โปรแกรมนี้เป็นโปรแกรมที่ปารุสก์พัฒนาขึ้นมาใช้เอง มันสามารถบอกความเหมือนหรือความคล้ายของลายนิ้วมือออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์ได้ด้วย เพียงแต่ต้องใช้เวลานานสักหน่อยกับการเทียบเคียงกับประชาชนทั้งประเทศ ปารุสก์จึงใช้วิธีกะประมาณอายุของคนร้ายคร่าวๆ แล้วลองสุ่มกลุ่มประชาชนที่มีอายุใกล้เคียงกันขึ้นมาก่อนเป็นกลุ่มแรก จากนั้นก็ปล่อยให้คอมพิวเตอร์ทำงานของมันไป ส่วนเขากลับมาสนใจผลการตรวจร่างกายของอิ๋วต่อ
“ท้องจริงด้วยนะ” ปารุสก์รำพึง “แต่ชื่อกับที่อยู่ที่ให้ไว้นี่ของปลอมหมดเลย ไม่มีคนชื่อนี้ ที่อยู่นี้ในทะเบียนราษฎร์เลย”
หัสยุทธถือแก้วกาแฟเดินกลับมาที่โต๊ะทำงานของปารุสก์ “นั่นคือข้อเสียแรกของการมองไม่ออกว่าเธอคือนกต่อไม่ใช่ผู้เสียหาย เมื่อเรามองว่าเป็นมิตร เราก็จะไม่รอบคอบในการซักประวัติของเธอ ถ้าอย่างนั้นในส่วนของผู้หญิงคงต้องใช้วิธีสแกนใบหน้าแล้วเทียบเคียงกับรูปจากบัตรประชาชน คงเสียเวลากว่าการหาตัวตนของคนร้ายสองคนเยอะเลย”
“ใช่ครับ”
…ติ๊ง…
โปรแกรมหยุดภาพลายนิ้วมือไว้ที่ภาพหนึ่งพร้อมกับตัวเลขร้อยเปอร์เซ็นต์ ปารุสก์หันไปมองหน้าจอนั้นแล้วยิ้ม
“มาแล้วหนึ่ง เร็วกว่าที่คิดแฮะ” เขาขยับไปจัดการกับหน้าจอนั้นก่อน “เอาล่ะ ไหนดูซิ แกชื่ออะไร…นายวัลลภ ผลพยัคฆ์ เกิดวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ.2532 เลือดกรุ๊ปโอ บ้านเลขที่…”
ปารุสก์อ่านข้อมูลที่ได้นั้นให้หัสยุทธฟัง
“หาประวัติต่อซิ” เขาสั่ง
“ได้เลยเจ้านาย” ปารุสก์ทำงานอย่างมีความสุขเมื่อข้อมูลเริ่มไหลเข้าสู่คอมพิวเตอร์เขาเรื่อยๆ ชายหนุ่มนำชื่อ นามสกุล และวันเกิดของนายวัลลภเข้าโปรแกรมอาชญากรรมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่นานเขาก็พบสิ่งที่ต้องการหา “โห เมื่อสิบปีก่อนเคยถูกจับเพราะแว้นบนถนนหลวงครั้งแรกครับ รับโทษแค่ตักเตือน ครั้งที่สองถูกปรับ ครั้งที่สามโดนยึดรถ เอ๋ ทำไมผู้ปกครองที่มาเซ็นรับทราบพฤติกรรมนี่แทบจะไม่ซ้ำกันเลย นามสกุลก็ไม่เหมือนกันครับ”
“ไหนขอดูซิ”
ปารุสก์ขยับเก้าอี้ออกเพื่อให้หัสยุทธเข้าไปแทนที่ นายตำรวจผู้เป็นเจ้านายเริ่มอ่านประวัติของวัลลภ
“ขอดูใบเกิดหน่อย”
“ได้ครับ แป๊บนึง”
ที่คอมพิวเตอร์อีกตัว เลขประจำตัวประชาชนถูกคีย์เข้าไปในโปรแกรมเพื่อเรียกใบเกิดของนายวัลลภขึ้นมาดู แล้วชื่อของผู้ปกครองก็เป็นอีกชื่อที่ไม่ซ้ำกับคนก่อนหน้านั้นเลย หัสยุทธกำลังสนใจสิ่งนี้
