ชายหนุ่มผู้นั้นเผยสีหน้าเศร้าสร้อยเช่นกัน ก่อนพูดเสริมว่า “แม้ท่านพ่อจากไปกะทันหัน แต่ท่านก็เป็นห่วงฮ่องเต้ตลอดมา ท่านได้ส่งมอบการตรวจวินิจฉัยชีพจรของฮ่องเต้ที่ผ่านมาทั้งหมดให้ข้าไว้แล้ว และกำชับข้าว่าต้องเพิ่มความระมัดระวังในการปรนนิบัติดูแลฮ่องเต้เป็นสองเท่าด้วยขอรับ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้อันเฉี่ยวเอ๋อร์ก็อึ้งงันไปอีกครั้ง หรือหมอหลวงจางบอกความลับเรื่องนั้นกับชายหนุ่มผู้นี้ด้วยแล้ว หมอหลวงอาวุโสเป็นคนสุขุมเยือกเย็นมาโดยตลอด คิดดูแล้วหากเขาสามารถกำชับคนผู้นี้ได้อย่างวางใจ แสดงว่าคนผู้นี้ต้องเชื่อถือได้แน่
ดังนั้นนางจึงเข้าไปในห้องชั้นในเพื่อบอกข้อความดังกล่าวให้แก่เจ้านายตัวน้อยของตนฟังทันที
ผ่านไปสักพักอันเฉี่ยวเอ๋อร์ก็ออกมาเชิญหมอหลวงจางซื่ออวี้เข้าไปด้านใน พอเข้าไปถึงห้องชั้นในจางซื่ออวี้ก็เห็นร่างบอบบางล้ำค่าร่างหนึ่งเอนกายกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงมังกร เขารีบก้มศีรษะลงต่ำเบี่ยงตัวหลบไปด้านข้าง แล้วบอกอันเฉี่ยวเอ๋อร์เสียงเบาว่าให้ลดม่านเหนือเตียงมังกรลงมา
ในตอนแรกสองนายบ่าวยังไม่แน่ใจ ครั้นเห็นอาการตอบสนองเช่นนี้ของหมอหลวงจาง พวกนางก็กระจ่างแจ้งแก่ใจทันทีว่าเขาต้องเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างดีแน่นอน หาไม่แล้วจะตรวจอาการให้ฮ่องเต้เหตุใดต้องให้ลดม่านลงเหมือนเวลาที่จะตรวจอาการให้เหล่าสนมชายาตำหนักในด้วยเล่า
“ท่านหมอหลวงมาที่นี่เป็นครั้งแรก ไม่ต้องเคร่งครัดมากพิธีเกินไปนัก เราเป็นบุรุษ ไม่มีข้อห้ามอันใดเหมือนพวกสนมชายาตำหนักใน ท่านมาตรวจชีพจรให้เราเถอะ!” เนี่ยชิงหลินสั่งเรียบๆ
หมอหลวงจางรีบโค้งคำนับทำความเคารพแล้วก้าวสั้นๆ เดินเข้าไปใกล้ พอได้ยินเสียงแหบห้าวเล็กน้อยทว่านุ่มนวลอ่อนโยนของฮ่องเต้แล้ว หัวใจของเขาก็เต้นรัวอยู่บ้าง
ครั้นมือบอบบางล้ำค่าดุจหยกนวลเนียนยื่นมาตรงหน้าหมอหลวงจาง ปลายจมูกของเขาก็ชื้นไปด้วยเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดซึมออกมา ปลายนิ้วของเขาสัมผัสกับผิวหนังเรียบเนียนราวหยกมันแพะ* ซึ่งนุ่มลื่นเสียจนแทบจะหลุดออกมา แม้เพียงสัมผัสเบาๆ อาการชานิดๆ ก็แผ่ซ่านไปตามปลายนิ้ว เขากัดลิ้นไว้พยายามทำใจให้สงบอย่างรวดเร็ว ตั้งหน้าตั้งตาตรวจชีพจรด้วยความระมัดระวังต่อไป
เนี่ยชิงหลินก็กำลังประเมินหมอหลวงจางผู้นี้อยู่เช่นกัน พินิจจากรูปลักษณ์ภายนอกก็ดูซื่อๆ ตรงไปตรงมา เขามีนามว่า ‘ซื่ออวี้’ น่าจะเป็น ‘อวี้’ ที่มีความหมายว่าหยก อักษรตัวเดียวกันกับตัว ‘อวี้’ ในชื่อ ‘พานอวี้เอ๋อร์’ ซึ่งเป็นนามเดิมของท่านแม่กระมัง
‘ซื่อ’ ที่มีความหมายว่า ‘รับใช้’ เสียงก็ใกล้กับคำว่า ‘ซือ’ ที่มีความหมายว่า ‘คิดคำนึง’ นี่! หมอหลวงเฒ่าจางเฉิงเต็มใจอุทิศทั้งชีวิตรับใช้สตรีที่ไม่อาจแตะต้องได้ ไม่ยอมแต่งงานตลอดชีวิต…จะว่าไปชีวิตนี้ของท่านแม่ก็ไม่ได้อยู่อย่างเปล่าประโยชน์หรอก
คนผู้นี้แม้ยังดูอ่อนวัย แต่เขาก็ได้รับการถ่ายทอดวิชาความรู้มาจากบิดาบุญธรรมของเขาอย่างแท้จริง หลังจากเนี่ยชิงหลินได้รับการตรวจชีพจรรวมถึงการฝังเข็มครบถ้วนแล้ว อาการปวดกระเพาะก็ทุเลาไปมาก
เนี่ยชิงหลินรู้สึกโล่งใจไม่น้อย นางถามขึ้นว่า “ทักษะของหมอหลวงจางยอดเยี่ยมจริงๆ แต่ท่านยังดูอ่อนเยาว์มากเมื่อเทียบกับหมอหลวงคนอื่น น่าจะเพิ่งเข้าสำนักแพทย์หลวงสืบทอดต่อจากบิดาได้ไม่นาน เหตุใดพวกเขาถึงยอมให้ท่านมาตรวจเราได้เล่า”
หมอหลวงจางตอบเสียงเบา “อ๋องศักดินาผิงชวนอ๋องที่เพิ่งเข้าเมืองหลวงป่วยเรื้อรังด้วยโรคที่พบได้ยาก เหล่าหมอหลวงได้รับคำสั่งจากท่านราชครู ให้หมอหลวงอาวุโสทุกท่านไปที่จวนอ๋องเพื่อตรวจดูอาการผิงชวนอ๋องกันหมด กระหม่อมจึงขันอาสามาตรวจพระอาการให้ฝ่าบาทเอง และไม่มีผู้ใดมาแก่งแย่งหน้าที่นี้กับกระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
เนี่ยชิงหลินถึงกับยิ้มน้อยๆ อย่างเข้าใจได้ในทันที สำนักแพทย์หลวงล้วนเต็มไปด้วยผู้เฒ่ามากเล่ห์! พวกเขารู้ดีถึงความลับและสภาพความเป็นไปในวังแห่งนี้ ฮ่องเต้น้อยประชวร บางทีนี่อาจเป็นผลจากราชครูเว่ยก็ได้ หากมีใครเผลอไปเปิดโปงความจริงที่ซ่อนอยู่โดยไม่ทันระวังระหว่างทำการตรวจรักษาฮ่องเต้เข้า พวกเขาอาจถูกท่านราชครูฆ่าปิดปากเอาได้น่ะสิ!
มีคนอาสามารับเคราะห์แทนเช่นนี้ ยังจะมีใครคิดแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกับเขาอีกเล่า