูสามได้ราวหกเดือน เวลานั้นเฝิงมามาบอกว่าสามีตาย บุตรชายยังไม่กี่เดือน เลี้ยงไม่ไหว เต็มใจขายตัวเข้ามาในจวนของเรา ฮูหยินเห็นนางน่าสงสารจึงใช้เงินซื้อนางไว้ ต่อมาเมื่อคลอดฮูหยินก็ให้นางเป็นแม่นมของคุณหนูสามเจ้าค่ะ”
เสิ่นหยวนคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนถามว่า “บุตรชายคนนั้นของเฝิงมามา ข้าจำได้ว่าดูเหมือนจะเป็นบ่าวชายประจำตัวพี่ใหญ่?”
“คุณหนูจำได้ไม่ผิด” สวีมามาตอบอย่างนอบน้อม “บุตรชายของเฝิงมามามีอีกชื่อว่าผิงอันเอ๋อร์ รับใช้อยู่ข้างกายคุณชายใหญ่เจ้าค่ะ”
บุตรชายของเฝิงมามาทำงานอยู่ใต้คำสั่งของบุตรชายเซวียอี๋เหนียง…
เสิ่นหยวนครุ่นคิดโดยไม่พูดอะไร ชั่วครู่ให้หลังถึงเอ่ยถาม “สวีมามา เฝิงมามาผู้นี้ท่านเห็นเป็นอย่างไร บอกมาตามจริง”
ภาพจำที่นางมีต่อเฝิงมามาผู้นั้นอย่างไรก็ไม่ค่อยดี ทว่าก็ยังอยากฟังความเห็นของสวีมามา
สวีมามาเองก็ตรงไปตรงมายิ่ง บอกออกมาตามตรง “ตามหลักแล้วบ่าวไม่ควรนินทาผู้ใดลับหลัง เพียงแต่เฝิงมามาผู้นี้ ตอนที่นางเพิ่งมาถึงจวนพวกเราก็ดูเป็นคนซื่อสัตย์เจียมตัวดี แต่ต่อมาไม่รู้เกิดอะไรถึงเริ่มแต่งตัวขึ้นมา ในคำพูดคำจาก็มีแววทะนงตน คุณหนูเองก็ทราบ พอฮูหยินคลอดคุณหนูสามได้ไม่นาน พวกเราก็แยกบ้านกับนายท่านใหญ่ ฮูหยินต้องดูแลเรื่องในบ้าน ยุ่งง่วนทั้งวัน ไม่มีเวลามาดูแลคุณหนูสาม จึงส่งคุณหนูสามให้เฝิงมามาเลี้ยง ทำให้คุณหนูสามติดเฝิงมามาเป็นที่สุด ฮูหยินเองก็เป็นคนใจดีมีเมตตา ให้เกียรตินางเป็นอันมาก แต่เฝิงมามาผู้นี้กลับไม่รู้จักสำนึกบุญคุณ วันๆ เอาแต่ถือตัวว่าเป็นแม่นมของคุณหนูสาม ชอบติชอบเตียน เวลาพูดจาก็ชอบยุแยงให้เกิดเรื่อง เป็นคนที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงอย่างที่สุด บ่าวเห็นนางขัดหูขัดตามานานแล้วเจ้าค่ะ”
เสิ่นหยวนฟังคำของสวีมามาจบก็ครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นก็กล่าวว่า “คงต้องรบกวนสวีมามาเรื่องหนึ่ง เฝิงมามาผู้นั้น เรื่องที่เกี่ยวกับนางและบุตรชายนาง สองวันนี้ท่านช่วยไปสืบแล้วมาบอกข้าที”
จะอย่างไรสวีมามาก็เป็นคนเก่าคนแก่ในจวน ถึงมารดาไม่อยู่แล้วจะทำให้มีฐานะในจวนไม่สู้เมื่อก่อน แต่ก็รู้จักคนมาก อยากสืบเรื่องอะไรย่อมง่ายดายกว่าผู้อื่น
สวีมามาตอบรับทันที เสิ่นหยวนจึงไม่พูดอะไรอีก เพียงคัดเลือกผ้าอย่างละเอียด ก่อนง่วนกับการวาดแบบลวดลาย ตั้งใจว่าจะเริ่มทำชุดกันหนาวให้เสิ่นเฉิงจาง เสิ่นเซียง และเสิ่นหง
ทว่าตกบ่ายก็มีขันทีน้อยมาจากในวัง บอกว่าเสียนเฟยให้เสิ่นหยวนเข้าวังไปพบในวันพรุ่งนี้
เพิ่งจะยื่นป้ายประจำตัวไปไม่ทันไร คิดไม่ถึงว่าจะได้รับการตอบกลับมาอย่างรวดเร็วเพียงนี้ แม้แต่เสิ่นหยวนยังรู้สึกเหนือความคาดหมาย นางให้ไฉ่เวยมอบเงินให้ขันทีน้อยผู้นั้นไปห้าตำลึง แล้วจึงเริ่มจัดเตรียมสิ่งของที่จะนำเข้าวังไปให้เสียนเฟยวันพรุ่งนี้