“ไม่รู้ล่ะ หนึ่งมีหลักฐานก็แล้วกัน เดี๋ยวจะเปิดให้ดู รับรองว่าพี่ต้องพูดไม่ออกแน่ แล้วเรื่องของพี่ที่มันแดงออกมาไม่ได้มีแค่นี้หรอกนะ เพราะพี่พีทไปรู้มาจากลุงทนายวิทย์ว่าคุณย่าเขียนพินัยกรรมยกบ้านกุหลาบขาวบนดอยที่เชียงใหม่แถมที่ดินอีกตั้งเป็นร้อยๆ ไร่ที่เชียงรายให้พี่วีคนเดียว ทั้งๆ ที่พี่วีก็ไม่ได้เป็นญาติอะไรกับคุณย่าสักหน่อย”
ปฐวีได้ฟังก็ยิ่งงงเป็นไก่ตาแตก เพราะเท่าที่จำได้เขาไม่เคยพูดเรื่องทรัพย์สมบัติอะไรกับคุณย่าบุษยาเลยสักครั้ง เมื่อไปเยี่ยมเยียนครั้งใดคุณย่ามักจะพูดเรื่องหนังสือกับเขาเสียเป็นส่วนใหญ่ อาจจะมีบ้างที่เคยยกให้เขามาสองสามเล่ม แต่มูลค่าของมันคงไม่เท่ารองเท้าสักข้างของน้ำหนึ่งเลยด้วยซ้ำ
“ผมไม่เคยขออะไรจากคุณย่า นอกจากขอซื้อหนังสือมือสองหายากที่ท่านมีมาขายเท่านั้น แล้วมันก็ไม่ได้มากอะไรเลยสักนิดเดียว ถ้าไม่เชื่อจะไปถามคุณย่าเองเลยก็ยังได้”
พูดมาถึงตรงนี้ปฐวีก็นึกอะไรอีกอย่างขึ้นมาได้ ทั้งยังเป็นความคิดที่ทำให้เรื่องสมบัติของคุณย่ายิ่งไม่ชอบมาพากลขึ้นไปอีก
“อีกอย่างทำไมลุงทนายสุวิทย์ถึงได้ไปรู้รายละเอียดในพินัยกรรมของคุณย่าได้ มันต้องเป็นความลับจนกว่า…” ชายหนุ่มไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องความเป็นความตายของคุณย่าจึงเลี่ยงใช้คำอื่นแทน “จะถึงเวลาของมัน แล้วนี่อะไร รู้รายละเอียดยิบย่อยไม่พอ ยังปากสว่างเอามาบอกใครต่อใครอีก ถ้าคุณนลรู้เข้ามีหวังได้ถูกปลดออกจากตำแหน่งทนายประจำตระกูลได้เลยนะ”
‘คุณนล’ ที่ปฐวีเอ่ยถึงคือปู่ของน้ำหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของคฤหาสน์นาราภัทรอันแสนมั่งคั่งนั่นเอง
น้ำหนึ่งฟังปฐวีร่ายยาวจนจบก็ได้แต่เม้มริมฝีปากแน่นอย่างไม่รู้จะตอบว่าอะไรดี
“ไม่รู้ล่ะ หนึ่งได้ยินจากพี่พีทมาว่าพักหลังคุณย่าแก่มากแล้วจนชักจะหลงๆ พี่วีเลยฉวยโอกาสนี้ขอสมบัติ”
ปฐวีเผลอกำพวงมาลัยแน่นโดยไม่รู้ตัว และในพริบตาต่อมาเขาก็ตัดสินใจจอดรถแอบเข้าข้างทาง แต่คงจะเร่งรีบไปหน่อยจึงมีเสียงบีบแตรไล่จากรถคันหลังดังสนั่นจนน้ำหนึ่งต้องนั่งเกร็งอยู่บนเบาะด้วยความตกใจ
“พี่วีเกิดบ้าอะไรขึ้นมาน่ะ ขับรถดีๆ หน่อยไม่ได้หรือไง”
ปฐวีนิ่ง พยายามข่มให้ใจเย็นลงอย่างสุดความสามารถเมื่อหันไปเอ่ยกับหญิงสาวข้างกาย
