“เอายังไงดีพี่โอ่ง”
“ข้างหลังออกไม่ได้แล้ว”
คนร้ายสองคนกระซิบกันเบาๆ หน้าประตูหลังของธนาคาร แผนที่วางไว้ตั้งแต่แรกดูเหมือนถูกทำลายลงไปแล้วด้วยฝีมือของวิญญู หากจะดึงดันทำตามแผนเดิมให้ได้ จุดจบของพวกเขาก็คงเป็นพื้นแฉะๆ ในตลาดเป็นแน่ คนที่ถูกเรียกว่า ‘โอ่ง’ กระชับปืนในมือแน่น เขาสั่งให้มัดผู้จัดการสาขาซึ่งอยู่ติดกับสุภาพสตรีคนที่เขาคิดจะพาไปเป็นตัวประกัน ในสมองพยายามคิดหาทางออกให้ตัวเองอย่างเร็วจี๋
“ถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้เราจะไม่รอดนะ ตำรวจไม่ชอบหรอกที่มีตัวประกันอยู่ในนี้”
“กูรู้น่า” เขาเอ็ดลูกน้องเสียงแข็ง “ถ้ามันโทรมาอีก เราจะเจรจา”
“พี่จะเจรจาว่าไง”
“เราจะยอมปล่อยคนเจ็บไปหนึ่งคนแลกกับรถเพื่อหนี”
“แล้วพะ…”
โอ่งตวัดสายตามามองแล้วพูดเสียงเข้ม “ให้ได้รถมาก่อนแล้วค่อยคิดหาทางออก”
คนฟังพยักหน้ารับอย่างจำใจ เพราะเขาเองก็ยังไม่เห็นทางรอดอย่างปลอดภัย ตอนนี้จึงจำเป็นต้องไว้ใจคนที่เป็นหัวหน้า
“มึงลองขึ้นไปสำรวจชั้นสองของตึกหน่อยสิ เผื่อจะมีทางหนีที่ดีกว่าทางนี้อีกทาง”
“ได้พี่”
คนเป็นลูกน้องรีบพุ่งไปที่บันไดซึ่งทอดตัวอยู่ด้านข้างผนัง ส่วนโอ่งเบนความสนใจไปที่ตัวประกันของเขาอีกครั้ง ถึงอย่างไรเขาก็ไม่สามารถปล่อยทุกคนให้เป็นอิสระได้ เพราะนั่นหมายความว่าความปลอดภัยของตัวเขาจะเป็นศูนย์
“อะฮ้า…ออกมาแล้ว น่าจะใช่ๆ”
ปารุสก์ยิ้มออกมาได้นิดหนึ่งก่อนที่จะถูกถวิลจับหัวไหล่แน่น
“อะไร ไหน เห็นคนร้ายแล้วเหรอ”
ปารุสก์ปัดมือของผู้จัดการเขตออกจากไหล่แล้วพูดเสียงเข้ม “วงจรปิดในธนาคารครับท่าน ผมต้องการดูภาพกล้องวงจรปิดในธนาคาร”
ถวิลถอยกลับไปนั่งที่เก้าอี้ก่อนตอบ “เอ่อ ผมพยายามติดต่อคนของสำนักงานใหญ่แล้ว แต่มันค่อนข้างยุ่งยาก…”
“เอาชื่อและเบอร์โทรศัพท์มา ผมจัดการเอง”
ถวิลช่างเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างเหมาะสมเอาเสียเลย แต่อีกใจปารุสก์ก็นึกสงสารว่าเขาคงไม่ได้พบโจรปล้นธนาคารบ่อยนักในชีวิตประจำวัน ไม่เหมือนตนที่ทำงานกับอาชญากรอยู่ทุกวัน มือของถวิลสั่นเทาในขณะที่ส่งโทรศัพท์มือถือของตนมาให้
ปารุสก์ไม่ได้ใช้โทรศัพท์ของผู้จัดการเขตโทรไปหาคนของสำนักงานใหญ่ แต่เขากลับใช้หมายเลขเฉพาะของหน่วย NIC เพื่อติดต่อสื่อสาร เพราะหมายเลขนี้จะมีการบันทึกบทสนทนาไว้ด้วยทุกครั้ง เสียงสัญญาณรอสายดังต่อเนื่องอยู่พักใหญ่จึงมีคนรับสาย
“สวัสดีค่ะ ฝ่ายไอทีของ…”
“ผมโทรจากพื้นที่เกิดเหตุ มีคนร้ายบุกปล้นธนาคารของคุณ สาขาหน้าโรงเรียนอนุบาลลูกขวัญ มันจับตัวประกันซึ่งเป็นพนักงานกับลูกค้าไว้ประมาณสิบชีวิต”
