หลังจากทิ้งวุฒิภาศไว้ที่โรงพยาบาลแล้ว หัสยุทธก็กลับมาที่โรงพยาบาลตำรวจอีกครั้ง นายตำรวจหนุ่มใหญ่ตรงไปที่ห้องทำงานของคุณหมอบุษบงกชทันที เมื่อได้เห็นไฟในห้องทำงานยังเปิดอยู่แม้จะเลยเวลางานไปแล้วเขาก็รู้สึกผิดนิดๆ
“ต้องโกรธแน่ๆ”
เขาพูดกับตัวเองเบาๆ แล้วก็เป็นจริงดังคาดเมื่อเปิดประตูเข้าไปแล้วเห็นเจ้าของห้องนั่งหน้าตูมอยู่ เธอเหลือบตาขึ้นมามองเขาแล้วก้มลงไปอ่านเอกสารบนโต๊ะเหมือนเดิม
“คุณจะบ้ารึเปล่า ส่งศพมาให้ฉันสองศพเมื่อเช้าแล้วยังจะรีบมารับรายงานตอนเย็นอีก เห็นฉันเป็นยอดมนุษย์รึไงถึงจะได้ทำงานเร็วขนาดนั้น”
หัสยุทธเดินไปที่โซฟาแล้วทิ้งตัวลงนั่งโดยที่ยังไม่พูดอะไร เขาไม่เห็นพจนีย์อยู่ในห้อง คิดเอาเองว่าเธอคงเก็บงานอยู่ในห้องชันสูตร
“ฉันไม่ได้ทำงานกับหน่วยของคุณหน่วยเดียวนะ ยังมีงานค้างอยู่อีกเยอะแยะ อย่าคิดว่าการที่ผู้บังคับบัญชาสั่งการมาให้ฉันต้องรับใช้คุณเนี่ยหมายถึงฉันจะต้องมาเป็นทาสคุณ!”
เธอพูดไป อ่านเอกสารบนโต๊ะไป หัสยุทธนึกทึ่งกับสมาธิและมันสมองของเธอที่สามารถแยกประสาทได้อย่างยอดเยี่ยม ระหว่างที่ไม่ได้บ่นปากก็ขมุบขมิบคล้ายกับกำลังอ่านในใจ
“แม้เคสนี้จะไม่ยาก แต่มันก็ไม่ควรเร่งซะจนฉันกับคนของฉันยังไม่ได้กินข้าวเย็น”
…อ้อ โมโหหิวนี่เอง…
ประตูที่เชื่อมระหว่างห้องทำงานกับห้องชันสูตรถูกเปิดออก คนที่เข้ามาใหม่นั้นมีใบหน้าเหมือนคนหมดแรงไม่ต่างจากเจ้านายของเธอ แต่คนนี้มีรอยยิ้มอบอุ่นให้แขกมากกว่า
“สารวัตรมาแล้ว ยังไม่เสร็จเลยนะคะ หมอบุษกำลังอ่านรายงานเคสแรกอยู่ ส่วนเคสที่สองพจยังทำไม่เสร็จ”
“ผมก็ไม่ได้ตั้งใจมาเร่ง แค่มาดูเท่านั้นเอง”
เขาตอบเสียงเย็น แต่มันทำให้คนที่นั่งอยู่กับโต๊ะทำงานต้องเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความหมั่นไส้ นึกโมโหในใจว่าทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก หลงให้เธอบ่นไปซะยืดยาว เมื่อหัสยุทธเหลือบตามาประสานกัน คุณหมอคนเก่งก็ค้อนให้
…เหมือนเจ้าเดือนเสี้ยวไม่มีผิด…
“หมดเวลาทำงานแล้ว กลับบ้านก่อนก็ได้นะ”
เขาพูดกับพจนีย์ แต่กลับถูกคนอื่นแหวใส่
“นี่ อย่ามาก้าวก่ายงานของฉันนะ พจเป็นลูกน้องของฉัน ฉันจะต้องเป็นคนอนุญาตเอง”
พจนีย์ขยับปากคล้ายคำว่า ‘อูยยยย’ ก่อนเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเองซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังโต๊ะทำงานของบุษบงกช
“งั้นผมจะรอ ค่ำแล้วผมจะไปส่งคุณเอง ก่อนไปส่งจะพาไปเลี้ยงข้าวด้วย” คราวนี้สองสาวต่างก็มองเขาเป็นตาเดียว นายตำรวจยักคิ้วให้ทั้งคู่ “กินข้าวไปด้วย คุยงานไปด้วย พรุ่งนี้ผมต้องเข้าไปบรีฟคดีกับหน่วยอีกครั้ง”
“สุนทรีย์ตายล่ะ คุยเรื่องศพในระหว่างกินข้าวเนี่ย”
คนนั่งโต๊ะหน้าบ่นเบาๆ แต่คนที่อยู่ด้านหลังกลับลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
“เสียดาย หนูไปไม่ได้ เดี๋ยวแฟนจะมารับค่ะ ไว้โอกาสหน้านะคะสารวัตร แต่หมอบุษไปได้”
“อะไรยายพจ พี่ยังไม่ได้บอกว่าจะไป”
“ถ้ายังไม่มีแฟนก็น่าจะไปได้ นี่ก็ถือว่าเป็นเรื่องงานนะ” หัสยุทธขู่เล็กๆ
“แต่คุณไม่ใช่ผู้บังคับบัญชาของฉัน คุณสั่งฉันไม่ได้หรอก”
หัสยุทธลุกขึ้นยืนทันทีจนสาวๆ ทั้งสองตกใจ “ก็ได้ ไม่ไปก็ไม่ไป ผมจะได้ไม่ต้องรอ งั้นก็ขอให้สนุกกับงานจนกว่ารายงานสองฉบับจะเสร็จนะครับ ซึ่งก็น่าจะดึกกว่านี้อีกหลายชั่วโมง”
“โอ๊ย หมอบุษษษษษ ไปกับสารวัตรเถอะค่ะ พจนัดแฟนไว้ วันนี้เราจะฉลองครบรอบที่เป็นแฟนกันมาสามปี นะหมอนะ เห็นใจพจเถอะ”
พจนีย์ลงทุนอ้อนวอน ทั้งเขย่าแขน ทั้งทำตาปริบๆ บุษบงกชนึกสงสารคนของเธออยู่เหมือนกันที่ต้องทำงานหนัก เธอไม่ควรทำบาปพรากเวลาของคนที่เขารักกันสินะ ไม่อย่างนั้นเธออาจจะต้องชดใช้ด้วยการไม่มีคู่ไปตลอดชาติก็เป็นได้ หญิงสาวถอนใจยาวก่อนตัดสินใจ
“ก็ได้ งั้นวันนี้พอแค่นี้ก่อน รายงานฉบับเต็มจะเสร็จวันพรุ่งนี้ คืนนี้ฉันจะเล่าให้คุณฟังเอง”
หัสยุทธพยักหน้าแต่ไม่ได้ยิ้ม
“แล้วอาหารเย็นล่ะคะ” พจนีย์ถาม
“ไม่กิน! ฉันจะเล่าให้คุณฟังในห้องนี้แหละ ส่วนพจ…กลับบ้านได้”
บุษบงกชเลือกวิธีนี้เพราะจะทำให้เขาเห็นว่าเขาไม่ได้เป็นคนที่สั่งการทุกอย่าง คนที่ควบคุมทุกอย่างได้ดีคือตัวเธอเองต่างหาก
…เวทีของฉัน ต้องเป็นของฉัน…