แต่หาใช่ตัวอักษรทรงพลังที่คุ้นเคยของเว่ยเหลิ่งเหยาไม่
ครั้นเห็นดังนี้นางก็ขนลุกเกรียวไปทั่วร่างอย่างระงับไม่อยู่…ตัวอักษรพวกนี้นางคุ้นเคยเป็นอย่างดี เหมือนกับกระดาษข้อสอบในการสอบหน้าพระที่นั่งในปีนั้นไม่มีผิด…เก๋อชิงหย่วน?
เนี่ยชิงหลินโยนกระดาษข้อความในมือลงพื้นราวกับสัมผัสถูกงูพิษ ก่อนจะขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วหยิบกระบอกจิ๋วบรรจุข้อความที่ปิดผนึกด้วยขี้ผึ้งขึ้นมาดูอีกที เมื่อสังเกตอย่างละเอียดก็พบว่าผนึกขี้ผึ้งบนนั้นไม่เรียบลื่น ดูเหมือนว่าถูกคนเปิดออกแล้วค่อยปิดผนึกเข้าไปใหม่อีกครั้ง
หลังจากไตร่ตรองดูเนี่ยชิงหลินก็เข้าใจทันที นี่ต้องเป็นพิราบสื่อสารของต้าเว่ยที่ปล่อยออกมาแล้วถูกเก๋อชิงหย่วนดักจับไว้เป็นแน่ พอเปลี่ยนข้อความข้างในแล้วก็ปล่อยมันออกมาใหม่ กระดาษข้อความที่ชวนให้คนขนลุกนี้จึงได้ส่งมาถึงมือนางอย่างราบรื่น
ความน่ากลัวของชายผู้นี้แตกต่างจากเว่ยเหลิ่งเหยาผู้เปี่ยมไปด้วยความทะเยอทะยานและคมเขี้ยวที่เผยออกมาอย่างชัดเจน เก๋อชิงหย่วนเป็นคนเจ้าเล่ห์ที่ไม่หยุดเรียนรู้และเติบโตก้าวหน้าอยู่เสมอ หลังจากเผชิญความวุ่นวายในเมืองหลวงและหนานเจียงมา จิตใจของเขาจะแปรเปลี่ยนเป็นใจดำอำมหิตเพียงใดแล้วนั้นผู้ใดก็ไม่อาจรู้ได้…
เก๋อชิงหย่วน ท่านจะทำอะไรกันแน่
ม้าสิบกว่าตัวกำลังวิ่งเหยาะๆ ไปบนถนนเล็กที่คดเคี้ยวไปมาตามภูเขา ดูจากท่าทางที่ผ่อนคลายสบายๆ เช่นนั้นแล้ว เหมือนกับเด็กหนุ่มสาวจากครอบครัวมีอันจะกินที่ออกเดินทางท่องเที่ยวในฤดูใบไม้ผลิ ชายหนึ่งหญิงหนึ่งขี่ม้าคนละตัวไปด้วยกัน หญิงสาวปกปิดร่างกายทั่วร่างด้วยเสื้อคลุมสีดำ ส่วนชายหนุ่มร่างสูงใหญ่นั่งอยู่บนหลังม้า สายตาลุ่มลึกมองทอดมองไปไกล เงียบงันอยู่เนิ่นนานโดยไม่เอ่ยคำใด
ผ่านไปสักพักหญิงสาวก็หันมามองชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ พลางขมวดคิ้วพร้อมเอ่ยขึ้นว่า “พี่ชาย ความเร็วของพวกเราเชื่องช้าเกินไปแล้วนะ นี่สิบกว่าวันแล้วยังไม่ถึงชายแดนเลย แล้วอย่างนี้จะไปแก้แค้นได้อย่างไรกัน ควรเร่งฝีเท้าม้าเข้าไปในเป่ยเจียงให้เร็วกว่านี้นะเจ้าคะ จะได้เข้าร่วมกับฉานอวี๋ของซยงหนู แล้วจัดการสับร่างราชครูเว่ยกับองค์หญิงหย่งอันนั่นให้แหลกเป็นชิ้นๆ เพื่อล้างแค้นให้ท่านพ่อกับญาติพี่น้องที่ตายอย่างน่าอนาถเสียที” คำพูดตอนท้ายกัดฟันกรอดเอ่ย สีหน้าแววตาเคียดแค้นจนดูน่ากลัว