“ประวัติเหมือนเด็กบ้านแตก อย่างนี้อาจเคยอยู่ในสถานสงเคราะห์นะ นายพอจะหาได้ไหม”
“อันนี้ยากหน่อยครับ เพราะข้อมูลที่ผมมีไม่ถึงยี่สิบปีย้อนหลัง”
หัสยุทธพยักหน้าอย่างเข้าใจ ปารุสก์เป็นนักเก็บข้อมูลก็จริง แต่บางอย่างมันก็เกินเอื้อมที่จะหาข้อมูลมาบันทึกรวมกันไว้
“แต่ที่อยู่สุดท้ายน่าจะพอบอกอะไรเราได้นะเจ้านาย ผมเก็บไว้ก่อน”
“ได้”
แล้วจู่ๆ โปรแกรมการค้นหาลายนิ้วมือก็สะดุดอีกครั้ง คราวนี้เป็นของคนร้ายที่เสียชีวิตเป็นคนแรกในที่เกิดเหตุ ปารุสก์รีบเรียกข้อมูลขึ้นมาเหมือนอย่างที่ทำกับประวัติของโอ่ง
“เออ เนื้อคู่โว้ย สงสัยเจอกันในงานแว้น” ประวัติอาชญากรรมของตุ่นไม่ต่างกับโอ่งนัก พวกเขาถูกจับเพราะซิ่งรถ แต่ตุ่นถูกเพิ่มประวัติการสูบกัญชามาด้วย “แต่คนนี้มีชื่อพ่อแม่ชื่อเดียวนะ”
“ให้ทีมไอ้โอบตามหาพ่อแม่แล้วสอบประวัติมา ผมอยากรู้ว่ามันจะเกี่ยวพันกับคนของธนาคารตรงไหนได้บ้าง”
“ได้ครับ”
“รอยสักเหมือนกันมันมักจะบอกอยู่แล้วว่าคนพวกนี้อยู่รวมกันเป็นกลุ่มก้อน แต่ถ้าไม่ทำการทำงานจะเอาเงินมาจากไหน ถ้าให้คิดเด็กที่ทำผิดซ้ำซากอย่างนี้คนดูแลคงอยากจะตัดหางปล่อยวัด พอไม่มีบ้าน ไม่มีเงิน ก็เป็นช่องทางให้ก่ออาชญากรรม”
หัสยุทธบ่น แล้วนาทีต่อมาวุฒิภาศกับอาสดาก็เข้ามาสมบทบในห้อง ทั้งสองรีบรายงานความคืบหน้าที่ตนไปหามาได้ โดยวุฒิภาศเริ่มก่อน
“ผมคุยกับนายวิรุฬแล้วครับ พบพิรุธทั้งสีหน้าและแววตา แถมเขายังพยายามจะบอกว่า เขาสงสัยว่ามีพนักงานบางคนเป็นหนอนบ่อนไส้”
“หือ? เขาพูดอย่างนั้นเหรอ”
“ใช่ครับ ฟังดูเหมือนจะโยนความผิดแล้วก็ปกป้องตัวเอง”
“แล้วเขาบอกไหมว่าเป็นใคร”
“เขาออกตัวว่ายังไม่กล้าปรักปรำใคร แต่บรรยากาศในการทำงานมันแปลกไป แล้วเขาก็พูดถึงเงินที่เคยหายไปด้วย เพียงแต่พอเกิดเรื่องนี้ขึ้นเลยยังไม่ได้ตามต่อ”
“กำลังหาทางลงให้ตัวเองรึไง แล้วอาสล่ะได้อะไรมา”
“รถกระบะที่พบหลังตลาดถูกขโมยมาจากนนทบุรีครับ เจ้าของไปแจ้งความไว้ เขามาดูรถแล้วบอกว่าเป็นรถของเขาที่หายเมื่อสองสัปดาห์ก่อนจริง”
หัสยุทธพยักหน้ารับ “จากเด็กแว้นริอ่านเป็นโจรขโมยรถ แต่ก็ยังเป็นอาชญากรรมที่มีลำดับขั้น ไม่ใช่การก้าวกระโดด แต่จู่ๆ มาปล้นธนาคารนี่สิ…”
วุฒิภาศพยายามช่วยคิด “ถ้าไม่มีคนช่วย แผนการก็ไม่มีทางสำเร็จแน่ แล้วถ้าคนช่วยเป็นคนที่มีความเข้าใจในการทำงานทั้งหมดของธนาคารแล้วเรื่องมันก็น่าจะง่ายขึ้น”