องค์ชายสิบหกเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองบุรุษผู้น่าเกรงขามที่อยู่เบื้องหน้าตน ครั้นสบนัยน์ตาเยียบเย็นราวน้ำแข็งคู่นั้นเขาก็จำได้ว่าอีกฝ่ายบุกเข้าไปในประตูวังเมื่อตอนพลบค่ำ แล้วฟันสังหารเสด็จพ่ออย่างโหดร้ายเลือดเย็นในดาบเดียว จึงสะดุ้งเฮือกตกใจกลัวจนตัวสั่นราวกับลูกนกโดยพลัน รีบหันไปทางกลุ่มคนพวกนั้นพร้อมกับตะโกนเสียงดังลั่น “ท่านแม่ ช่วยข้าด้วย!”
หลังร้องเรียกออกไปเพียงครั้งเดียวก็หมดสติไปทันที
หนิงเฟยเห็นโอรสของตนต้องทุกข์ทรมานเช่นนี้ก็รวบรวมความกล้าขึ้นมา ถึงอย่างไรนางก็เป็นพระชายาที่ได้รับความรักใคร่โปรดปรานจากฮ่องเต้พระองค์ก่อนมาหลายปี อีกทั้งบิดาของนางก็คือเสนาบดีหรงแห่งกรมปกครองซึ่งเป็นขุนนางระดับสูง สตรีสูงศักดิ์จากตระกูลขุนนางที่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างมีเกียรติมาตลอด ยามเผชิญหน้ากับขุนนางกบฏผู้ซึ่งสังหารราชันแห่งแคว้น ความเย่อหยิ่งที่นางมีก็ลดลงไปหลายส่วน “ทะ…ท่านราชครูเว่ย เขาเป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง หากท่านมีอะไรก็มาลงที่ข้าดีกว่า เห็นแก่ที่บิดาของข้ามีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับท่านราชครู ท่าน…ก็เห็นแก่หน้าของเขา ละเว้นฉีเอ๋อร์ของข้าด้วยเถิด…”
เว่ยเหลิ่งเหยามองใบหน้าเปื้อนน้ำตาของหนิงเฟยที่งดงามประหนึ่งดอกฝูหรง ต้องน้ำค้าง ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า “สกุลหรงของพวกเจ้าอาศัยความโปรดปรานของฮ่องเต้รีดนาทาเร้นราษฎรตามอำเภอใจ ล่อลวงให้ฮ่องเต้ทรงลุ่มหลง ทำให้ราชสำนักวุ่นวายไร้ระเบียบ พอคิดดูแล้วข้าควรเห็นแก่หน้าผู้อาวุโสหรงสักหน่อยจริงๆ ในเมื่อเขาได้ลาโลกนี้ไปด้วยอาการเจ็บป่วยเฉียบพลันที่จวนของตนเองก่อนหน้านี้แล้ว พวกเจ้าที่เป็นบุตรหลานก็สมควรจะไปอยู่เป็นเพื่อนท่านผู้เฒ่า”
ทันทีที่สิ้นเสียงหนิงเฟยก็กรีดร้องอย่างคลุ้มคลั่ง เดิมทีนางคิดว่าบิดาจะเป็นทางรอดสุดท้ายของตน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเมื่อสถานการณ์ในวังเปลี่ยนไป ครอบครัวฝั่งบิดาของตนก็ประสบกับเคราะห์ร้ายกะทันหัน เห็นทีเว่ยเหลิ่งเหยาผู้นี้คงรู้มานานแล้วว่าบิดาของนางเคยวางแผนคิดร้ายต่อเขา เจ้าขุนนางกบฏที่ใจจืดใจดำผู้นี้ไม่มีทางละเว้นนางกับฉีเอ๋อร์เป็นแน่แท้เสียแล้ว…
หนิงเฟยรู้สึกสิ้นหวัง ยอมรับชะตากรรมแต่โดยดี นางลุกขึ้นยืนแล้วโผเข้าไปหาเว่ยเหลิ่งเหยาพร้อมก่นด่าอย่างบ้าคลั่ง
น่าเสียดายที่ยังไม่ทันที่นางจะเข้าไปถึงตัวเว่ยเหลิ่งเหยา องครักษ์ที่อยู่ข้างกายก็ชักดาบออกมาและแทงสวนเข้าไปก่อนแล้ว หญิงสาวผู้เคยได้ชื่อว่างดงามเหนือผู้ใดในตำหนักในชักกระตุกอยู่สองสามครั้งก่อนจะล้มลงจมกองเลือดทันที
