หลังเสิ่นเฉิงจางเลิกงานกลับมารู้เรื่องนี้ก็ให้คนเรียกเสิ่นหยวนมากำชับกำชาอย่างละเอียด
เขาแค่ไม่วางใจเท่านั้น เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นถึงเสียนเฟยในวังหลวง แต่พอเห็นเสิ่นหยวนในตอนนี้มีท่าทางเยือกเย็นสงบนิ่ง เสิ่นเฉิงจางก็พลันรู้สึกว่าบุตรสาวคนโตคนนี้ของเขารู้ความแล้วจริงๆ
เซวียอี๋เหนียงก็อยู่ด้วย เห็นเสิ่นเฉิงจางมีแววพออกพอใจต่อเสิ่นหยวนอย่างไม่ปิดบัง แม้ใบหน้านางจะยังมีรอยยิ้มบางๆ อ่อนหวานอยู่ตลอด แต่ผ้าเช็ดหน้าสีฟ้าทะเลสาบกลับใกล้จะถูกสองมือที่กำแน่นของนางขยำจนขาดแล้ว
เสิ่นหยวนในตอนนี้ได้รับความสำคัญจากเสิ่นเฉิงจางจริงๆ เรื่องนี้มิใช่เรื่องดีสำหรับนาง อีกทั้งเบื้องหลังเสิ่นหยวนยังมีท่านตาและท่านป้าที่เป็นถึงเสียนเฟยอยู่อีก
ที่สำคัญที่สุดคือเซวียอี๋เหนียงมีความรู้สึกอย่างหนึ่งว่าเสิ่นหยวนกลับมาคราวนี้มีการเตรียมตัวมา การดำรงอยู่ของเสิ่นหยวนเป็นไปได้มากว่าภายหน้าจะเป็นภัยคุกคามมาถึงนาง…
อย่างไรเสียอิสตรีก็ต้องแต่งงาน เซวียอี๋เหนียงคิดในใจอย่างเย็นเยียบ ขอแค่ให้เสิ่นหยวนแต่งออกไปได้ ถึงเวลานั้นอีกฝ่ายยังจะสอดมือยุ่งเรื่องในจวนสกุลเสิ่นนี้ได้อีกหรือ ก็ทำได้แค่ดูอยู่เฉยๆ เท่านั้น
ด้วยเหตุนี้หลังเสิ่นหยวนเดินออกไปแล้ว เซวียอี๋เหนียงจึงยิ้มกล่าวกับเสิ่นเฉิงจาง “คุณหนูใหญ่ตอนนี้เป็นเช่นนี้ ผู้น้อยเห็นแล้วรู้สึกดีโดยแท้”
เสิ่นเฉิงจางเองก็พูดคล้อยตามยิ้มๆ “หยวนเจี่ยไปฉางโจวเที่ยวนี้กลับมาก็เรียบร้อย รู้มารยาทอย่างมาก ข้าเห็นแล้วรู้สึกปลาบปลื้มเช่นกัน”
เซวียอี๋เหนียงยิ้มฟังเขาพูดจนจบ จากนั้นก็กล่าวว่า “ผู้น้อยจำได้ว่าคุณหนูใหญ่เกิดเดือนสิบ เพิ่งจะปักปิ่นได้ไม่นานเองนะเจ้าคะ”
เสิ่นเฉิงจางพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไร
พิธีปักปิ่นเป็นเรื่องใหญ่ แต่เสิ่นหยวนผ่านการปักปิ่นแล้ว เสิ่นเฉิงจางกลับไม่ได้ส่งจดหมายไปสักฉบับ นับประสากับส่งของขวัญไปให้
เขาได้ยินเซวียอี๋เหนียงพูดเสียงนุ่มอีกว่า “แม้กล่าวว่ายังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ให้ฮูหยิน แต่จะอย่างไรคุณหนูใหญ่ก็อายุไม่น้อยแล้ว เรื่องแต่งงาน นายท่านก็ควรให้ความสนใจสักหน่อย ยังคงต้องหาคู่หมายที่ถูกใจให้คุณหนูใหญ่สักคนเจ้าค่ะ”
ได้ยินเซวียอี๋เหนียงเอ่ยถึงเรื่องแต่งงานของเสิ่นหยวน เสิ่นเฉิงจางก็นึกถึงเรื่องเสิ่นหยวนกับหลี่ซิวหยวนขึ้นมา ทว่าเสิ่นหยวนกลับมาคราวนี้มิได้เอ่ยถึงหลี่ซิวหยวนอีกแม้แต่คำเดียว คิดว่าในใจนางคงจะปล่อยวางได้นานแล้ว
เช่นนั้นก็ดี สกุลหลี่เองก็ไม่เข้าตาเขา ต้องหาตระกูลที่เหมาะสม ภายหน้าสามารถช่วยส่งเสริมการงานของเขาถึงจะใช้ได้
แม้ตอนนี้เขาจะเป็นรองเสนาบดีกองงานไท่ฉาง แต่กองงานไท่ฉางไม่ได้มีอำนาจจริงอะไร ตอนนี้เขาก็ยังอายุไม่มาก อย่างไรก็ยังอยากก้าวหน้าขึ้นไปอีก จะดีที่สุดหากสามารถเข้าไปทำงานในหน่วยงานสำคัญที่มีอำนาจจริงอย่างหกกรมได้
ด้วยเหตุนี้เสิ่นเฉิงจางจึงพยักหน้า “เรื่องนี้ข้าย่อมให้ความสนใจ”
เซวียอี๋เหนียงได้ยินแล้วรอยยิ้มบนใบหน้าก็ยิ่งอ่อนหวาน