“นี่คุณหนึ่งรู้ตัวหรือเปล่าว่าแต่ละอย่างที่พูดมานั่นน่ะ มันยิ่งกว่าเป็นการดูถูกผมซะอีก ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าในสายตาของคุณหนึ่งผมจะเป็นคนเลวได้ถึงขนาดนั้น เสียแรงจริงๆ ที่ผมสู้อุตส่าห์เป็นห่วงคุณหนึ่ง อดทนดูแลอย่างดีมาหลายปี เพราะเห็นว่าคุณหนึ่งเป็นหลานสาวคนเดียวของคุณย่า แต่คุณหนึ่งให้ค่าผมแค่นี้เอง”
แม้ว่าปฐวีอาจจะเป็นผู้ชายปากร้ายบ้าง แต่เขาไม่ใช่ผู้ชายอารมณ์ร้าย ดังนั้นเมื่อเห็นสีหน้าท่าทางไม่พอใจอย่างรุนแรงของชายหนุ่มเป็นครั้งแรก น้ำหนึ่งจึงชักจะกลัวขึ้นมา
“หนึ่งไม่ได้คิด พี่พีทต่างหากที่คิด แล้วก็เพราะหนึ่งเชื่อพี่พีท หนึ่งก็เลยมาหาพี่ถึงที่นี่ ตั้งใจจะทำให้คุณย่าเห็นว่าพี่วีน่ะไม่ได้ดีอย่างที่คุณย่าคิด แล้วก็จะเอาคืนกับสิ่งที่พี่วีทำไว้ลับหลังหนึ่งด้วย!”
“ทำ? ทำอะไรไม่ทราบ”
“ก็ทุกอย่างที่ว่ามานั่นแหละ”
พอพูดจบน้ำหนึ่งก็เปิดโทรศัพท์เพื่อค้นหาหลักฐานสำคัญมายันกับปฐวี ซึ่งได้แก่ภาพที่บันทึกหน้าจอข้อความแชตระหว่างปฐวีกับโชติรส
ตอนแรกที่ปฐวีได้เห็นก็อึ้งไปอย่างที่หญิงสาวคาดไว้จริงๆ แต่ไม่รู้ทำไมน้ำหนึ่งกลับไม่ได้พอใจหรือสาแก่ใจอย่างที่ควรจะเป็น ตรงกันข้าม มันกลับเป็นความผิดหวังลึกๆ เสียด้วยซ้ำ
“นี่เล่นทำกันถึงขนาดนี้เลยเหรอ”
ปฐวีเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อไล่อ่านข้อความที่ถูกสร้างขึ้นมาระหว่างเขากับโชติรส เรื่องจะทำให้ทุกคนในกองเกลียดน้ำหนึ่ง จนน้ำหนึ่งทนไม่ไหวไม่ยอมกลับมาถ่ายต่อให้เสร็จ พยายามมองหาอะไรก็ตามที่ผิดปกติจากเรื่องโกหกพวกนี้เพื่อจะได้ยืนยันถึงความบริสุทธิ์ของตัวเอง
“ยอมรับมาเถอะ ว่าพี่วีทำจริงๆ”
น้ำเสียงผิดหวังที่อยู่ในส่วนลึกของหญิงสาวทำให้ปฐวีอดแปลกใจไม่ได้ เขานึกว่าน้ำหนึ่งจะพอใจในชัยชนะจอมปลอมของตัวเองเสียอีก
“เอาเถอะ ถึงผมจะพยายามยืนยันยังไงคุณหนึ่งก็คงเชื่อรูปพวกนี้มากกว่าอยู่ดี ทั้งที่ผมไม่มีเบอร์ ไม่มีไลน์อะไรของโชติรสทั้งนั้น เผลอๆ เดินผ่านหน้ากันเค้าอาจจะยังไม่รู้จักผมด้วยซ้ำไป ตอนเรียนมหา’ลัยด้วยกัน คุณหนึ่งเองก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอ”
“แต่เราไม่เจอกันตั้งสองปี อะไรๆ มันก็เปลี่ยนแปลงได้ทั้งนั้นแหละ”
“แต่ผมก็ยังนึกไม่ออกว่าถ้าผมทำ ผมจะได้อะไรจากเรื่องพวกนี้”
“ก็คงอยากสั่งสอนหนึ่ง เพื่อที่ว่าหนึ่งจะได้ไม่กล้าขัดขวางพี่วีเรื่องสมบัติของคุณย่าน่ะสิ” น้ำหนึ่งรีบตอบทันควันเหมือนท่องมาไว้แล้ว