ว่ากันว่าองค์ชายน้อยองค์นี้ไม่ว่าจะท่วงท่าอันใดก็ล้วนทำไม่ได้ทั้งสิ้น ข่าวลือนี้ยังแพร่สะพัดไปทั่วทั้งในและนอกวังหลวงเพียงชั่วข้ามคืน เป็นที่อับอายขายหน้าแก่ราชสกุลเนี่ยยิ่งนัก
เด็กคนนี้จ้องข้าโดยไม่ละสายตาเช่นนี้ คงจะอิจฉาในร่างกายสมเป็นบุรุษของข้าล่ะสิ
ครั้นคิดดังนี้เขาก็เกิดอยากหยอกเย้าอีกฝ่ายขึ้นมา จึงพูดชิดใบหูอันบอบบางของฮ่องเต้ว่า “อยากให้กระหม่อมถอดชุดให้ฝ่าบาททอดพระเนตรจนกว่าจะสาแก่ใจหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“หา?” เนี่ยชิงหลินยังไม่ทันได้ตั้งสติ นางอ้าปากเล็กน้อยพร้อมมองท่านราชครูด้วยความตกตะลึง ถึงได้สังเกตเห็นแววตายั่วเย้าของอีกฝ่าย ฮ่องเต้น้อยกระอักกระอ่วนใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงสงบสติลงได้ จากนั้นจึงมองเขาด้วยสีหน้าชื่นชมพลางพูดจายกยอปอปั้นว่า “กระดูกของท่านราชครูช่างแข็งแกร่งน่าทึ่งยิ่งนัก สมกับเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง ไม่แปลกใจเลยที่ท่านคือเสาหลักของแว่นแคว้น หากอีกหน่อยเราเติบโตแข็งแกร่งเหมือนกับท่านราชครูได้ก็ดีน่ะสิ”
ช่วงเวลาพักผ่อนหย่อนใจระหว่างฮ่องเต้กับขุนนางพลันหายวับไปกับอากาศด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำที่กล่าวมานี้ เว่ยเหลิ่งเหยาหยัดยืดกายลุกขึ้นด้วยแววตาที่เปลี่ยนเป็นเย็นชา
ถึงแม้ฮ่องเต้น้อยพระองค์นี้จะประพฤติตนรู้ความและเชื่อฟังก็จริง ทว่าเขาช่างอาภัพกับคำว่า ‘เติบโต’ นั่นนัก รอให้บ้านเมืองสงบมั่นคงก่อนเถอะ เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าเด็กนี่จะเป็นราชสกุลเนี่ยคนสุดท้ายที่เป็นเครื่องเซ่นสังเวยสำหรับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของข้า
หลังราชครูเว่ยแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ออกจากวังหลวงไป
ฮ่องเต้น้อยตั้งสติได้แล้วก็พึงพอใจอย่างยิ่ง ในที่สุดภารกิจของวันนี้ก็เสร็จไปอีกหนึ่งวันแล้ว นางสามารถปลีกตัวกลับไปยังตำหนักบรรทมได้เสียที
หลังหิมะตกลงมาอากาศก็ดีทีเดียว แม้ยามค่ำคืนจะมืดเร็วอยู่บ้าง แต่เนี่ยชิงหลินรู้สึกว่าควรเดินเล่นออกกำลังให้เลือดลมไหลเวียนสักครู่หนึ่งจะดีกว่า นางจึงไม่ได้ขึ้นรถม้า ขันทีและองครักษ์ที่เดินตามหลังอยู่สองสามคนเดินช้าๆ ตามเสด็จกลับตำหนักบรรทมด้วย พอเดินมาถึงสวนดอกไม้ด้านหลังห้องตำรา นางเงยหน้าขึ้นก็เห็นปิ่นปักผมสีทองระย้าอยู่เบื้องหน้า ซึ่งพัดกลิ่นหอมจรุงลอยตามลมมาด้วย
ครั้นมองไปก็เห็นหญิงงามใต้แสงจันทร์ สตรีในชุดกระโปรงแดงมีแสงจันทร์อาบไล้ไปทั่วร่าง ช่างเป็นภาพที่งดงามเสียนี่กระไร
ทว่ายามที่หญิงงามนางนั้นมองเห็นเนี่ยชิงหลินกลับไม่อาจเก็บซ่อนสีหน้าผิดหวังเอาไว้ได้ ได้แต่ย่อกายถวายพระพรให้ฮ่องเต้ตามมารยาทเท่านั้น
หญิงงามผู้นี้คืออวิ๋นเฟยแห่งตำหนักฉู่อวิ้น เป็นน้องสาวของซั่งหนิงเซวียนรองเสนาบดีกรมทหารคนปัจจุบัน นามเดิมของนางก่อนออกเรือนคือซั่งอวิ๋นชู นางมีชื่อเสียงในฐานะสตรีมากความสามารถในหมู่สตรีชั้นสูงในเมืองหลวง