หากฮ่องเต้น้อยที่เขาประคับประคองอยู่ยังคงสวมเสื้อคลุมมังกรที่ใหญ่เทอะทะไม่เหมาะกับตัว เอาแต่หดศีรษะอยู่ในกระดองเต่าระหว่างงานเลี้ยงเช่นนี้ นั่นคงเป็นเรื่องที่ทำให้เขาเว่ยเหลิ่งเหยาอับอายขายหน้าเป็นแน่แท้ ดังนั้นเขาจึงออกคำสั่งต่อกองงานฝ่ายในที่ละเลยหน้าที่อย่างเฉียบขาดให้ตัดเย็บฉลองพระองค์ให้ฮ่องเต้เป็นการด่วน
ขึ้นครองบัลลังก์มานานเพียงนี้ ในที่สุดเนี่ยชิงหลินก็ได้ตัดเสื้อผ้าใหม่ที่เหมาะกับตัวเสียที!
เนี่ยชิงหลินรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องสำคัญที่ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองในชีวิตของการเป็นฮ่องเต้หุ่นเชิดที่แสนจืดชืดเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว
เมื่อช่างภูษาที่ส่งมาจากโรงทอผ้าจะทำการวัดตัวฮ่องเต้น้อยนั้น อันเฉี่ยวเอ๋อร์ซึ่งอยู่ในห้องชั้นในก็กระซิบถามเนี่ยชิงหลินว่า “ฝ่าบาทเพคะ อีกประเดี๋ยวจะมีคนมาวัดขนาดฉลองพระองค์แล้ว จะทรงสวม ‘ของสิ่งนั้น’ ด้วยหรือไม่เพคะ”
‘ของสิ่งนั้น’ ที่อันเฉี่ยวเอ๋อร์พูดถึงคือวัสดุแท่งที่ทำขึ้นเป็นพิเศษเมื่อครั้งที่ลี่ผินยังมีชีวิตอยู่ เหมือนว่าตัววัสดุทำจากยางไม้พิเศษชนิดหนึ่งจากหนานเจียง พอใส่สีแล้วจะมีผิวสัมผัสนุ่มเหมือนผิวหนังของคนอย่างไรอย่างนั้น หลังจากผ่านการแกะสลักโดยช่างฝีมือที่มีความชำนาญ มันก็มีรูปร่างเหมือนอวัยวะท่อนล่างส่วนนั้นของเด็กหนุ่มทุกประการ
ตอนนั้นขณะที่นางกำนัลมาให้ความกระจ่างในเรื่องต่างๆ แก่เนี่ยชิงหลิน ลี่ผินก็ได้ติด ‘เจ้าแท่งนั้น’ ไว้บนสรีระของเนี่ยชิงหลินแล้ว และได้วางยาลับแก่นางกำนัลผู้นั้นซึ่งมีผลทำให้สติเลอะเลือนจำอะไรไม่ได้อีกต่อไป
โชคดีที่หลังจากเรื่อง ‘ความเป็นชายบกพร่อง’ ได้แพร่สะพัดออกไปก็ช่วยประหยัดเวลาที่จะหมดไปกับเรื่องหยุมหยิมที่ตามมาทั้งหลายได้มากพอดู
ทว่าตอนที่ช่างภูษามาวัดขนาดเสื้อผ้านั้น ถึงอย่างไรก็ต้องเข้ามาใกล้ตัวอยู่ดี หากมองพิรุธโครงสร้างสรีระตรงเป้ากางเกงออกคงไม่เป็นการดีแน่ เนี่ยชิงหลินคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงพยักหน้า
แต่พออันเฉี่ยวเอ๋อร์เปิดกล่องที่ซ่อนไว้ออกมานางก็ถึงกับชะงักค้างอยู่บ้าง เวลานั้นช่างฝีมือที่ทำเจ้าแท่งชิ้นนี้เคยกำชับไว้ว่าตอนเก็บรักษาต้องใส่น้ำลงไปเล็กน้อยเพื่อให้มันชุ่มชื้น ก่อนหน้านี้อันเฉี่ยวเอ๋อร์เก็บวัตถุชิ้นนี้ด้วยความใส่ใจระมัดระวัง ดูแลรักษาอย่างดีมาโดยตลอด แต่หลายวันมานี้ในวังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทำเอานางวุ่นวายไม่น้อย ไหนเลยจะมีเวลาไปใส่ใจสิ่งนี้ได้ พอจะหยิบมาใช้ เพียงเปิดออกดูก็เห็นมันแห้งแข็งไปสักหน่อยเสียแล้ว
ตอนนี้ช่างภูษาก็มารออยู่ที่ด้านนอกตำหนักแล้ว เพราะหลังจากวัดตัวของฮ่องเต้แล้วเขายังต้องไปที่ห้องตำราเพื่อวัดตัวให้ท่านราชครูต่ออีก เวลาค่อนข้างกระชั้นชิดพอควร
เนี่ยชิงหลินดูแล้วไม่มีวิธีอื่นนอกจากจำต้องถูไถใช้มันไปก่อน จึงเร่งอันเฉี่ยวเอ๋อร์ให้รีบยัดเจ้าแท่งนั้นเข้าไปในกางเกงของตนโดยไว
เมื่อช่างภูษาเดินเข้ามาเพื่อวัดตัว เขาก็ขอให้ฮ่องเต้ถอดฉลองพระองค์ตัวนอกออกให้หมดจนเหลือแต่ฉลองพระองค์ตัวบางข้างในเท่านั้นเพื่อทำการวัดขนาด
เนี่ยชิงหลินแต่งตัวเป็นเด็กชายมาตั้งแต่ยังเยาว์วัย จึงไม่ค่อยใส่ใจเรื่องการถูกเนื้อต้องตัวกันระหว่างชายหญิงมากนัก กอปรกับนางสวมผ้ารัดอกอยู่ข้างใน อีกทั้งผ้าของชุดสำหรับฤดูหนาวก็หนาพอควร ไม่มีส่วนใดที่โผล่ออกมา จึงให้ช่างภูษาวัดตัวด้วยท่าทีผ่อนคลายเป็นธรรมชาติ
แต่เพิ่งวัดความยาวแขนเสื้อเสร็จ เว่ยเหลิ่งเหยาก็สาวเท้าก้าวใหญ่เข้ามาในตำหนักแล้วพูดกับช่างภูษาว่า “มานี่ มาวัดตัวให้ข้าก่อน!” พูดจบเขาก็ถอดเสื้อตัวนอกออกแล้วนั่งรออยู่ข้างๆ
ที่แท้เขาเพิ่งได้รับรายงานลับมาเมื่อครู่นี้เอง สายลับที่ส่งไปผิงซีในที่สุดก็ส่งสารกลับมา เรื่องที่ค้างคาอยู่ในใจเขาเนิ่นนานก็คลายลงเสียที เขาย่อมรู้สึกดีใจเป็นธรรมดา จึงดื่มสุราไปสองสามจอกระหว่างอาหารกลางวัน
ในระหว่างอาหารกลางวันนั้นนางกำนัลของอวิ๋นเฟยได้นำจดหมายมาส่งให้เขาด้วยตนเอง ราชครูเว่ยกวาดตาอ่านผ่านๆ อย่างคร้านจะใส่ใจอยู่แวบหนึ่ง ความหมายก็ไม่มีอะไรมากไปกว่า