เสี่ยวเอ้อร์หยุดฝีเท้าลง ยกมือผลักเปิดประตูฉลุลายสองบานตรงหน้า ก่อนจะเอ่ยว่า “แม่นางดูสิขอรับ นี่ก็คือห้องที่ท่าน…”
ยังพูดไม่ทันจบคำก็เห็นว่าข้างโต๊ะกลมในห้องมีคนผู้หนึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้ว
รูปร่างสูงใหญ่ผึ่งผาย ถึงจะเป็นเพียงด้านหลัง แต่คนก็มองออกได้ถึงบุคลิกอันสุขุมหนักแน่นดั่งห้วงน้ำลึก ขุนเขาตระหง่าน
ได้ยินเสียงเปิดประตูคนผู้นั้นก็หันหน้ามามอง
เสิ่นหยวนเห็นเขาแล้วก็ตกใจยกใหญ่
ไฉนจึงเป็นหลี่ซิวเหยา เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร!
เสี่ยวเอ้อร์เองก็ตกใจมากเช่นกัน เอ่ยถามหลี่ซิวเหยาอย่างอึกๆ อักๆ “ทะ…ท่านเป็นผู้ใด ไฉน…ไฉนจึง…”
สายตาของหลี่ซิวเหยาวนเวียนอยู่บนใบหน้าเสิ่นหยวนก่อน จากนั้นถึงเลื่อนไปตกบนใบหน้าเสี่ยวเอ้อร์
แม้เขาไม่ได้พูดอะไร แต่สายตาเยือกเย็นคมกริบก็ทำให้เสี่ยวเอ้อร์ผู้นั้นตกใจจนกลืนถ้อยคำที่อยากพูดกลับลงท้องตามเดิมทั้งหมดทันที
เวลานี้เสี่ยวเอ้อร์อีกคนก็ยกถาดกลมสีแดงที่มีของว่างแกล้มชาสามอย่างวางอยู่เดินมา ครั้นเห็นเสี่ยวเอ้อร์ผู้นั้นก็เอ่ยถามว่า “เจ้ามาทำอะไรตรงนี้ ข้าจำได้ว่าห้องนี้มิได้อยู่ในการดูแลของเจ้า”
หอสุรามีห้องส่วนตัวจำนวนมาก เสี่ยวเอ้อร์คนเดียวย่อมดูแลไม่ไหว ดังนั้นแต่ละคนจึงแบ่งห้องกันดูแล เช่นนี้จะได้ไม่สับสน
เสี่ยวเอ้อร์ที่ดูแลเสิ่นหยวนจึงกล่าวว่า “ข้าจะไปรู้รึ เหล่าจางบอกว่าห้องนี้ยังว่าง ก็เลยรับจองให้แม่นางท่านนี้ แต่ไปหาตัวเจ้าเสียทั่วกลับหาไม่เจอ จึงให้ข้านำทางนางมา แล้วไฉน…ไฉนพอข้ามาก็เห็น…”
เขาพูด ตาก็มองไปทางหลี่ซิวเหยา เขาเองก็ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงรู้สึกว่าคนที่นั่งอยู่ในห้องนั้นน่ากลัวยิ่ง แค่ถูกมองแวบเดียวก็รู้สึกเหมือนในใจถูกกดทับจนใกล้จะหายใจไม่ออก
เวลานี้เองเสี่ยวเอ้อร์ที่ถือถาดกลมสีแดงอยู่ก็พูดว่า “เหล่าจางถูกผู้ใดทำให้เลอะเลือนเข้าแล้วหรือ ห้องนี้ถูกคุณชายท่านนี้จองไว้ก่อนแล้วแท้ๆ ซ้ำยังเป็นเขาบอกข้าเองด้วย ไฉนตอนนี้กลับไปรับจองให้แม่นางท่านนี้ได้”
เสี่ยวเอ้อร์ผู้นั้นพูดจาออกจะหยาบคายไปสักหน่อย เสิ่นหยวนจึงเบือนหน้าหนีไปมองโถงใหญ่ชั้นล่าง ส่วนไฉ่เวยก็พ่นเสียงออกจากปากเบาๆ สายตาที่หลี่ซิวเหยามองเขามีประกายเย็นยะเยือกอยู่เล็กน้อยแล้ว
เสี่ยวเอ้อร์ผู้นั้นเห็นแล้วก็รู้สึกเย็นวาบในใจ มือไม้เริ่มอ่อนโดยไม่รู้ตัว แทบจะถือถาดในมือได้ไม่มั่งคง
ทว่าพอเขาพูดเช่นนี้ คนทั้งหลายในที่นี้ก็ล้วนเข้าใจแล้วว่านี่เป็นเรื่องอะไร
คิดว่าคงเพราะยุ่งจนสับสน คนตรงโต๊ะเก็บเงินถึงคิดว่ายังเหลือห้องส่วนตัวอยู่ห้องสุดท้าย จึงให้เสิ่นหยวนจอง แต่คิดไม่ถึงว่าห้องนี้จะถูกคนจองไว้ก่อนแล้ว และผู้ที่จองก็คือหลี่ซิวเหยา
ที่แท้ก็เป็นเพียงความเข้าใจผิด เสิ่นหยวนคิดในใจ แต่เหตุใดคู่กรณีต้องเป็นหลี่ซิวเหยาด้วย
ยามนี้หลี่ซิวเหยาได้ยืนขึ้นแล้ว เขาผงกศีรษะพยักหน้าให้เสิ่นหยวนก่อนเอ่ยเรียก “แม่นางเสิ่น”
เสิ่นหยวนหมดทางเลือก ได้แต่ยอบตัวคารวะ ก้มหน้าหลุบตาพลางเอ่ยเรียก “คุณชายหลี่”
จะว่าไปตั้งแต่จากกันที่ท่าเรือก็เพิ่งผ่านมาเพียงสองวัน ไยต้องได้เจอเขาเร็วปานนี้ด้วย
เสิ่นหยวนหงุดหงิดใจยิ่ง ถ้ารู้ก่อนว่าจะเป็นเช่นนี้ เมื่อครู่นั่งรอให้รถม้าของที่จวนมารับนางอยู่ที่โถงใหญ่ชั้นล่างยังดีกว่า
แม้นางจะก้มหน้าอยู่ แต่หูกลับได้ยินเสียงเย็นชาของหลี่ซิวเหยาดังขึ้นอย่างไม่เร็วไม่ช้า “ในเมื่อเป็นความเข้าใจผิด แม่นางเสิ่นเข้ามานั่งด้วยกันก็ได้”
เสิ่นหยวนคิดไม่ถึงว่าหลี่ซิวเหยาจะเป็นฝ่ายเชิญนางไปนั่งด้วยกัน นางให้ตระหนกตกใจ เงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างอดไม่ได้
ผลคือสายตาปะทะเข้ากับนัยน์ตาดำล้ำลึกของเขา