LOVE
ทดลองอ่าน เจ้าชายฉบับมือสอง บทที่ 6
ปฐวีเองก็รอคอยอย่างระทึกใจไม่ต่างจากหญิงสาว ก่อนที่จะเห็นพีรัชกำลังเดินลงส้นเท้าออกมาด้วยความหัวเสียอย่างหนัก ใบหน้าบึ้งตึงนั้นดูน่ากลัวไม่เหมือนกับพีรัชที่น้ำหนึ่งเคยรู้จัก
เมื่อไม่ได้อยู่ต่อหน้าลูกพี่ลูกน้องสาวคนสวย พีรัชก็แทบเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ จนน้ำหนึ่งไม่กล้าวางใจอีกแล้วว่าเขาจะทำหรือไม่ทำอะไร
ทว่าปฐวีไม่ได้แปลกใจเลยสักนิด เพราะมันคือตัวตนที่พีรัชมักแสดงออกต่อเขาเสมอ
ผู้ชายอย่างพีรัชนั้นถือว่าเป็นหนุ่มหล่อรวยคนหนึ่งในวงสังคมไฮโซไม่ต่างจากน้ำหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อตอนนี้เขากำลังเป็นที่จับตามองในฐานะนักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง จึงมีสาวสวยมาให้ควงแทบจะไม่ซ้ำหน้า แต่ถึงพีรัชจะได้ชื่อว่าเป็นหลานชายเพียงคนเดียวของนล นาราภัทร ทว่ายายของเขากลับเป็นเพียงเมียน้อยของนล ไม่ใช่เมียที่แต่งงานออกหน้าออกตาอย่างถูกต้องเช่นบุษยา เรื่องนี้จึงเหมือนเป็นปมด้อยเพียงอย่างเดียวที่ทำให้พีรัชไม่เคยนึกพอใจตัวเองได้อย่างเต็มที่สักครั้ง
“ให้ไอ้แก่นั่นมันอยู่ที่นี่จนกว่าจะได้เรื่องก็แล้วกัน ผมว่าเรากลับกันก่อนดีกว่า”
พีรัชหันไปบอกหญิงสาวอีกคนหนึ่งที่รีบวิ่งกระหืดกระหอบตามมา ซึ่งพอน้ำหนึ่งได้เห็นอย่างชัดเจนก็ต้องเบิกตาโตขึ้นทันที
นั่นมันยายโชติรส ศัตรูคู่แค้นของเธอนี่นา!
ปฐวีอดหันไปมองน้ำหนึ่งไม่ได้ รู้สึกคันปากอยากจะบอกเสียเต็มแก่ว่า เป็นไงล่ะ ชัดเจนพอหรือยัง…
เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มในวินาทีต่อมา มันพ่นควันสีเทาเต็มเหยียดเสียจนน้ำหนึ่งแทบจะสำลัก แล้วจึงพุ่งพรวดไปข้างหน้าด้วยความเร็วปานสายฟ้าแลบ ได้ยินเสียงล้อดังเอี๊ยดอ๊าดบดกับถนนหน้าบ้านไปจนกระทั่งพ้นประตูรั้ว
ปฐวีมองตามไป คิดในใจว่า ดี…ขับรถอย่างนี้ ไปตกเหวตายห่าซะจะได้จบๆ เรื่องไป
คนอื่นมักเข้าใจแค่ว่าปฐวีกับพีรัชไม่ค่อยถูกกัน แต่ในความเป็นจริงต้องเรียกว่าเป็นศัตรูคู่อาฆาตถึงจะถูก ทุกวันนี้ที่ปฐวีต้องกล้ำกลืนฝืนทนเรียกว่าคุณพีทก็เพราะเกรงใจคุณนลอยู่ ไม่อย่างนั้นคงเรียกว่าไอ้ห่าพีทไปนานแล้ว
สำหรับปฐวีแล้ว พีรัชเป็นลูกคนรวยประเภทนิสัยแย่เหลือรับ ตอนเด็กเขาจำได้ไม่เคยลืมว่าถูกพีรัชที่มาเยี่ยมคุณย่าบุษยาช่วงปิดเทอมแกล้งหนักจนถึงขั้นเกือบต้องเข้าโรงพยาบาล และจนป่านนี้ก็ยังไม่มีโอกาสได้เอาคืน เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่นึกอยากไปข้องเกี่ยวกับคนบ้านนั้นอีก นอกจากคุณย่าที่ออกมาอยู่ไกลถึงเชียงใหม่