ไม่ทันไรความชื้นแฉะตรงหว่างขาของบรรดากุ้ยเหริน* ในท้องพระโรงก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ กลิ่นปัสสาวะที่โชยมานั้นทำให้เหล่าองครักษ์ซึ่งรีบรุดเข้าไปในท้องพระโรงอดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ บรรดาสนมชายาที่ได้รับการปรนเปรอจนเคยชินหลายคนต่างตกใจกลัวจนเป็นลมหมดสติไปอีกแล้ว
“ฮ่องเต้พระองค์ก่อนเสด็จสวรรคตด้วยพระอาการประชวร แต่ราชสำนักไม่อาจขาดฮ่องเต้ได้แม้แต่วันเดียว สกุลหรงแอบอ้างพระบารมีของฮ่องเต้ อาศัยความเป็นญาติที่ได้รับความโปรดปรานรีดนาทาเร้นราษฎรตามอำเภอใจมาตลอด การเลือกฮ่องเต้พระองค์ใหม่มิอาจไม่คำนึงถึงนิสัยใจคอของผู้เป็นเครือญาติ…”
คำพูดเพียงไม่กี่คำนี้ทำให้หยวนกงกงตื่นตระหนกจนขวัญหนีดีฝ่อไปเสียแล้ว เขาอดด่าทอตนเองในใจไม่ได้ที่กระทำเรื่องโง่เขลาลงไป
ราชครูเว่ยผู้นี้เป็นที่โปรดปรานตั้งแต่เยาว์วัย อาชีพการงานราบรื่นประสบความสำเร็จมาโดยตลอด หลายปีที่เขาเข้ารับตำแหน่งมานี้ทำให้พวกพ้องของตนเองขยายอำนาจในราชวงศ์ต้าเว่ยอย่างเหิมเกริม น่าเสียดายที่เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ สกุลหรงและตระกูลอื่นๆ ที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคนจะยอมให้คนสามัญผู้นี้ผงาดขึ้นไปสู่จุดสูงสุดโดยปราศจากการสนับสนุนจากบรรพบุรุษได้อย่างไรกัน การต่อสู้ในราชสำนักจึงดุเดือดมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
หากว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างขุนนางผู้มีอำนาจ ฮ่องเต้บางพระองค์อาจเพียงสังเกตการณ์ด้วยท่าทีสงบและให้คำแนะนำบ้าง ซึ่งเป็นวิธีการคานอำนาจสร้างสมดุลระหว่างกลุ่มอำนาจหลายกลุ่ม ที่แย่ก็คือฮ่องเต้พระองค์ก่อนซึ่งก็คือเว่ยหมิงฮ่องเต้นั้นหมกมุ่นอยู่กับนารี โง่เขลาไร้ความสามารถ แรกเริ่มเดิมทีเขาโปรดปรานเอ็นดูเว่ยเหลิ่งเหยาประหนึ่งเลี้ยงลูกเสือลูกจระเข้ ภายหลังด้วยเหตุผลกลใดก็สุดรู้ถึงกับลงมือกำจัดเว่ยเหลิ่งเหยาให้สิ้นซากชนิดขุดรากถอนโคนเลยทีเดียว
น่าเสียดายที่เว่ยเหลิ่งเหยาคาดการณ์ได้ล่วงหน้า จึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาด บุกพระราชวังบังคับฮ่องเต้ให้สละอำนาจราชสมบัติ ไล่กำจัดภัยคุกคามที่แฝงตัวอยู่ซึ่งเป็นอันตรายต่อเขาไปทีละคนๆ
จนใจที่หมิงเจี้ยนฮ่องเต้ผู้ซึ่งเป็นปฐมฮ่องเต้สถาปนาราชวงศ์ต้าเว่ยมองการณ์ไกลอย่างเฉียบแหลม พระองค์ได้แต่งตั้งเชื้อพระวงศ์สกุลเนี่ยไปเป็นอ๋องปกครองดินแดนศักดินาในพื้นที่ต่างๆ ท่านอ๋องผู้เป็นเชื้อพระวงศ์ทั้งหลายพวกนี้ต่างก็มีกองกำลังเป็นของตนเอง หากการเปลี่ยนแปลงราชวงศ์เกิดขึ้นอย่างกะทันหันและเป็นคนสกุลอื่นขึ้นปกครอง เกรงแต่ว่าจะทำให้บรรดาอ๋องผู้ทะเยอทะยานพวกนี้ใช้เป็นข้ออ้างในการลุกฮือก่อกบฏเอาได้