บทที่ 7
เนื่องจากเมื่อครู่เนี่ยชิงหลินยัดมันเข้าไปอย่างเร่งรีบ ผลปรากฏว่าพอนั่งลงไปโดยไม่ใส่ใจ วัตถุแข็งกระด้างที่หมดสภาพใช้งานแล้วก็ตั้งทะยานขึ้นมา รวมกับเมื่อครู่นี้นางจ้องมองท่านราชครูด้วยสายตาวิบวับเกินไปสักหน่อย ไม่รู้ว่ายามนี้กลายเป็นภาพที่ดูน่าอับอายเพียงใด
ถึงอย่างไรเนี่ยชิงหลินก็ดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสาอยู่พอควร ความคิดแวบแรกในหัวนางก็คือ แย่แล้ว ข้าคงไม่เผยพิรุธให้เห็นแล้วกระมัง!
ดังนั้นนางจึงผุดลุกขึ้นยืนทันใด แล้วหยิบเสื้อบุนวมตัวหนึ่งที่อยู่ข้างๆ มาปกปิดสรีระปลอมท่อนล่างของตนเองไว้ พร้อมกับฝืนพูดออกมาประโยคหนึ่งด้วยท่าทีสงบนิ่งว่า “เราอยากไปห้องน้ำ” แล้วรีบผลุนผลันเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่ด้านข้างตำหนักชั้นในทันที
อันเฉี่ยวเอ๋อร์ก็รีบตามฮ่องเต้น้อยไปติดๆ ด้วยใบหน้าซีดเผือด นางคอยมองขันทีและนางกำนัลที่เดินผ่านไปมาเป็นระยะโดยไม่อาจพูดอะไรได้ทั้งสิ้น ได้แต่ยืนรออยู่หน้าห้องน้ำเท่านั้น
เนี่ยชิงหลินที่อยู่ในห้องน้ำเหงื่อเย็นแตกพลั่กไปทั้งร่าง นางลูบไล้วัตถุเจ้าปัญหานั้นอย่างทะนุถนอม จากนั้นสวมเสื้อคลุมที่อันเฉี่ยวเอ๋อร์ยื่นส่งมาให้จนเรียบร้อย แล้วจึงนั่งสงบสติอารมณ์บนส้วมที่สะอาดอยู่ครู่หนึ่ง
ถึงแม้อากัปกิริยาเมื่อสักครู่นี้จะดูแปลกประหลาดไปสักหน่อย แต่ท่านราชครูก็ไม่น่าจะถามถึงเรื่องนี้ขึ้นมา อย่างไรนี่ก็เป็นจุดสงวนส่วนตัว หรือว่าในฐานะขุนนางจะไม่ปล่อยให้ฮ่องเต้วางตัวสง่างามขึ้นมาบ้างเลยหรือไรกัน
เขาคงไม่ให้ข้าถอดกางเกงออกเพื่อตรวจสอบหรอกกระมัง เนี่ยชิงหลินรู้สึกว่านั่นไม่ใช่นิสัยของเว่ยเหลิ่งเหยา นางได้ ‘ศึกษาเรียนรู้’ กับท่านราชครูมาระยะหนึ่งแล้วก็พอไตร่ตรองได้อย่างคร่าวๆ ว่าถึงแม้ท่านราชครูจะเป็นคนฉลาดมากเล่ห์และโหดเหี้ยม เป็นจอมวางแผนมองการณ์ไกลชิงไหวชิงพริบในราชสำนักเพียงใด แต่พอเป็นเรื่องหยุมหยิมในชีวิตประจำวันกลับคร้านที่จะพูดมาก ไม่ค่อยจู้จี้จุกจิกในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ สักเท่าใดนัก
เนี่ยชิงหลินยิ่งคิดก็ยิ่งปลอดโปร่งโล่งใจขึ้นพอสมควร พอออกจากห้องน้ำสีหน้าของนางก็สดชื่นแจ่มใสประหนึ่งว่าได้เข้าไปปลดทุกข์มาแล้วจริงๆ
ครั้นเนี่ยชิงหลินกลับเข้าไปยังห้องด้านในอีกทีก็พบว่าท่านราชครูออกไปแล้ว เหลือเพียงช่างภูษาที่รออยู่เท่านั้น เนี่ยชิงหลินถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก แล้วเรียกช่างภูษาให้มาวัดเสื้อผ้าต่ออย่างมีความสุข
ต่อให้ตีเนี่ยชิงหลินตายนางก็คิดไม่ถึงหรอกว่าท่านราชครูที่กำลังเดินมุ่งหน้าไปยังตำหนักฉู่อวิ้นอยู่ในเวลานี้ในหัวไม่ได้คิดถึงเรื่องแก่งแย่งชิงบัลลังก์ยึดอำนาจแต่อย่างใด ทว่ากลับเป็น ‘เรื่องหยุมหยิมตรงเป้ากางเกงของฮ่องเต้’ นั่นล่ะ
พอพ้นจากประตูตำหนักบรรทม ท่านราชครูก็สร่างเมาไปไม่น้อยแล้ว ในเวลานี้เขากำลังเลิกคิ้วหนาหรี่นัยน์ตาหงส์พลางครุ่นคิดไปด้วย ดูจากสภาพเมื่อครู่แล้วไม่เห็นเหมือนคนใช้การไม่ได้เลย! ความจริงยังใช้งานได้ดีด้วยซ้ำ! บางทีอาจแค่ไม่เกิดอารมณ์กับสตรี เพราะพอจ้องมองเขาด้วยสายตาคลั่งไคล้ลวนลามเพียงไม่นาน ร่างกายก็เกิดการตอบสนองเสียแล้ว!
ที่แท้ฮ่องเต้พระองค์ก่อนผู้มากตัณหาก็มีบุตรชายที่ชมชอบการตัดแขนเสื้อแบ่งลูกท้อ อยู่คนหนึ่งด้วย! ช่างน่าเย้ยหยันเสียจริง! ประวัติศาสตร์อันวุ่นวายของราชสกุลเนี่ยมีครบทุกอย่างไม่ขาดตกบกพร่องเรื่องใดจริงๆ!