ทว่าคนเดียวที่พีรัชไม่กล้าแตะต้องและจำต้องตกเป็นเบี้ยล่างเหมือนกันกับเขาก็คือน้ำหนึ่ง หญิงสาวจึงไม่เคยมีโอกาสได้เห็นนิสัยด้านร้ายกาจของลูกพี่ลูกน้องจนกระทั่งวันนี้
“พี่พีทกลับไปแล้วอย่างนี้ เราก็เข้าไปดูในบ้านได้เลยสิ” พูดจบน้ำหนึ่งก็รีบโดดผลุงออกจากที่ซ่อนทันที
“เดี๋ยว…”
ปฐวีกำลังจะบอกว่าน้ำหนึ่งลืม ‘ไอ้แก่’ ที่พีรัชเพิ่งพูดถึงเมื่อครู่ไปเสียแล้วหรือ หากหญิงสาวก็ออกไปยืนหัวโด่ให้ใครต่อใครเห็นเรียบร้อยแล้ว
“มาสิพี่วี รออะไรอยู่ล่ะ”
คราวนี้น้ำหนึ่งพูดออกมาอย่างเต็มเสียง เพราะกำลังชะล่าใจว่าไม่จำเป็นต้องระวังใครอีกต่อไปแล้ว ก่อนจะพบว่าไฟในบ้านเริ่มสว่างขึ้นใหม่ทีละดวง
เอ๊ะ…ใครเป็นคนเปิดไฟ ก็ไม่มีใครอยู่แล้วนี่นา ความคิดนั้นทำให้น้ำหนึ่งถึงกับหน้าถอดสี จึงรีบหันไปหาปฐวีในทันใด
ตอนนั้นเองก็มีเงาทะมึนของชายคนหนึ่งปรากฏขึ้นในบ้านและกำลังก้าวฉับๆ ตรงมาทางน้ำหนึ่ง
“คุณหนึ่ง!”
ปฐวีพุ่งพรวดออกไปดึงตัวน้ำหนึ่งให้พ้นจากเงื้อมมือของชายในเงามืดคนนั้นอย่างสุดชีวิต จึงพากันล้มกลิ้งโค่โล่ลงไปบนถนนหน้าบ้านทั้งสองคน แต่คนเอาหลังลงก่อนเป็นปฐวี เขาจึงเจ็บมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
“โอ๊ะ! เป็นอะไรหรือเปล่าครับนั่น”
ไฟหน้าบ้านสว่างพรึ่บเผยให้เห็นโฉมหน้าของ ‘ไอ้แก่’ ที่กำลังชะโงกหน้ามาถามไถ่อย่างเป็นห่วงเป็นใย
น้ำหนึ่งเงยหน้าขึ้นจากอกของปฐวีแล้วหันไปมองเจ้าของเสียงเป็นที่แรก “อ้าว ลุงวิทย์!”
อะไรนะ…ลุงวิทย์
ปฐวีเงยหน้าขึ้นมองบ้าง ครั้นพบว่าเป็นทนายคนเก่าคนแก่ประจำตระกูลนาราภัทรก็นอนแผ่หรากับพื้นต่ออย่างหมดแรง อุตส่าห์เป็นห่วงน้ำหนึ่งแทบตาย กลับต้องมาเจ็บตัวฟรีเสียนี่
“โธ่…คราวหน้าช่วยเปิดไฟก่อนจะเดินมาสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนี้ได้ไหมครับ”
น้ำหนึ่งยันตัวลุกขึ้นนั่งบนพื้นเมื่อรู้ตัวว่ากำลังทิ้งน้ำหนักทับร่างของปฐวีอยู่ เพราะเขาใช้แขนช่วยยันเอาไว้ตอนล้มทำให้ตัวเธอแทบไม่มีแม้แต่รอยข่วน แผลถลอกปอกเปิกทั้งหมดจึงไปตกอยู่กับชายหนุ่มแทน
“ลุงเองก็กลัวเหมือนกันนี่ครับ อยู่ๆ มีใครก็ไม่รู้เดินดุ่มๆ มาที่บ้านกลางดึกแบบนี้น่ะ” สุวิทย์เดินมาช่วยดึงปฐวีให้ลุกขึ้นยืนแล้วตบบ่าเบาๆ “แต่อย่างน้อยลุงก็ดีใจนะที่มีคนคอยห่วงใยคุณหนึ่งถึงขนาดนี้อยู่”
สองหนุ่มสาวเผลอมองหน้ากันโดยไม่ตั้งใจ ก่อนน้ำหนึ่งจะเป็นฝ่ายหน้าแดงแล้วเบือนหนีไปทางอื่นก่อน แต่น่าเสียดายว่าตรงนั้นสว่างไม่มากพอจะทำให้ปฐวีมองเห็น
