ทดลองอ่าน เจรจาต่อ-ตาย ตอน ราคะ บทที่ 7-บทที่ 9 – หน้า 8 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

LOVE

ทดลองอ่าน เจรจาต่อ-ตาย ตอน ราคะ บทที่ 7-บทที่ 9

หัสยุทธปล่อยให้วุฒิภาศเข้าไปพบวิรุฬตามลำพัง เขาอยากปลุกสัญชาตญาณความเป็นนักสืบในตัวของลูกน้อง อย่างน้อยก็ต้องมีความมั่นใจก่อนว่าตนเองจะสามารถรับมือกับสถานการณ์ทุกอย่างเพียงลำพังได้ นายตำรวจนอกเครื่องแบบนั่งรอที่หน้าห้องพักของผู้จัดการสาขา เขาพยายามลำดับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสมองทีละขั้น ตั้งแต่ผู้ร้ายเข้าไปในธนาคารจนถึงตอนที่หนึ่งในนั้นพาตัวประกันขับรถออกไป

“เชิญค่ะคุณตำรวจ สามีของดิฉันพร้อมแล้ว”

วุฒิภาศสะดุ้งนิดๆ ที่ถูกเรียกแต่เขาก็รวบรวมสติได้ทัน ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก “ขอบคุณครับ”

เขามีใบหน้าเป็นมิตรมากกว่าหัสยุทธ ดังนั้นคนที่เห็นเขากับเจ้านายพร้อมๆ กันมักจะให้ความไว้วางใจกับวุฒิภาศมากกว่า นายตำรวจหนุ่มเดินตามภรรยาของคนเจ็บเข้าไปในห้องพัก โดยไม่ลืมคำสั่งของผู้บังคับบัญชาที่ว่า ‘ห้ามให้คนเจ็บรู้เรื่องที่ตำรวจสงสัยว่าคดีนี้มีผู้สมรู้ร่วมคิดเพิ่มเติม’

เตียงคนเจ็บถูกปรับให้พนักสูงขึ้น วิรุฬจึงอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน แขนของเขายังถูกคล้องอยู่ที่ลำคอด้วยผ้า หมอคงไม่อยากให้เขาขยับแขนข้างที่บาดเจ็บมากนัก

“สวัสดีครับคุณวิรุฬ ผมร้อยตำรวจเอกวุฒิภาศ เป็นพนักงานสอบสวนในคดีนี้ครับ ต้องขอรบกวนเวลาเพื่อสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกเล็กน้อยนะครับ”

“เชิญเลยครับ ผมยินดีให้ความร่วมมืออยู่แล้ว”

ภรรยาของคนเจ็บยกเก้าอี้มาให้นายตำรวจนั่งที่ข้างเตียงนอนของสามี วุฒิภาศเอ่ยขอบคุณเบาๆ แล้วเธอก็ถอยออกไปนั่งฟังคนทั้งคู่สนทนากันที่โซฟารับแขกซึ่งอยู่ห่างออกไปพอประมาณ

“คุณคงทราบแล้วว่าคนร้ายเสียชีวิตแล้วทั้งคู่”

“ครับ ผมนี่ดีใจจริงๆ กว่าจะมาถึงตอนนี้ผมยังนึกว่าตัวเองฝันไปอยู่เลย”

“คงตกใจมากสินะครับ”

“แน่นอนสิครับคุณตำรวจ ทำงานธนาคารมาทั้งชีวิตเพิ่งจะเคยถูกปล้นก็คราวนี้ อะไรๆ ที่ได้เรียนรู้ ได้ฝึกอบรมมามันลืมไปหมด รู้แค่ว่าต้องเอาชีวิตของทุกคนให้รอดให้ได้ ผมคิดแค่นั้นเอง”

“ครับ ผมได้ยินลูกค้ากับพนักงานของคุณทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า คุณเป็นคนที่เสียสละมาก”

วิรุฬยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ

“ผมมีคำถามจะถามเรื่องหนึ่ง ในตอนที่คนร้ายจะเปิดเผยตัว สุภาพสตรีที่เป็นตัวประกันกับคุณยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ใช่ไหมครับ”

คนฟังรู้สึกขนลุกซู่คล้ายกับคนเทถังน้ำแข็งราดลงบนศีรษะ เขาไม่ได้เตรียมใจไว้สำหรับเรื่องนี้ วิรุฬพยายามหายใจให้ลึกแล้วผ่อนลมหายใจออกช้าๆ เพื่อถ่วงเวลาหาคำตอบ เขาทำท่านึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน

“น่าจะใช่มั้งครับ ผมก็ไม่มั่นใจ จำได้ลางๆ ว่าถูกพนักงานเรียกไปให้ช่วยแก้ปัญหาที่หน้าเคาน์เตอร์ ผมก็เดินออกจากห้องทำงานของตัวเองไปครับ”

“ปัญหาอะไรเหรอครับ”

สายตาของวิรุฬไม่ได้จ้องมองมาที่นายตำรวจ เขามองภรรยาข้ามศีรษะของวุฒิภาศไปแวบหนึ่งแล้วดึงสมาธิของตัวเองมาที่คำถาม

