ครั้นราชครูเว่ยก้าวผ่านประตูใหญ่ของตำหนักบรรทมเข้าไป ฮ่องเต้น้อยก็นั่งตัวตรงรออยู่ในโถงหลักแล้วอย่างหาได้ยากยิ่ง!
หยวนกงกงสั่งให้คนนำอาหารขึ้นโต๊ะ อาหารนานาชนิดถูกยกมาวางบนโต๊ะ ฮ่องเต้และขุนนางได้เพิ่มบทสนทนาอันน่ารื่นรมย์ขึ้นภายในตำหนัก กินอาหารกลางวันด้วยกันอย่างสมัครสมานกลมเกลียว
พอเริ่มกินอาหาร ราชครูเว่ยถึงสังเกตเห็นนิสัยการกินที่ผิดปกติของฮ่องเต้น้อย ยามปกติอีกฝ่ายก็ดูกินตะกละตะกลามไม่รู้จักพอ แต่พอถึงเวลากินจริงจังกลับคีบอาหารที่ดูน่าอร่อยกินไปเพียงไม่กี่คำก็วางตะเกียบลงไม่แตะต้องมันอีก
ราชครูเว่ยช้อนตาขึ้นมองเล็กน้อยพลางถาม “ฝ่าบาททรงห่วงกังวลราษฎรที่ตกทุกข์ได้ยากจนเสวยพระกระยาหารไม่ลง หรือทรงไม่คุ้นเคยกับการที่มีกระหม่อมนั่งอยู่ข้างๆ ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ปกติเนี่ยชิงหลินก็กินไม่มากอยู่แล้ว อาหารที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันเมื่อวานนี้ทำให้ท้องไส้ของนางปั่นป่วนเกินกว่าจะรับไหว รวมกับเมื่อครู่นางเพิ่งกินเมล็ดแตงและของว่างเข้าไป แล้วจะหิวได้ที่ใดกันเล่า
เมื่อได้ยินคำถามของเทพแห่งโรคระบาด* เนี่ยชิงหลินก็รีบตอบไปว่า “ยากนักที่ท่านราชครูจะเจียดเวลามากินอาหารเป็นเพื่อนเรา เราชอบมาก แต่เมื่อครู่เราเพิ่งเล่นกับซื่อจื่อน้อย กินขนมพื้นเมืองที่เขานำติดตัวมาด้วยไปพอควรทีเดียว ยังอืดท้องอยู่เลย ท่าทางจะยังไม่ย่อยดี”
เว่ยเหลิ่งเหยาขมวดคิ้ว ดูผิงชวนอ๋องที่ป่วยกระเสาะกระแสะอย่างนั้น เด็กที่เลี้ยงดูกลับกลมป้อมน่ารักสะดุดตายิ่งนัก แต่เจ้าไข่มุกมังกรที่เลี้ยงในวังหลวงแห่งนี้กลับผอมเหมือนลิงไปได้เสียนี่ ช่างไม่ไว้หน้ากันเลย! รอเทศกาลชมโคมมาถึง เชื้อพระวงศ์และขุนนางทุกคนมารวมตัวกัน เพียงแหงนหน้ามองดูเจ้าลิงผอมตัวนี้ จะให้ข้าผู้เป็นราชครูเอาหน้าไปไว้ที่ใดเล่า
ครั้นคิดดังนี้ราชครูเว่ยก็ตะโกนบอกนางกำนัลและขันทีที่อยู่นอกห้องว่า “จากนี้ไปงดของว่างของฮ่องเต้ทั้งหมด ของที่ไม่มีประโยชน์ส่งมาให้น้อยลงสักหน่อย ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงเทศกาลชมโคมอาหารมื้ออื่นๆ สองมื้อยกเว้นอาหารเช้าให้ร่วมกินพร้อมกันกับข้า”
ทันทีที่เนี่ยชิงหลินได้ยินคำพูดนี้น้ำตาก็แทบจะไหลออกมา หายนะมาเยือนโดยแท้! นางรู้แก่ใจมาตั้งนานแล้วว่าการเป็นหุ่นเชิดไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ไม่คิดเลยว่าท่านราชครูจะใจร้ายถึงขนาดมีความคิดที่จะมายุ่มย่ามการฆ่าเวลาอันน้อยนิดของนางเช่นนี้ด้วย
ท่านราชครู ท่านมีเวลาว่างมากนักหรือ พื้นที่น้ำหลากแต่ละแห่งล้วนแห้งหมดแล้ว? ชาวหูตามแถบชายแดนพวกนั้นก็ไม่ก่อเรื่องก่อราวให้ต้องกังวลแล้ว? ตอนนี้เนี่ยชิงหลินกลับปรารถนาให้ผิงซีอ๋องฮึดสู้ขึ้นมาหน่อย น้องชายบนบัลลังก์ผู้นี้จะได้พึ่งพากำลังของญาติผู้พี่พลิกสถานการณ์วิกฤตนี่เสียที!
หลังจากเว่ยเหลิ่งเหยาสั่งการจบก็มองดวงตาที่แดงก่ำขึ้นเรื่อยๆ ของฮ่องเต้น้อยด้วยความพึงพอใจ จากนั้นก็คีบเนื้อกวางผัดดอกกุ้ยชิ้นหนึ่งใส่ลงในชามของฮ่องเต้น้อยด้วยตนเองพร้อมพูดโดยไม่ลังเลเลยว่า “ของพวกนั้นจะทำให้อิ่มท้องได้อย่างไรกันพ่ะย่ะค่ะ กินเนื้อนี้ให้หมดก่อนแล้วค่อยลุกจากโต๊ะ!”