“พูดขอบใจผมสักนิดก็ได้นะ ก่อนที่จะทำเมินใส่ผมน่ะ”
“ทำไมจะต้องขอบใจ หนึ่งไม่ได้ขอซะหน่อย”
ปฐวีฟังแล้วก็ส่ายหน้าอย่างอิดระอา เขาคงทำดีกับน้ำหนึ่งไม่ขึ้นจริงๆ
“แล้วทำไมลุงวิทย์มากับพี่พีทได้ล่ะ จริงสิ เมื่อกี้พี่พีทพูดถึงไอ้แก่…”
“เพิ่งจะนึกได้เหรอครับ” ปฐวีแทรกขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่
“เอาล่ะๆ” สุวิทย์เดินเข้ามาห้าม ก่อนที่ทั้งสองจะทะเลาะกันเอะอะอยู่หน้าบ้าน “เข้าไปคุยกันข้างในดีกว่า”
“ไม่ค่ะ…จนกว่าลุงวิทย์จะบอกมาก่อนว่าทำไมถึงมากับพี่พีทได้”
เมื่อปะติดปะต่อเรื่องราวก่อนหน้านี้เข้าด้วยกันได้ น้ำหนึ่งก็มีท่าทีระแวงสุวิทย์ขึ้นมาทันที เพราะไม่แน่ว่าอีกฝ่ายอาจจะถูกพีรัชซื้อตัวไปแล้วก็ได้
“ลุงไม่ได้มากับคุณพีท แต่เขาบังคับลุงมา ลุงไม่ได้สมัครใจมาเองแม้แต่นิดเดียว”
น้ำหนึ่งหรี่ตามองชายวัยกลางหกสิบอย่างประเมิน ถึงแม้ว่าสุวิทย์จะทำงานให้กับตระกูลนาราภัทรมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่ จนเป็นที่ไว้วางใจของคนในครอบครัวมาตลอด รวมถึงคุณย่าด้วย ทว่าสำหรับน้ำหนึ่งในตอนนี้ มันดูเหมือนจะไม่เป็นอย่างนั้นเสียแล้ว
“เข้าไปคุยกันข้างในดีกว่าครับ จะเชื่อหรือไม่เชื่อยังไงค่อยว่ากันอีกที”
คำเชื้อเชิญที่เหมือนกับว่าเป็นเจ้าของบ้านเสียเองทำให้น้ำหนึ่งไม่ค่อยพอใจนัก
“ว่าแต่…คุณบุษไปไหนเหรอครับ ทำไมไม่อยู่บ้าน” สุวิทย์ถาม
“คุณย่าไม่อยู่ค่ะ ไปเที่ยวยุโรปกับเพื่อน”
“ไปเที่ยวช่วงนี้น่ะเหรอครับ” สุวิทย์เอานิ้วชี้เกาจมูกอย่างครุ่นคิด “เอ…ทำไมไปได้จังหวะจริงๆ นะนี่”
“ว่าแต่ทำไมพี่พีทจะต้องบังคับลุงวิทย์มาที่นี่ด้วยล่ะ”
“เอ่อ…เรื่องนี้ผมว่าอาจจะต้องคุยกันยาวหน่อย จะเข้าไปนั่งคุยในบ้านก่อนไม่ได้เลยเหรอครับ”
น้ำหนึ่งไม่ตอบรับหรือปฏิเสธเพราะสมองกำลังคิดอะไรอย่างอื่นอยู่ ผ่านไปหลายอึดใจจึงเงยหน้าขึ้นถามสุวิทย์ว่า
“ถ้าถึงขั้นพาลุงวิทย์มา ก็มีความเป็นไปได้มากว่าต้องเกี่ยวกับเรื่องมรดกคุณย่า พี่พีทคงไม่ได้กลัวว่าคุณย่าจะยกบ้านหลังนี้ให้พี่วีไปจริงๆ ใช่ไหม”
สุวิทย์ไม่มีท่าทีตกใจเมื่อได้ยินแม้แต่น้อย จึงทำให้น้ำหนึ่งยิ่งแน่ใจว่าตัวเองคิดถูกแล้ว
คุณย่าคิดจะยกบ้านที่คุณย่ารักมากกว่าอะไรทั้งหมดหลังนี้ กับที่ดินมูลค่าไม่ต่ำกว่าร้อยล้านที่เชียงรายให้คนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดเลยอย่างปฐวีจริงๆ หรือนี่!
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือน กันยายน 65)