“ปัญหา… เอ่อ น่าจะเป็นปัญหาเกี่ยวกับสมุดบัญชี ดูเหมือนพนักงานของเราจะหาบัญชีที่ลูกค้ามายื่นนั้นไม่เจอในระบบ เธอก็เลยเรียกผมให้ไปดูที่หน้าจอของเธอ จากนั้นแค่ไม่กี่วินาทีคนร้ายก็เปิดเผยตัวทันที ทุกคนวิ่งวุ่นไปมากันทั่วไปหมด…”

“เอาล่ะครับ ผมเข้าใจแล้ว” วุฒิภาศพยักหน้าอย่างเข้าใจ “พนักงานมีความพยายามจะกดปุ่มขอความช่วยเหลืออีกไหมครับหลังจากนั้น”

“ไม่มีโอกาสเลยครับ ผมอยู่หลังเคาน์เตอร์ ผมรู้ดี พวกมันชี้ปืนมาที่เราตลอดเวลา ยิ่งมีพนักงานโดนยิงไปคนหนึ่งด้วยแล้วทุกคนยิ่งไม่กล้าหือ”

“ใครเป็นคนหยิบเงินใส่ถุงให้คนร้ายครับ”

“ผม…ผมต้องทำตามคำสั่งของคนร้าย”

“แล้วหยิบจากไหนบ้างครับ”

“ในลิ้นชักหน้าเคาน์เตอร์”

“คนร้ายไม่ได้สั่งให้เปิดเซฟของธนาคารเหรอครับ” วิรุฬส่ายหน้า “พอจะทราบไหมครับว่าเงินที่มันได้ไปเป็นจำนวนเท่าไร”

วิรุฬส่ายหน้า “ถ้าธนาคารยังไม่ปิดก็ยังไม่ทราบหรอกครับ เราจะเช็กเงินสดกันหลังจากที่ธนาคารปิดแล้ว แต่ถ้าเช็กจากคอมพิวเตอร์ก็อาจจะพอทราบได้”

วุฒิภาศเข้าใจถึงการตรวจสอบตัวเลขในบัญชีกับธนบัตรที่อยู่ในลิ้นชักว่ามันต้องมีความสัมพันธ์กัน เขาพยายามเดินหน้าต่อ “เงินในลิ้นชักเป็นเงินที่รับมาจากลูกค้าทั้งหมดไหมครับ”

“ไม่ครับ จะมีบางส่วนที่พนักงานเบิกออกมาเพื่อสำรองไว้สำหรับการทำธุรกรรมของลูกค้า เช่น การขอถอนเงินหรือขอแลกเปลี่ยนเป็นธนบัตรชนิดต่างๆ อะไรแบบนั้น”

“ผมพอจะเข้าใจแล้ว งั้นแสดงว่าเงินก็จะไม่ใช่ธนบัตรใหม่ทั้งหมด และไม่มีการเรียงหมายเลขธนบัตรอย่างนั้นใช่ไหมครับ”

“ชะ…ใช่”

“ปกติแล้วในธนาคารจะมีปุ่มขอความช่วยเหลือไปยังสถานีตำรวจใกล้เคียงเมื่อเกิดเหตุร้ายขึ้น ปุ่มแรกอยู่ใต้เคาน์เตอร์ให้บริการ ปุ่มที่สองอยู่ในห้องทำงานของผู้จัดการ ในเมื่อคุณถูกพนักงานเรียกตัวออกไปจึงไม่สามารถกดปุ่มฉุกเฉินนั้นได้ แต่การที่คนร้ายรู้ว่าพนักงานของคุณกำลังจะกดปุ่มนี่…ผมคิดว่าเขาฉลาดมาก หรือไม่ก็มีประสบการณ์ในการปล้นธนาคารมาก่อน”

วิรุฬมีอาการของคนขนลุกทั่วร่างอีกครั้งเมื่อถูกถามจี้จุดสำคัญ “ก็คงอย่างนั้น”

“เอาล่ะครับ ผมคงมีเรื่องรบกวนคุณผู้จัดการเท่านี้ พักผ่อนต่อเถอะครับ”

วุฒิภาศกำลังจะขยับลุกขึ้นแต่กลับถูกหยุดด้วยคำถามเสียก่อน

“แล้วพนักงานคนอื่นๆ ให้ปากคำไปหมดรึยังครับ”

“เรียบร้อยครับ ก็จะเหลือแค่คนที่เจ็บหนักคนเดียว หมอขอให้แข็งแรงกว่านี้ก่อนทางตำรวจจึงจะขอสอบปากคำอย่างละเอียดได้” วุฒิภาศยิ้ม

แต่วิรุฬไม่ได้ยิ้มด้วย หากตำรวจถามพนักงานหญิงเรื่องลูกค้าที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์และปุ่มขอความช่วยเหลืออย่างที่ถามเขา บางทีพนักงานคนนั้นอาจจะบอกอะไรที่ทำให้ตำรวจเกิดความสงสัยเขาขึ้นก็ได้ เขาต้องทำอะไรสักอย่าง…

“ผมนอนคิดมาทั้งคืน บางทีในธนาคารอาจจะมีใครบางคนที่เป็นไส้ศึกให้โจร”

วุฒิภาศทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้อีกครั้ง ความตื่นเต้นครั้งใหม่กำลังจะเริ่มขึ้น เขาต้องประเมิน ณ เวลานี้เลยว่าวิรุฬเป็นพระเอกหรือเป็นเด็กเลี้ยงแกะกันแน่

Comments

comments

Continue Reading

More in LOVE

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com