โชคดีที่เมื่อคราวลี่ผินเข้าวังในตอนนั้นมีชายหนุ่มจากครอบครัวที่เลื่องชื่อในวิชาแพทย์ผู้หนึ่งซึ่งเป็นคนบ้านเดียวกันกับลี่ผินหลงรักนาง คนผู้นั้นยอมเดินทางออกจากบ้านเกิดและติดตามนางมาตลอดทางจนถึงเมืองหลวง ทั้งยังสอบเข้าทำงานที่สำนักแพทย์หลวงได้ด้วย ถึงแม้เขาไม่อาจอยู่กับหญิงงามที่หมายปองได้ตลอดทั้งวันทั้งคืน แต่การที่ได้เห็นนางสักครั้งในยามรุ่งสางหรือตอนพลบค่ำ และปลายนิ้วของเขาได้สัมผัสข้อมืออันบอบบางเนียนละเอียดของนางก็นับว่าช่วยบรรเทาความทุกข์ทรมานจากความคิดถึงคะนึงหาของเขาได้
พอนานวันเข้าหมอหลวงจางก็กลายเป็นหมอหลวงประจำตัวของลี่ผิน ตอนที่ลี่ผินได้รับความโปรดปราน คนต่ำต้อยเช่นนี้ไม่โดดเด่นอยู่ในสายตาเท่าใดนัก แต่หลังจากที่นางสูญเสียความโปรดปรานไปแล้วถึงได้ตระหนักว่า ‘คนจริงใจ’ เช่นนี้มีค่าเพียงใด จะมัวรำพันคร่ำครวญถึงชะตาชีวิตที่ขึ้นๆ ลงๆ ของตนเองก็สายเกินไปแล้ว!
เนี่ยชิงหลินก็ได้แต่หวังว่าจะสามารถใช้ชีวิตที่เหลือในวังได้อย่างสงบสุขปลอดภัย โชคดีที่ในการก้าวเดินที่เสี่ยงอันตรายของนางมีหมอหลวงจางคอยช่วยเหลือ จึงทำให้ไร้อันตรายใดๆ เกิดขึ้นระหว่างเส้นทางที่สุ่มเสี่ยงนั้น
เวลาผ่านไปไม่นานคนจากสำนักแพทย์หลวงก็เข้ามาอย่างเร่งรีบพร้อมกับล่วมยาที่สะพายขึ้นหลัง พออันเฉี่ยวเอ๋อร์มองไปก็อุทานขึ้นในใจทันที แย่แล้ว! เหตุใดคนที่มาถึงไม่ใช่หมอหลวงจางเล่า เหตุใดถึงเป็นชายหนุ่มหน้าตาท่าทางซื่อๆ ไปได้
นางให้หมอหลวงหนุ่มผู้นี้รออยู่ที่ห้องโถงใหญ่ก่อนแล้วรีบเข้าไปห้องชั้นใน กระซิบบอกฮ่องเต้น้อยว่า “ฝ่าบาทเพคะ คนที่มาครั้งนี้ไม่ใช่หมอหลวงจาง แต่เป็นหมอหลวงหนุ่มผู้หนึ่งเพคะ…”
เนี่ยชิงหลินปวดกระเพาะจนสุดจะทานทน ปวดเสียจนเหงื่อเย็นเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นเป็นแถบบนหน้าผากขาวนวลเนียน พอได้ยินอันเฉี่ยวเอ๋อร์พูดเช่นนี้ หลังจากคลื่นความเจ็บปวดถาโถมเข้ามาระลอกหนึ่ง นางก็รวบรวมเรี่ยวแรงเอ่ยขึ้นว่า “เจ้า…ไปบอกเขาว่า…เรา…หลับไปแล้ว ให้เขาเขียนเทียบยาระงับอาการปวดไว้…จากนั้นส่งเขากลับไปแล้วกัน”
อันเฉี่ยวเอ๋อร์มองดูเจ้านายตัวน้อยของตนต้องทุกข์ทรมานด้วยความปวดใจ ในใจก็อดต่อว่าด่าทอราชครูเว่ยเจ้าคนสารเลวอย่างดุเดือดเสียยกหนึ่งไม่ได้ จากนั้นก็รีบถอยตัวออกไปแจ้งหมอหลวงหนุ่มตามที่ได้รับคำสั่งมาโดยไม่รีรอ
ไม่คาดคิดว่าหลังจากหมอหลวงก้มศีรษะน้อมรับคำสั่งแล้ว ขณะที่เขาเปิดกล่องยาหยิบพู่กันและหมึกพร้อมกับที่ฝนหมึกออกมานั้นก็หยิบจี้หยกอันหนึ่งออกมาเหน็บไว้ที่เอวของตน
อันเฉี่ยวเอ๋อร์มีสายตาเฉียบแหลม แค่มองปราดเดียวก็จำได้ทันที นี่ไม่ใช่ของรักที่ลี่ผินมอบให้แก่หมอหลวงจางเป็นการส่วนตัวในตอนนั้นหรอกหรือ หมอหลวงจางหวงแหนมันราวกับสมบัติล้ำค่า ทุกครั้งที่มาพบลี่ผินล้วนต้องห้อยไว้ที่เอวของตนเองทุกครั้ง!
ดังนั้นนางจึงเอ่ยถามทันที “เหตุใดหมอหลวงจางถึงไม่มาเล่า”
ชายหนุ่มรีบตอบโดยไม่รอช้า “เรียนแม่นาง ข้าแซ่จาง นามว่าซื่ออวี้ หมอหลวงจางเฉิงเป็นบิดาบุญธรรมของข้า ท่านผู้เฒ่าป่วยหนักและเสียชีวิตภายในบ้านตั้งแต่ครึ่งเดือนก่อนแล้วขอรับ”
อันเฉี่ยวเอ๋อร์ได้ยินแล้วก็ตกใจ หางตาแดงเรื่อทันที ลี่ผินป่วยหนักมานานและจากไปตั้งแต่หนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ ทว่าหมอหลวงจางร่างกายแข็งแรงมาตลอด เหตุใดบทจะจากไปก็ปุบปับเช่นนี้เล่า ว่ากันถึงที่สุดแล้วคงเป็นเพราะ ‘ความลุ่มหลง’ นี่ล่ะที่ทำให้เกิดปัญหา เห็นทีคนที่หมดอาลัยตายอยากผู้นั้นคงกลัวว่าลี่ผินที่อยู่ในยมโลกจะเปล่าเปลี่ยวเดียวดายกระมัง จึงได้ติดตามไปอยู่ด้วยกันเช่นนี้…