เมื่อไม่กี่วันก่อนคนของพี่ชายวางตาข่ายดักสัตว์เอาไว้และดักพิราบสื่อสารได้ตัวหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าจะเป็นสารรักที่ติ้งกั๋วโหวเขียนถึงองค์หญิงหย่งอันไปเสียได้! ทำเอาพี่ชายที่มักไม่แสดงอารมณ์ใดๆ มาโดยตลอดไม่ว่าโกรธหรือดีใจถึงกับบีบถ้วยน้ำที่ถืออยู่ในมือจนแตกละเอียดเลยทีเดียว
องค์หญิงหย่งอันมีอะไรดีนักนะ อีกฝ่ายอาศัยอะไรถึงทำให้บุรุษที่โดดเด่นสองคนอย่างพี่ชายของนางกับเว่ยเหลิ่งเหยาหลงใหลอย่างหัวปักหัวปำถึงเพียงนี้ได้ นางจิ้งจอกเจ้าเล่ห์สมควรตาย!
เก๋ออวิ๋นเอ๋อร์ในตอนนี้อุปนิสัยไม่เหลือเค้าลางของคุณหนูผู้สูงศักดิ์จากตระกูลสูงศักดิ์เลื่องชื่อในกาลก่อนอีกต่อไปแล้ว เมื่อพี่ชายของนางสั่งให้นางปรนนิบัติรับใช้หนานเจียงอ๋อง แม้นางจะไม่เต็มใจ แต่เมื่อคิดว่าตนเองก็ไม่ใช่หญิงบริสุทธิ์อะไร ความบริสุทธิ์ของนางถูกทำลายไปแล้ว หากพี่ชายของนางสามารถสนับสนุนหนานเจียงอ๋องให้มีอำนาจได้ เช่นนั้นนางก็จะกลายเป็นชายาหนานเจียงอ๋อง หวนกลับสู่เมืองหลวงที่นำความอัปยศอดสูมาให้นางอย่างไม่สิ้นสุด สามารถล้างแค้นให้กับความอับอายและเชิดหน้าอย่างภาคภูมิใจต่อหน้าองค์หญิงหย่งอันได้อีกครั้ง ครั้นคิดดังนี้จึงยอมทำตามคำสั่งของพี่ชาย หลังจากไปฝึกปรือท่วงท่าการใช้เสน่ห์ยั่วยวนมัดใจบุรุษกับหญิงคณิกาที่มีชื่อเสียงนางหนึ่งของหอคณิกาแล้ว นางก็กลายเป็นอนุคนโปรดของหนานเจียงอ๋อง
ในช่วงเวลาที่อยู่กับหนานเจียงอ๋องนั้น ด้วยความที่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันนานวัน นางจึงเกิดความรู้สึกผูกพันหลงรักหนานเจียงอ๋องที่หน้าตานับว่าหล่อเหลาขึ้นมาจริงๆ น่าเสียดายที่ความรักครั้งนี้ต้องพังลงไปพร้อมกับการสู้รบอย่างดุเดือดในศึกดงต้นกกครั้งนั้น
‘ผู้ที่สามารถขับไล่ทหารต้าเว่ยได้ อ๋องอย่างข้าจะแบ่งปันอนุให้อีกด้วย!’ เสียงตะโกนลั่นนี้ถึงแม้จะอยู่ไกลออกไป แต่ก็ยังดังไปถึงหูของเก๋ออวิ๋นเอ๋อร์เข้าจนได้ ในเสี้ยวขณะนั้นความอบอุ่นที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในใจนางพลันเหือดหายไปโดยสิ้นเชิง ที่แท้…ในสายตาของหนานเจียงอ๋องที่ดูเหมือนรักใคร่โปรดปรานนางปานจะกลืนกินนั้น สุดท้ายนางก็ยังคงเป็นสตรีที่ถูกทอดทิ้งและแบ่งปันได้อยู่ดี