“อะ…อะไรนะคะ”
“ขอสายคนที่มีอำนาจในการเข้าถึงกล้องวงจรปิดของธนาคารด้วยครับ ความช่วยเหลือของพวกคุณจะทำให้ชีวิตของคนข้างในปลอดภัย ยิ่งช้ายิ่งมีความเสี่ยง”
“คือ…เอ่อ…ฉันจะตามผู้จัดการให้เดี๋ยวนี้ค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
หูของปารุสก์รอสายในขณะที่มือก็พยายามล็อกภาพบุคคลต้องสงสัยในวงจรปิดที่ได้มาก่อนหน้านี้ด้วย เขารอไม่นานก็มีน้ำเสียงตื่นตระหนกติดต่อเข้ามาในสาย
“ผมเป็นผู้จัดการฝ่ายไอทีครับ”
“ครับ ผมปารุสก์ ผู้ช่วยฝ่ายไอทีของหน่วย NIC ขณะนี้ตำรวจกำลังอยู่ในพื้นที่เกิดเหตุ ผมต้องการภาพจากกล้องวงจรปิดภายในธนาคารเมื่อสองชั่วโมงก่อนจนถึงปัจจุบัน มีวิธีการไหนบ้างที่ผมจะเข้าถึงข้อมูลตรงส่วนนั้นครับ”
“ดะ…ได้ครับ ผมต้องตามตัวคนดูแลระบบมาก่อน”
“ขอบคุณครับ ด่วนเลยนะครับ กรุณาจดหมายเลขติดต่อกลับด้วยครับ”
“ครับๆ”
ปารุสก์ทวนหมายเลขโทรศัพท์ที่สามารถติตต่อมายังรถเคลื่อนที่ของ NIC ได้โดยตรงให้แก่ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศของธนาคาร แล้วหันมามองถวิลอีกครั้ง
“ได้ข้อมูลพนักงานรึยังครับ”
“เออ ดะ…ได้ตำแหน่ง แต่ยังไม่ได้รายชื่อครบ”
“ก็ยังดี บอกมาเลยครับ” เขาหันกลับไปที่จอคอมพิวเตอร์เพื่อรวบรวมข้อมูลไว้ในที่เดียวกัน
“ผู้จัดการสาขาหนึ่งคน” ถวิลพยายามดึงสมาธิของตนมายังคำตอบที่ได้คุยกับแผนกบุคคลของสำนักงานใหญ่ไปเมื่อครู่ “ผู้ช่วยผู้จัดการสาขาอีกหนึ่ง พนักงานหน้าเคาน์เตอร์สาม เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหนึ่ง แล้วแม่บ้านอีกหนึ่ง รวมเป็นเจ็ดคน”
“ผู้ชายกี่คน”
“เอ่อ น่าจะสองหรือสาม”
“เอาให้แน่ครับ ตอนนี้เรารู้ว่าผู้จัดการสาขาเป็นผู้ชายแน่ เพราะเขาเพิ่งคุยกับหัวหน้าผมทางโทรศัพท์ แล้วพนักงานคนอื่นมีผู้ชายกี่คน ผู้หญิงกี่คน”
“ผมต้องรอให้แผนกบุคคลส่งรายชื่อกับประวัติที่คุณขอมาให้ก่อน แต่คุณก็รู้นี่ว่าพนักงานของธนาคารมีเป็นพันคน ก็ต้องใช้เวลารวบรวมข้อมูล” ถวิลพูดอย่างร้อนรน
“รับทราบ ถ้าอย่างนั้นท่านรอข้อมูลไปก่อน ได้เมื่อไรกรุณาแจ้งทันทีนะครับ ผมจะได้ตามส่วนอื่นต่อ”
ถวิลอดรู้สึกว่าถูกเด็กรุ่นหลังกดขี่ข่มเหงไม่ได้ เพราะเขาเป็นผู้บริหารระดับสูงซึ่งเคยชินกับการที่ทุกคนต้องเอารายงานมานำเสนอ เมื่อเป็นฝ่ายถูกจี้ให้ต้องทำงานเสียเองจึงรู้สึกแปลกและจับต้นชนปลายไม่ถูก อีโก้ส่วนตัวเกิดขึ้นวูบวาบจนนึกอยากจะเรียกผู้ช่วยให้เข้ามาในรถตู้นี้ด้วย แต่อาสดาบอกเขาไว้ก่อนหน้านี้ว่าห้ามให้บุคคลอื่นเข้า