ฉู่เสียใช้ผ้าเช็ดปากก่อนเอ่ยต่อ “กลิ่นดินฉุนเกินไป ควรขจัดออกบ้าง”
ฉยงเหนียงฟังจนงุนงงไปอีกหน “ท่านอ๋อง ปลาดอกกุ้ยจะมีกลิ่นดินจากที่ใดกันเจ้าคะ”
ฉู่เสียเดินทอดน่องมาถึงตรงหน้านาง สายตาพิจารณาชุดกระโปรงของนางพลางกล่าว “ข้าหมายถึงเสื้อผ้าของเจ้าชุดนี้มีกลิ่นดินของคนธรรมดาอย่างเต็มเปี่ยม ดูแล้วขัดตายิ่ง”
ฉยงเหนียงรู้สึกว่าเมื่อครู่ท่านอ๋องผู้นี้ต้องกินอิ่มมากเป็นแน่ ถึงขั้นมีแรงมาจุ้นจ้านเรื่องชุดแต่งกายของนาง นางจึงถือโอกาสพูดคล้อยตามในทันที “ข้าน้อยทราบแล้ว วันหน้าจะไม่มาปรากฏตัวเบื้องหน้าท่านอ๋องให้รกตาอีกเด็ดขาด”
ฉู่เสียใช้มือข้างเดียวคว้าข้อมือที่ขาวผ่องของฉยงเหนียงแล้วพลันดึงนางขึ้นมาแนบอก ค่อยเอ่ยเสียงเย็น “ข้าหลางอ๋องไม่ใช่เพื่อนบ้านในตลาดของเจ้า อย่าคิดตีฝีปากกับข้า อีกประเดี๋ยวย่อมมีคนนำชุดกระโปรงไปให้เจ้า เจ้าจงเลือกชุดที่ชอบเอาไว้ พรุ่งนี้ใส่ตามข้าเข้าวัง”
ถูกบุรุษที่ไม่ใช่สามีกอดเข้าสู่อ้อมอกเช่นนี้ ฉยงเหนียงอึดอัดเพียงใดย่อมไม่ต้องเอ่ยถึง นางไม่อาจข่มกลั้นได้อีกต่อไป จึงเงื้อมืออีกข้างหมายจะตบหน้าเขาหนึ่งฉาด แต่กลับถูกเขายับยั้งอย่างง่ายดาย
ฉู่เสียเลิกคิ้วถาม “เงื้อมือขึ้นมาจะทำอะไรรึ ชักจะขวัญกล้าแล้วกระมัง”
หากตอนนี้ฉยงเหนียงเอ่ยปาก เป็นต้องทักทายไปถึงโคตรเหง้าห้ารุ่นของฉู่เสียแน่นอน เช่นนั้นย่อมไปยั่วโทสะท่านอ๋องอันธพาลผู้นี้ บิดามารดาตนมิต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วยหรือ นางจึงได้แต่เจ็บใจขบริมฝีปากไม่พูดจา
ฉู่เสียชื่นชมดวงหน้าที่แดงซ่านยามโกรธของนางจนพอใจแล้วค่อยเอ่ยอย่างเนิบช้า “หัวหน้าพ่อครัวหลวงถึงวัยเกษียณกำลังจะลากลับภูมิลำเนา เขาคุมห้องเครื่องในวังหลวงมานานปีย่อมมีประสบการณ์มากมาย เมื่อก่อนตอนที่ข้าอยู่ในวังเป็นเพื่อนเรียนของเหล่าองค์ชาย อาหารที่ชอบที่สุดก็เป็นอาหารจากฝีมือของเขา ข้าอยากพาเจ้าเข้าวังไปดูว่าจะพบเขาสักครั้งได้หรือไม่ เจ้าจะได้ฝึกฝีมือเพิ่ม และไม่ทำผิดต่อลิ้นของข้าอีก”
ฉยงเหนียงถูกเขายึดกุมมือทั้งสองไว้จนไม่อาจสลัดหลุด จึงจำต้องฝืนข่มเพลิงโทสะก่อนกล่าว “เมื่อครู่ท่านอ๋องกินอาหารลงไปมาก ตอนนี้พูดมากเพียงนี้ระวังจะมวนท้องเอานะเจ้าคะ ข้าน้อยขอตัวไปเลือกเสื้อผ้าขจัดกลิ่นดินออกก่อน รับรองจะไม่ทำให้จวนหลางอ๋องต้องอับอายขายหน้าผู้อื่น”
มือเล็กคู่นั้นเนียนลื่นดุจเคลือบไข ยามถูกกุมอยู่ในมือใหญ่ให้สัมผัสอันนิ่มนวล ฉู่เสียเพิ่งจะรู้ซึ้งว่าอันใดคือนุ่มราวไร้กระดูก จึงคลึงเคล้นอีกสักหน่อยค่อยคลายมือ
รอจนฉยงเหนียงกลับถึงห้องของตน อาภรณ์หลากสีเต็มหนึ่งหีบก็ถูกส่งมาแล้ว ปิ่นมุกที่เข้าคู่กับเครื่องแต่งกายรวมถึงแป้งชาดก็ล้วนไม่มีขาดตกบกพร่อง
เมี่ยวหลิงอาศัยอยู่ในเขตเรือนเดียวกับฉยงเหนียง เพียงแต่พักอยู่ที่ห้องปีกด้านข้าง เมื่อครู่เห็นข้ารับใช้ยกอาภรณ์เครื่องประดับอันงามวิจิตรเข้ามาก็รู้สึกอิจฉาตาร้อนยิ่งนัก นางนั่งอยู่ริมหน้าต่างที่เปิดอ้าพลางจงใจพูดกระแหนะกระแหน “หากไม่รู้ที่มาที่ไป คงนึกว่าจวนอ๋องของพวกเรามีนางบำเรอเลื่อนฐานะขึ้นมาใหม่อีกคนแล้ว มีความสามารถเยี่ยงนี้ยังจะมัวทำอาหารอะไรอยู่เล่า เปลื้องผ้าผ่อนให้เปลือยเปล่าแล้วปีนขึ้นเตียงผู้สูงศักดิ์เสียเลยไม่ประหยัดแรงกว่าหรือไร”
หากนินทาเรื่องอื่นฉยงเหนียงยังพออดทนได้ ทว่าเอาความบริสุทธิ์ของนางมาพูดอย่างสนุกปากเช่นนี้ นางไหนเลยจะข่มทนไหว ดังนั้นจึงพลันหมุนตัวเดินมาถึงหน้าห้องของเมี่ยวหลิงแล้วยกเท้าถีบเปิดประตูห้องทันที
เมี่ยวหลิงเห็นฉยงเหนียงรูปร่างอ้อนแอ้น อุปนิสัยก็น่าจะสุภาพอ่อนโยน ถูกตนพูดตีวัวกระทบคราดเช่นนี้ อีกฝ่ายก็มีแต่กล้ำกลืนฝืนทนเท่านั้นเอง เมี่ยวหลิงไม่คาดคิดสักนิดว่าอีกฝ่ายจะยกเท้าถีบเปิดประตู บุกตรงเข้ามากระชากเส้นผมแล้วดึงตนลงมาบนพื้น
เมี่ยวหลิงอุทานร้องเจ็บ ยังไม่ทันได้ตะเบ็งเสียงก็ถูกฉยงเหนียงกดร่างแล้วตบตีทันที