LOVE
ทดลองอ่าน เจ้าชายฉบับมือสอง บทที่ 5
“ผมเนี่ยนะ” ปฐวีเอานิ้วชี้กลับมาที่ตัวเองด้วยความงงสุดชีวิต “ไปเห็นตอนไหนไม่ทราบครับ ว่าช่วงนี้ผมทำท่าจะไม่ซื่อ นี่เราเพิ่งเจอหน้ากันครั้งแรกในรอบสองปีเลยนะ”
“ก็ไม่รู้ล่ะ” น้ำหนึ่งหาเรื่องเฉไฉออกไปอีกตามเคย “ก็พี่วีเป็นคนโปรดของคุณย่านี่ แล้วอีกอย่างเราก็ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปี พี่วีอาจจะเปลี่ยนไปแล้วก็ได้ ใครจะรู้”
“เลยหาว่าผมจะฮุบสมบัติคุณย่าเอาไว้คนเดียวงั้นสิ”
“ก็ใช่น่ะสิ คิดอย่างอื่นไม่ได้แล้ว”
ครั้นเห็นว่าสองหนุ่มสาวทำท่าจะทะเลาะกันขึ้นมา อรรถก็เลยรีบยกมือขึ้นห้ามทัพ “เดี๋ยว…เดี๋ยว จายเย็นก่อน ก็เหมือนเดิมทั้งคู่นั่นแหละ ม่ายเห็นจะมีใครเปลี่ยนไปซักกะหน่อย”
แน่นอนว่าความเหินห่างของสองหนุ่มสาวที่เกิดขึ้นช่วงน้ำหนึ่งไปอังกฤษและกลับมาเฉิดฉายอยู่ในวงการความสวยความงามนั้น อรรถยังคงเป็นคนที่ได้เจอทั้งสองเช่นเดียวกันกับคุณย่าบุษยา
“ฮึ! ป้าว่าคนที่เริ่มมาเปลี่ยนไปเอาตอนนี้น่าจะเป็นคุณพีทมากกว่า”
ไม่สิ…พีรัชลายออกมานานแล้วแต่แค่ยังไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการมากกว่า
น้ำหนึ่งได้แต่เม้มริมฝีปากแน่น เธอเองก็ใช่ว่าจะสนิทสนมกับพีรัชสักเท่าไหร่ เพราะช่วงวัยเด็กเธออยู่กับคุณย่าตลอด ทว่าพีรัชในสายตาเธอก็นับว่าเป็นพี่ชายใจดีคนหนึ่งทีเดียว เพราะไม่ว่าเธอเอ่ยปากขออะไรไปเขาไม่เคยขัดข้อง น้ำหนึ่งจึงมองไม่เห็นเหตุผลที่เขาจะเกลียดเธอถึงขนาดวางแผนทำให้เสียชื่อเสียงไปทั่วประเทศอย่างนี้
“แล้วป้าว่าเขาคงไม่ได้แค่คิดร้ายกับวีด้วย เพราะคุณหนึ่งเองก็กำลังจะถูกทำลายชื่อเสียงเหมือนกัน”
“นั่นสิ ถึงผมจะต้องรับบทหนักเป็นไอ้หนุ่มคลั่งรักก็เถอะ”
“พี่วี!”
น้ำหนึ่งหันไปแหวใส่ปฐวีที่เอาแต่ย้ำเรื่องนี้ไม่รู้เลิก ก่อนจะรีบเปลี่ยนไปพูดเรื่องที่คุณย่าบุษยาไม่อยู่บ้านแทน
“แล้วทำไมอยู่ๆ คุณย่าคิดจะไปเที่ยวยุโรปกับเพื่อนขึ้นมาคะ ทีหนึ่งชวนให้ไปเที่ยวตอนยังเรียนอยู่ที่อังกฤษ ต้องชวนแล้วชวนอีกเป็นเดือนกว่าคุณย่าจะยอมไป อันที่จริงถ้าคุณย่าอยากไปยุโรปก็น่าจะมาถามที่เที่ยวกับหนึ่งบ้าง แล้วนี่คุณย่าไปกับเพื่อนคนไหนคะ หนึ่งรู้จักหรือเปล่า”
พอได้ยินน้ำหนึ่งถามมาเป็นชุด ยวงแก้วก็เลยหันไปมองทางอรรถเหมือนจะโยนให้เป็นคนตอบแทน
“อืม ก็ไม่รู้…น้าบุษเหมือนกัน บางทีเธออาจจาเบื่อเลยอยากออกไปเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศบ้างก็ด้าย”
“แล้วทำไมคุณย่าไม่ยอมรับโทรศัพท์เลยล่ะ หนึ่งมีเรื่องเดือดร้อนต้องปรึกษาด้วยสิ”
“อาจจากำลังเที่ยวอยู่ เลยไม่สะดวกก็ด้าย”
พอตอบเสร็จอรรถก็หันไปทางยวงแก้ว ก่อนที่อีกฝ่ายจะรีบพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“คงอย่างที่คุณอรรถว่าแหละค่ะ”
“แล้วคุณย่าไม่ได้บอกป้ายวงเลยเหรอคะว่าไปเที่ยวกับเพื่อนคนไหน ไปกันเป็นกลุ่มหรือเปล่าคะนี่”
ครั้นเห็นน้ำหนึ่งกำลังมองหน้าตนอยู่ ยวงแก้วเลยต้องตอบอย่างไม่มีทางเลี่ยง
“คุณนายไม่ได้บอกอะไรป้าเหมือนกันค่ะ…นอกจากให้ช่วยดูแลบ้านระหว่างนี้น่ะ สงสัยคงไม่อยากให้ใครไปรบกวน ใช่ไหมคะ คุณอรรถ”
พูดจบยวงแก้วก็หันไปขอคำยืนยันจากอรรถ
“ช่ายๆ”
อรรถรีบตอบรับเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย จนปฐวีชักจะรู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลอยู่หน่อยๆ แต่เขาก็นึกไม่ออกว่าจะมีเหตุผลอะไรให้ทั้งสองต้องมานั่งกุเรื่องพวกนี้ขึ้นมา
หรืออรรถจะเมามากกว่าที่เขาคิดไว้ก็ไม่รู้ ถึงได้ทำท่าไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าไหร่
“ตกลงตอนนี้ก็เท่ากับว่าเราติดต่อคุณย่าไม่ได้เลย ไม่รู้ด้วยว่าไปอยู่ส่วนไหนของยุโรป…อย่างนั้นน่ะเหรอครับ”
น้ำเสียงปฐวีมีแววไม่เชื่อถืออยู่ในที
“ก็ประมาณนั้นแหละค่ะ อีกอย่างช่วงนี้คุณนายเองก็เขียนงานไม่ค่อยได้เหมือนเก่า คงอยากไปพักสมองโดยไม่มีใครรบกวนสักพัก”
“หรือเป็นไปได้ไหมคะว่า…อาการเก่าของคุณย่าจะเกิดกำเริบขึ้นมา”
น้ำหนึ่งถามเสียงแผ่ว ความทรงจำในอดีตเกี่ยวกับคุณย่าตอนอาการกำเริบยังคงเป็นอะไรที่หญิงสาวไม่อาจลืมลงได้ กระทั่งตอนนี้มันก็ยังทำให้เธอรู้สึกหวั่นเกรงขึ้นมาเป็นบางครั้งเมื่อย้อนนึกไปถึง
ปฐวีเห็นความหม่นหมองพาดผ่านเข้ามาบนใบหน้าสวยงามของน้ำหนึ่งอย่างชัดเจน แม้ทุกคนรวมถึงตัวเขาต่างรู้ดีว่าน้ำหนึ่งต้องกลับไปอยู่กรุงเทพฯ อย่างถาวรเพราะอาการป่วยของคุณย่าบุษยา แต่ปฐวีกลับยังรู้สึกคลางแคลงใจมาตลอดว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น
ยวงแก้วหันไปสบตากับอรรถอย่างมีความหมาย แต่ก็เพียงแวบเดียวจนน้ำหนึ่งไม่ทันสังเกตเห็น ก่อนหญิงวัยกลางคนจะรีบปฏิเสธทันที
“ไม่ใช่หรอกค่ะ คุณนายรักษาหายขาดแล้ว ไม่กลับไปเป็นอีกหรอก คุณหนึ่งไม่ต้องวิตกไปนะคะ”
ปฐวีจำได้แม่นทีเดียวว่า ‘อาการเก่า’ ที่กำลังพูดกันอยู่นี้เคยเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวตลอดระยะเวลาที่คุณย่าบุษยารับปากว่าจะขอรับอุปการะเขาไว้ ทั้งยังเป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำหนึ่งถูกส่งกลับไปอยู่คฤหาสน์นาราภัทรด้วย หลังจากนั้นเรื่องอาการป่วยของคุณย่าบุษยาก็ไม่เคยถูกยกมาพูดถึงอีกเลย
และถึงแม้ว่าเหตุการณ์ในวันนั้นมันจะคลุมเครืออยู่ในความรู้สึกของปฐวีอย่างไร เขาก็มีสิทธิ์แค่สงสัยโดยไม่ได้รับอนุญาตให้ถาม รู้แต่ว่าคุณย่าบุษยาเคยตกอยู่ในภาวะป่วยทางจิตใจอยู่พักใหญ่หลังจากสูญเสียลูกชายคนเล็กไปในอุบัติเหตุ
เมื่อปฐวีมองไปทางอรรถก็เห็นกำลังเอามือเกาคางด้วยความครุ่นคิดอยู่เช่นกัน ขณะที่ทั่วทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบชนิดที่ว่าต่อให้เข็มตกพื้นสักเล่มคงจะได้ยินชัดเหมือนเสียงเซอร์ราวนด์ กระทั่งได้ยินน้ำหนึ่งเอ่ยขึ้นมา
“แต่ไหนๆ หนึ่งก็มาแล้ว คืนนี้คงต้องนอนค้างที่บ้านคุณย่าไปก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยคิดว่าจะทำยังไงกันดี”
“จะดีเหรอคะคุณหนึ่ง ยังไงป้าว่าคืนนี้นอนพักกันที่บ้านคุณอรรถก่อนดีกว่านะ”
ยวงแก้วรีบเสนอเหมือนไม่อยากให้สองหนุ่มสาวเข้าบ้านของคุณย่าบุษยาเท่าไหร่ จึงยิ่งทำให้ความสงสัยแปลกๆ ในใจของปฐวีขยายเป็นวงกว้างขึ้นไปอีก
“ทำไมล่ะ บ้านคุณย่ามีตั้งหลายห้อง จะได้ไม่รบกวนอาอรรถด้วย ใช่ไหมคะ”
“ก้อดีเหมือนกันนะ”
ประโยคนั้นทำให้ยวงแก้วเผลอเลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อย ทว่าอรรถกลับไม่ได้สบตากับอีกฝ่ายนอกจากหันมาบอกปฐวีกับน้ำหนึ่งว่า “คืนนี้ก้อนอนพักบ้านน้าบุษไปก่อน…ตามที่หนึ่งว่าแล้วกัน”
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 18 ก.ย. 65 เวลา 12.00 น.