บทที่ 9
ครั้นเนี่ยชิงหลินตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นก็พบว่าโรงทอผ้าได้ส่งเสื้อคลุมมังกรที่เพิ่งตัดเย็บขึ้นใหม่มาให้แล้ว
การโบยตีที่เกิดขึ้นฉากหนึ่งเมื่อบ่ายวานนี้ทำให้ทุกคนในกองงานฝ่ายในต่างพากันอกสั่นขวัญแขวนด้วยกลัวภัยจะมาถึงตัว โชคดีที่เมื่อก่อนมีแบบปักเสื้อคลุมมังกรเหลืออยู่ไม่น้อย ซึ่งล้วนเตรียมไว้เผื่อใช้ในยามฉุกเฉิน หัวหน้าผู้ดูแลโรงทอผ้าจึงระดมช่างภูษาฝีมือเยี่ยมที่มีทั้งหมดมาช่วยกันเย็บปักถักร้อยกันตลอดทั้งคืนจนทำเสร็จไปสามตัวแล้วส่งออกมาทันที ส่วนชุดลำลองและเสื้อคลุมแบบอื่นๆ ก็กำลังเร่งตัดเย็บกันมือเป็นระวิงอยู่เช่นกัน
เสื้อคลุมมังกรพอดีตัวนัก เนี่ยชิงหลินมองตนเองในคันฉ่องสำริดบานใหญ่ที่เพิ่งส่งมาใหม่ก็เห็นว่าตนเองมีสง่าราศีของโอรสสวรรค์อยู่เหมือนกัน แต่นางไม่มีคอเสื้อสูงๆ ให้หดคอได้แล้วนี่สิ พอคิดว่านางไม่อาจงีบหลับตามอำเภอใจโดยไม่ต้องเกรงกลัวสายตาใครในท้องพระโรงได้อีก เนี่ยชิงหลินก็รู้สึกเสียดายเล็กน้อย
ยามร่วมประชุมราชสำนักเช้าฮ่องเต้น้อยผู้สุภาพอ่อนโยนประทับนั่งลงบนบัลลังก์มังกรด้วยแววตามุ่งมั่น ทำให้ราชครูเว่ยที่นั่งอยู่ด้านข้างบัลลังก์มังกรถึงกับพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
วันนี้ในท้องพระโรงนอกเหนือจากเหล่าขุนนางทั้งบุ๋นบู๊นับร้อยคนตามปกติแล้ว ยังมีอ๋องศักดินาผู้หนึ่งที่เข้าเมืองหลวงมาร่วมประชุมด้วย คนผู้นี้ก็คือผิงชวนอ๋อง
เขาคือเสด็จอาหกของฮ่องเต้พระองค์ก่อนที่เกิดจากสนมนางหนึ่ง เนื่องจากเขาไม่ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้พระองค์ก่อน ที่ดินศักดินาที่ได้รับจึงค่อนข้างเล็ก โดยอยู่ติดกับที่ดินศักดินาอันใหญ่โตอุดมสมบูรณ์ของผิงซีอ๋อง
แม้เทศกาลชมโคมใกล้เข้ามาแล้ว แต่คนส่วนใหญ่ที่เดินทางเข้าเมืองหลวงมักเป็นเครือญาติที่เป็นสตรีและเด็ก อ๋องศักดินาที่เข้าเมืองหลวงก็มีเช่นกัน แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ทว่าการเดินทางเข้าเมืองหลวงล่วงหน้าเทศกาลชมโคมเช่นนี้ออกจะเป็นเรื่องแปลกที่ไม่ค่อยพบเห็นนัก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นภายในวังหลวง คาดว่าพอถึงเทศกาลชมโคม คนในครอบครัวของอ๋องศักดินาแต่ละสายจะไม่เดินทางเข้าเมืองหลวงแน่เพื่อเลี่ยงการตกเป็นเป้าหมายของขุนนางมักใหญ่ใฝ่สูงที่แย่งชิงอำนาจกันอยู่
ผิงชวนอ๋องเป็นฝ่ายเดินทางเข้าเมืองหลวงล่วงหน้า นี่คือวิธีเคลื่อนไหวแบบใดกัน
ผิงชวนอ๋องรูปร่างผอมเก้งก้างราวกับต้นไผ่เดินอาดๆ เข้าไปร่วมประชุมราชสำนัก ขณะที่เขาโค้งคำนับคารวะฮ่องเต้น้อยอยู่นั้นก็ไอโขลกๆ ไปด้วย
เนี่ยชิงหลินหวั่นใจเหลือเกินว่าเสด็จปู่หกของตนผู้นี้จะไอมากจนอวัยวะภายในบอบช้ำ อาจกระอักเลือดออกมาได้
วันนี้ราชครูเว่ยวางตัวเป็นกันเองเป็นพิเศษ เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้มังกรวารี รีบสาวเท้าไปสองสามก้าว เข้าไปประคองผิงชวนอ๋องที่ป่วยกระเสาะกระแสะพร้อมพูดด้วยสีหน้าอ่อนโยนเป็นมิตร “ผิงชวนอ๋อง ท่านป่วยอยู่ เหตุใดต้องมากพิธีถึงเพียงนี้เล่า” เขาหันไปพูดกับข้ารับใช้ “ใครก็ได้มานี่ เอาเก้าอี้มา!”
หลังจากผิงชวนอ๋องเอ่ยขอบคุณและนั่งลงเรียบร้อยแล้ว นอกเหนือจากการบรรยายสรุปชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎรภายใต้การปกครองในแถบผิงชวนของเขาแล้ว เขายังกล่าวขอบคุณราชครูเว่ยที่หาหมอเทวดามาฟื้นฟูรักษาเขา หวังแต่เพียงว่าครั้งนี้หมอที่มีชื่อเสียงในวังจะวินิจฉัยและรักษาอาการเจ็บป่วยของเขาได้ดียิ่งขึ้น
ที่แท้อ๋องศักดินาที่ป่วยเจียนตายเดินทางเข้าเมืองหลวงเพื่อรักษาอาการป่วยนี่เอง บัดนี้กลุ่มขุนนางก็ปลอดโปร่งโล่งใจขึ้นมาทันที